ตอนที่ 10 จุมพิต

1115 คำ
ไคล์ยังคงเงียบไม่ตอบ เมื่อเห็นชายคนหนึ่งกำลังก้าวเข้ามา สหวัตรฉีกยิ้มกว้าง แม้ในใจคิดอีกอย่าง ยิ่งใกล้ไคล์ ยิ่งรู้สึกว่าตนเองช่างแตกต่าง “เอ่อ...” สหวัตรอึกอัก ไคล์มองแล้วขมวดคิ้ว “ลักครับ” ลักนาราหันไปตามเสียงเรียก จ้องมองอดีตแฟนแววตาเย็นชา ไม่วายเพื่อนเก่ายังคงตามติดมาด้วย “มีอะไร!” “อย่าบอกนะว่าผู้ชายคนนี้คือแฟนใหม่ของคุณ” ลักนารานิ่งไป ไคล์ลำดับเหตุการณ์ จากสายตาดูแล้วชายคนนี้คงเป็นแฟนเก่าของเลขา และผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างกำลังส่งยิ้มยั่วพร้อมสายตามาทางเขา คงเป็นแฟนใหม่ “ครับ ผมเป็นแฟนของลักเอง” ไคล์สวมบทบาททันที คนฟังหันมาสบตาสีหน้าตื่นตะลึง ไหล่บางถูกโอบอย่างรวดเร็ว “มีอะไรหรือเปล่าครับ” ไคล์ถามไปยังสองคน “เปล่าครับ ไม่มีอะไร” “ถ้าไม่มีอะไร เราสองคนขอตัวก่อน” ลักนาราถูกโอบไหล่มาถึงรถ ก่อนเบี่ยงกายออกเมื่อคิดว่าถึงที่ปลอดภัยแล้ว เธออับอายและไม่กล้ามองหน้าเจ้านาย เพราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เจสันก้าวเข้ามาแล้วยืนเพื่อรอให้เจ้านายสั่งการ “กลับกันเถอะ” เขาบอก แล้วเปิดประตูนั่ง หญิงสาวหย่อนกายตรงเบาะหลังเคียงข้าง แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อเจ้านายไม่ได้พูดอะไรให้เธออายมากกว่านี้ แต่อย่างไร เธอคงต้องขอโทษ เพราะทำให้เขาเสียชื่อเสียง รถเคลื่อนออกจากบริเวณงาน ไคล์กอดอกมองวิวด้านนอก “เอ่อ... ฉันขอโทษกับเหตุการณ์เมื่อครู่นะคะ” หญิงสาวบอกเสียงเบา สีหน้าเครียด เขาหันมา “ไม่เห็นต้องขอโทษ ผมได้เสียเปรียบสักหน่อย” “แต่ฉันทำให้คุณต้องเสียชื่อเสียงนะคะ!” ลักนารารีบแย้ง ไคล์หัวเราะ “ถ้าเกี่ยวกับผู้หญิง ชื่อผมเสียไปนานแล้วล่ะ เรื่องแบบนี้ถ้าคุณต้องการ ผมยินดีช่วยเสมอ จะมากกว่าเมื่อกี้นี้ก็ได้นะ ผมเต็มใจ” “ไม่ค่ะ ฉันไม่ต้องการ แค่นี้ก็ขอบคุณมากแล้ว!” ลักนารารีบแก้รัวจนลิ้นแทบพันกัน ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ แล้วเหม่อมองวิวอีกครั้ง รสริมฝีปากของเลขายังคงแทรกอยู่ เขาไม่อยากห้ามตัวเองเอาเสียเลย ลักนาราทำให้ตื่นตัวอย่างประหลาด หญิงสาวลุกจากเตียงเพื่อทำกิจวัตรประจำวัน หลังจากเข้าห้องน้ำเสร็จลักนาราเดินออกมาหน้ากระจก มองตนเองในนั้นก่อนหลุบตาตรงหน้าโต๊ะหยิบเช็คขึ้นมาจ้องมองมันสีหน้ามีความสุข หกหมื่นบาท เจ้านายเช็นให้เธอเมื่อคืน มันทำให้ใจชื้นและสร้างความหวังอีกหน่อย เสียงโทรศัพท์ทำเอาลักนาราหยุดความคิด หยิบมันมาดูเบอร์ก่อนกดรับสาย “ค่ะแม่” “ลัก... แม่อยากให้ลูกกลับบ้าน มีเวลาว่างบ้างไหมลูก” ปลายสายเสียงสั่น คนเป็นลูกรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะแม่!” “ที่บ้านมีปัญหานิดหน่อย แม่อยากให้ลักกลับมา แม่มีธุระสำคัญมากจริงๆ ลูก” เธอไม่เคยได้ยินเสียงแม่เป็นแบบนี้มาก่อนเลย “ได้ค่ะแม่ พรุ่งนี้ลักจะกลับไปนะคะ” “แม่จะรอนะลัก” ปลายสายตัดไปแล้ว ลักนาราขมวดคิ้วสีหน้ากังวล เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่ แม่ดูเหมือนไม่อยากเล่า หรือมีความลับอะไรปกปิด เธอแต่งตัวหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย มาถึงห้องทำงาน วันที่สามของการทำงานร่วมกับเจ้านายใหม่ แค่วันแรกก็เล่นเอาลักนาราหัวหมุน แต่มันก็คุมกับเงินที่ได้มา ไคล์มองเลขานำแฟ้มเอกสารมาวางตรงหน้าหลังจากร่างสัญญาให้กับเขา เพราะค่ำคืนในงานการกุศลเลยได้หุ้นส่วนและลูกค้าใหม่หลายราย เขาหยิบแฟ้มเปิดอ่านเนื้อหาด้านในแล้วปิดลง ผสานมือไว้ด้านหน้า กวาดตามองเลขา ลักนาราสวมสูทสีครีม เสื้อตัวในสีเดียวกัน กระโปรงสีดำ เหมือนอาการเจ้าของมัน เขาส่ายหน้า หน้าตาสะสวยแต่เหตุใดถึงได้แต่งตัวเชยนัก “เสื้อผ้าของคุณ ไม่มีแบบสวยๆ บ้างเลยเหรอ” เขาถามตรง และมันทำให้คนฟังรู้สึกไม่พอใจ “ไม่มีค่ะ เพราะฉันไม่เห็นความจำเป็น!” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง เขาถอนหายใจ “จำเป็นสิ เลขาเป็นหน้าเป็นตาของเจ้านาย ถ้าคุณคิดว่าไม่จำเป็นให้คิดใหม่” ลักนารานึกย้อนในใจ ใช่ความสามารถทำงานไม่ได้ใช้หน้าตาสักหน่อย ทำไมเธอต้องแต่งตัวสวยด้วย ถ้าเป็นดารานางแบบก็ว่าไปอย่าง เจ้านายเห็นลูกน้องเงียบ เลยเอ่ยปากต่อ “พรุ่งนี้ผมจะพาไปซื้อเสื้อผ้า” ลักนาราอ้าปากเพื่อเถียง แต่เขายกมือห้าม “อย่าเถียงผม เพราะคุณมาเป็นเลขาของผม ผมต้องรักษาหน้าตัวเอง แค่ให้ใส่ชุดทำงานสวยๆ ดีๆ คงไม่ทำให้คุณลำบากนักหรอก” ไคล์ช้อนสายตามอง “อีกอย่างผมเป็นคนออกค่าชุดให้คุณด้วย” หญิงสาวระบายลมหายใจ “พอดีฉันมีเรื่องอยากแจ้งคุณด้วยค่ะ” ไคล์ขมวดคิ้ว แล้ววางมือจากเอกสาร เอนกายพิงพนักเก้าอี้ “เรื่องอะไร?” “ฉันมีธุระด่วน อยากขอลางานสักสามวันน่ะค่ะ” ชายหนุ่มจ้องมองในดวงตา “ธุระอะไรเหรอ ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้” ลักนาราตีหน้าเครียด ไม่อยากให้เจ้านายใหม่มาวุ่นวายกับเรื่องส่วนตัว “ธุระที่บ้านน่ะค่ะ” ไคล์เห็นสีหน้าพอเข้าใจได้ “ได้สิ ผมอนุญาตให้คุณลางาน” หญิงสาวใจชื้นยกมือกระพุ่มไหว้ “ขอบคุณมากค่ะ” พูดจบ เธอหยิบแฟ้มที่เจ้านายเซ็นเรียบร้อยแล้วเดินออกนอกห้องไป ปล่อยให้เจ้านายอมยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงรสจุมพิตอันตราตรึง เขาคงหาโอกาสแบบครั้งนั้นไม่ได้อีกแล้ว เรือนผมนุ่มปลิวสยายตามแรงลม ดวงตาเรียวสวยทอดมองวิวด้านนอก แสงไฟเป็นจุดเล็กๆ ระยิบระยับตามเส้นทาง เธอไม่ได้กลับเครื่องบินแต่เลือกเดินทางโดยรถไฟ เพราะชอบกลิ่นอายของการเดินทาง วิวยามค่ำคืน รวมถึงลมธรรมชาติที่คอยพัดกระทบผิวหน้า หนึ่งชั่วโมงที่แล้วคุยกับมารดา ท่านเร่งให้รีบเดินทางและบ่นเรื่องการนั่งรถไฟ สำหรับเธอแล้ว นี่อาจเป็นการพักผ่อนเดียวจากการทำงานาหนักหนามาระยะเวลาเกือบสามปี คนตัวเล็กถอนหายใจ ความจริงอยากให้มารดามาอยู่ด้วยแต่ท่านปฏิเสธ เพราะไม่ชอบความวุ่นวายในเมืองหลวง ทุกเดือนเธอเลยเดินทางกลับบ้าน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม