บทที่ 1 หมอดูแม่นๆ EP.1

1582 คำ
ขวัญชีวาขับรถยนต์คันเล็กรุ่นยอดนิยมที่เธอเก็บเงินซื้อเองโดยไม่พึ่งทางบ้านแม้แต่สตางค์แดงเดียวเข้าไปในซอยลึกตามคำบอกของคนนำทาง ก่อนจะจอดหน้าเรือนไม้ซึ่งอยู่หลังสุดท้ายในซอย ภายในรั้วไม้ระแนงสีน้ำตาลเข้มท่ามกลางความครึ้มของร่มไม้ใหญ่ บรรยากาศโดยรวมดูวังเวงอย่างบอกไม่ถูกจนต้องหันไปถามผู้เป็นเพื่อน “แกจะมาทำไมที่นี่หรือยายนก” “เอาน่าเดี๋ยวแกก็รู้เอง” กรวรรณพูดกำกวมต่อ ขวัญชีวาลดกระจกลงแล้วเหลียวมองไปรอบๆ จึงเห็นต้นลั่นทมปลูกอยู่สองข้างทาง ถึงแม้จะออกดอกขาวพราวสวยอยู่เต็มต้น ทว่าด้วยรูปร่างของลำต้นที่ไร้ใบของมันกับกลิ่นหอมเอียนๆ ที่โชยมาเข้าจมูก บวกกับบรรยากาศวังเวงของยามแดดร่มลมตก เรียกให้ขนอ่อนที่แขนของหญิงสาวลุกชันขึ้นมาทันที และคนไวต่อความรู้สึกอย่างเธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงหันขวับไปจ้องหน้าผู้เป็นเพื่อนตาเขม็ง “แกชวนฉันมาเป็นเพื่อนเพื่อมาหาหมอดูใช่ไหมยายนก” รอยยิ้มแหยๆ บนใบหน้าของผู้เป็นเพื่อนคือคำตอบได้เป็นอย่างดี “อาจารย์จันทร์ทิพย์ไม่ใช่หมอดู แต่เป็นผู้ที่หยั่งรู้อนาคต” “แกหมายถึงอาจารย์จันทร์ทิพย์ที่เคยมาออกทีวีรายการสัมผัสที่หกน่ะเหรอ” คราวนี้ดวงหน้าเล็กๆ ของกรวรรณปรากฏรอยยิ้มกว้างเกิดขึ้น “แกรู้จักอาจารย์ด้วยเหรอหนูวา” คนถูกถามส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่า เผอิญแม่ฉันนั่งดูกับป้าสายแล้วฉันเดินผ่านเลยเห็น เฮ้อ...แกนะแก อุตส่าห์ดั้นด้นพาฉันมาซะไกลเพื่อมาดูหมอนี่นะ” “ฉันบอกแล้วไงว่าอาจารย์ไม่ใช่หมอดู แล้วที่ต้องมาเพราะฉันนัดอาจารย์ล่วงหน้าไว้แล้วไง” กรวรรณพูดน้ำเสียงอ้อมแอ้ม “แกรู้ไหมหนูวา ตั้งแต่อาจารย์ไปออกทีวีวันนั้นก็กลายเป็นคนดัง ใครต่อใครก็อยากให้อาจารย์ดูดวงให้ทั้งนั้น ฉันต้องจองคิวตั้งสองเดือนกว่าจะนัดดูได้” “จองคิวสองเดือนเนี่ยนะ” ขวัญชีวาอุทานเสียงสูงพลางมองหน้าเพื่อนอย่างระอา “แกช่างมีความมานะพยายามกับเรื่องแบบนี้จังนะยายนก แล้วที่แกเรียกอาจารย์อะไรนี่ว่าเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตความจริงก็คือหมอดูดีๆ นี่เอง” คนเชื่อและศรัทธาเรื่องแบบนี้ขึ้นสมองค้อนผู้เป็นเพื่อนตาแทบกลับ “แกไม่รู้อะไรนังหนูวา อาจารย์คนนี้นะ ดูแม่นยังกับตาเห็น สมกับชื่อผู้หยั่งรู้อนาคต ตามที่ฉันรู้คนมาหาล้วนแล้วแต่เป็นคนดังแทบทั้งนั้น มีทุกสาขาอาชีพเลยก็ว่าได้ ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ คนในแวดวงไฮโซ พวกดาราระดับพระเอกนางเอกรวมทั้งนักร้องดังด้วยนะ” คนไม่เชื่อและศรัทธาเรื่องแบบนี้มองหน้าคนเชื่อพลางส่ายหน้าอย่างปลงๆ “แกนะแก จะจริงจังอะไรนักหนากับเรื่องแบบนี้ ฉันบอกแล้วไงว่าหมอดูคู่กับหมอเดาที่ใช้หลักจิตวิทยาเป็นส่วนประกอบในการดู อย่างผู้หญิงเวลาไปดูหมอส่วนใหญ่จะมีเรื่องอะไรนอกจากเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แค่ดูจากหน้าตาอมทุกข์ก็คาดเดาได้อยู่แล้ว ต่อให้คนไม่ใช่หมอดูอย่างฉันยังเดาออกได้เลย” “มันไม่จริงเสมอไปหรอกหนูวา” คนเชื่อถือหมอดูเถียงออกไปทันควันอย่างไม่ยอมแพ้ “ไม่จริงยังไง ไหนแกลองพูดมา” “แกจำไม่ได้หรือตอนฉันใกล้จะจบ ฉันมาดูดวงกับอาจารย์คนนี้ กะจะถามถึงเรื่องงานที่ฉันสมัครไปเท่านั้น แต่จู่ๆ อาจารย์ดันทักขึ้นมาว่าฉันจะพบกับความสูญเสีย หลังจากนั้นไม่นานปู่ฉันก็เป็นลมตายทั้งๆ ที่ร่างกายท่านแข็งแรงแถมไม่มีโรคประจำตัวด้วย แล้วจะไม่ให้ฉันเชื่อได้ยังไง อย่างนิตยสาร คู่สร้างคู่รัก ที่ดูดวงแม่นนั่นฉันเห็นด้วยที่แกว่าเป็นภาพรวม แต่เรื่องการทักทายต่อหน้าแล้วเป็นจริงตามนั้นไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ นะเพราะเหมือนแช่ง” คนฟังเกือบจะพูดท้วงออกไปแล้วว่าเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่าเพราะปู่ของอีกฝ่ายอายุมากแล้ว แต่ยั้งปากไว้ได้ทันเพราะพูดไปตอนนี้คงไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อปักใจเชื่อไปแล้ว ซึ่งครั้งนั้นเธอไม่ได้มาด้วยเพราะติดธุระ “เอาละไหนๆ ก็มาแล้ว ฉันอยากรู้นักว่าที่แกอุตส่าห์รอคิวตั้งสองเดือนจะแม่นขนาดไหน” พูดจบคนไม่เชื่อเรื่องหมอดูก็เปิดประตูก้าวลงจากรถเดินนำไปยังรั้วบ้าน แต่ก็ต้องชะงักเท้าเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะหันไปถามเพื่อนด้วยความสงสัย “ไหนแกบอกว่าอาจารย์คนนี้ดูดวงแม่นนักไงล่ะ แล้วยังเคยออกทีวีด้วย แต่ไม่ยักเห็นมีคนมาหาเลย เงียบยังกับไม่มีใครอยู่เลยด้วยซ้ำ” ที่ขวัญชีวาถามออกไปเพราะสงสัยจริงๆ ปกติบ้านของหมอดูหรือที่หลายคนเรียกว่าตำหนัก ตามที่เคยเห็นผ่านตาจากหนังสือพิมพ์หรือในโทรทัศน์มักจะพลุกพล่านและวุ่นวายจากผู้คนที่แวะเวียนมาหา ต่างกับบ้านที่เธอกำลังยืนอยู่ในขณะนี้ซึ่งดูเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอยู่ แม้แต่สุนัขสักตัวก็ยังไม่เห็น “แหม...นังหนูวา คนที่มาดูอาจจะกลับไปช่วงก่อนหน้าที่เราจะมาก็ได้ แกเดินตามฉันมาแล้วกัน” กรวรรณบอกพลางเปลี่ยนจากผู้ตามเป็นก้าวนำตรงไปยังรั้วบ้านแล้วเอื้อมมือจะกดกริ่ง ทว่ายังไม่ทันได้กด ประตูรั้วก็ถูกเปิดออกโดยหญิงวัยกลางคนร่างผอมบาง แต่งกายในชุดผ้าซิ่นสีเข้มกับเสื้อสีขาวเรียบๆ ดวงหน้าเฉยชานั้นติดจะบึ้งตึง ทำเอาขวัญชีวาที่ยืนอยู่ด้านหลังเกือบร้องกรี๊ดด้วยความตกใจที่อีกฝ่ายจู่ๆ ก็โผล่ออกมา “เชิญข้างในค่ะ” น้ำเสียงเยือกเย็นไม่ต่างกับหน้าของหญิงวัยกลางคนบอกก่อนจะยืนคอยเพื่อปิดประตู “ขอบคุณมากค่ะป้าเยื้อน” กรวรรณบอกแล้วเดินนำเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย แต่คนที่เดินตามหลังอดพูดออกมาเบาๆ ไม่ได้เมื่อเห็นเจ้าของร่างผอมบางเดินลับหายจากสายตาไปแล้ว “ถ้ามาตอนมืดๆ ฉันต้องนึกว่าไม่ใช่คนแน่ นอกจากหน้าตายังกับคนโบราณ ชื่อก็ยังไม่ต่างกันอีก” “ป้าเยื้อนเป็นแม่บ้านของอาจารย์ หน้าตาแกเป็นแบบนี้แหละ ตอนฉันเห็นครั้งแรกก็รู้สึกเหมือนแกนั่นแหละ” กรวรรณอธิบายให้เพื่อนฟังยิ้มๆ แล้วเดินนำเข้าไปภายในบ้านอย่างคุ้นเคย ก่อนจะทรุดนั่งลงบนชุดเก้าอี้ไม้รับแขกบุด้วยเบาะสีแดงซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าต่าง แม่บ้านเจ้าของใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึกเดินถือถาดน้ำเย็นสองแก้วมาวางให้ตรงหน้าแล้วก็เดินจากไป ขวัญชีวายกแก้วน้ำที่มีกลิ่นของดอกมะลิจางๆ ขึ้นดื่มอย่างชื่นใจ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ อย่างนึกประหลาดใจ เพราะถ้าไม่บอกว่าเจ้าของบ้านเป็นหมอดูหรือที่ผู้เป็นเพื่อนเรียกว่าผู้หยั่งรู้อนาคต บ้านหลังนี้ก็เหมือนบ้านโดยทั่วไปและดูน่าอยู่กว่าบ้านตึกสูงๆ ใจกลางกรุงเสียด้วยซ้ำ ทางมุมด้านขวามือของตัวห้องมีโต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีพระพุทธรูปหลายองค์วางตั้งลดหลั่นกัน กระถางธูปที่วางอยู่ด้านหน้ามีธูปที่ถูกจุดแล้วปักอยู่หลายสิบดอก บ่งบอกให้รู้ว่าก่อนหน้ามีคนมาที่นี่ กลิ่นของธูปยังลอยอบอวลอยู่ในอากาศแต่ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะหน้าต่างยาวเกือบจดพื้นที่เปิดกว้างอยู่ช่วยระบายออกไป พวงมาลัยมะลิสดที่วางอยู่บนพานทองส่งกลิ่นหอมรวยริน ช่วยทำให้บรรยากาศของห้องดูผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น บวกกับสายลมยามเย็นพัดโชยมากระทบผ้าม่านสีขาวผืนบางจนปลิวไสว กระทั่งมากระทบกับผิวกายจนเย็นฉ่ำโดยไม่ต้องพึ่งแอร์คอนดิชันเลยสักนิด บนผนังด้านซ้ายมือของห้องมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงและพระราชินีประดับอยู่ “ยายนก...” ขณะขวัญชีวากำลังจะเอ่ยถามผู้เป็นเพื่อนถึงเจ้าของบ้านก็พลันสะดุ้งสุดตัวเมื่อเหลือบเห็นหญิงวัยกลางคนผิวขาว หน้าตางดงามสมวัยในชุดผ้าซิ่นสีน้ำตาลเข้มลายขวางกับเสื้อลูกไม้คอปิดแขนสี่ส่วนสีขาว เดินออกมาจากหลังกระถางต้นไม้ใหญ่ที่ตั้งอยู่ข้างประตู มีกรรไกรอันเล็กๆ ถืออยู่ในมือ หญิงสาวลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกในใจว่าดีนะที่เธอไม่ได้พูดอะไรถึงอีกฝ่ายออกไป “ขอโทษที่ทำให้รอ” หญิงวัยกลางคนพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลแล้วจึงเดินมาทรุดนั่งลงฝั่งตรงกันข้าม “สวัสดีค่ะอาจารย์ ไม่ได้รออะไรนานหรอกค่ะ” กรวรรณยกมือขึ้นไหว้แล้วจึงหันไปพูดแนะนำกับผู้เป็นเพื่อน “หนูวา นี่อาจารย์จันทร์ทิพย์” ขวัญชีวายกมือขึ้นไหว้ “สวัสดีค่ะ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม