1
Rocasander Grand Hotel... (ประเทศไทย)
ร่างสูงภูมิฐานในชุดเครื่องแบบสีกากี เดินผ่านประตูทางเข้ามาด้วยท่าทางยิ้มแย้ม เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนแอบหลงรัก ยืนอยู่ตรงหน้าเคาน์เตอร์
“สวัสดีครับมะลิ” คเชนทร์ นายตำรวจหนุ่มหล่อเพิ่งเดินทางกลับจากไปเที่ยวอิตาลีกับครอบครัว ทันทีที่ลงจากเครื่องชั่วโมงก่อน เขาก็รีบ ขับรถตรงมาหาสาวเจ้าที่โรงแรมพร้อมกับของฝาก
“สะ... สวัสดีค่ะผู้กำกับฯ” มะลิฉัตรหันมามองอย่างรู้สึกตกใจนิดๆ ที่เห็นนายตำรวจหนุ่มหิ้วถุงกระดาษใบใหญ่สองสามใบเดินตรงเข้ามาหา
“ผมเอาของฝากมาให้ครับ” คเชนทร์บอกพร้อมยกถุงกระดาษวางบนเคาน์เตอร์ให้กับหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับอย่างรู้สึกเขินอาย เพราะสายตาหลายคู่ของพนักงานและลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรม กำลังหันมามองเธออย่างสนใจ
“ไม่มีของกุ๊กไก่บ้างเหรอคะผู้กำกับฯ” คนที่เพิ่งมาถึงฉีกยิ้มหวานให้ผู้กำกับการหนุ่มหล่อที่มักจะมานั่งจิบกาแฟที่ล็อบบีเป็นประจำ
“เอ่อ! ครั้งหน้าแล้วกันนะครับ” คเชนทร์บอกหญิงสาวจบ ก็หันกลับไปจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มของมะลิฉัตรต่ออย่างคิดถึง
“แหม... แบ่งที่มะลิให้ก็ได้นี่คะผู้กำกับฯ” สายไหมบอกพลางมองในถุงใบใหญ่ด้วยความรู้สึกอิจฉา
“คือขนมพวกนี้ผมตั้งใจซื้อฝากมะลิไปให้เด็กๆ น่ะครับ” คเชนทร์หันไปยิ้มให้สองสาวที่มาใหม่
“แต่เมื่อกี้ไหมเห็นกล่องคล้ายๆ กับน้ำหอมยี่ห้อดังนะคะ” สายไหมบอกพลางจ้องถุงกระดาษใบเล็กอย่างสนใจ
“ใช่ครับ! น้ำหอมของ Dior ขวดนั้นคุณแม่ของผมท่านฝากมาให้มะลิน่ะครับ” คเชนทร์ตอบพร้อมกับส่งสายตาสื่อความหมายไปให้คนที่เอาแต่เงียบ
“ว้าว!” กุ๊กไก่ทำตาลุกวาว ก่อนจะแสร้งถามต่อ เมื่อเห็นอีกกล่อง ที่อยู่ด้านในถุงใบเดียวกัน “แล้วกล่องนั้นอะไรคะ?”
“ก็น้ำหอมอีกนั่นแหละครับ ของคุณพิ” ชายหนุ่มบอกพลางมองท่าทางของสองสาวอย่างสังเกตอาการที่แปลกไป
“โห... มะลิกับพินี่โชคดีจริงๆ นะคะ” กุ๊กไก่เอ่ยด้วยน้ำเสียงค่อนขอดอย่างอดไม่ได้ ‘เดี๋ยวเถอะมึง เจอดีแน่อีมะลิ!’
“มะลิ! ไปทานข้าวกัน” พิมาลาที่ไปเข้าห้องน้ำมา เอ่ยชวน
“สวัสดีครับคุณพิ” คเชนทร์หันไปเอ่ยทักทายด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“อ้าว! ผู้กำกับฯ คเชนทร์ สวัสดีค่ะ” พิมาลามองผู้กำกับการหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะมองเลยไปยังสองสาวที่ยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์อย่างพอจะเดาสถานการณ์ออก ‘อีบ้าสองตัวนี่หาเรื่องมะลิหรือเปล่านะ!’
“มาได้จังหวะพอดีครับ ผมว่าจะชวนมะลิกับคุณพิไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันน่ะครับ” คเชนทร์บอกยิ้มๆ เพราะเริ่มจะรำคาญสองสาวที่ตั้งคำถามไม่หยุดขึ้นมานิดๆ
“โอ้โฮ! ผู้กำกับฯ ชวนทั้งทีไม่ปฏิเสธเด็ดขาดค่ะ ปะ มะลิ! ไปเร็วฉันหิวจนตาลายไปหมดแล้ว” พิมาลาเอ่ยพลางหันไปยักคิ้วให้กุ๊กไก่กับสายไหมอย่างผู้ชนะ
“พิ! ช่วยเราถือของหน่อยสิ” มะลิฉัตรหันไปบอกเพื่อนอย่างขอความช่วยเหลือ
“เดี๋ยวผมถือให้ดีกว่าครับ” ผู้กำกับการหนุ่มรีบอาสา
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรส่งถุงใบใหญ่ให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินออกมาที่นอกเคาน์เตอร์ด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ยินดีครับ” คเชนทร์รับถุงใบเดิมมาถือ แล้วชวนสาวเจ้าให้ออกเดินไปพร้อมกัน
“ไปก่อนนะ” พิมาลาหันไปบอกสองสาว ก่อนจะออกเดินตามเพื่อนรักกับนายตำรวจหนุ่มออกไปด้วยสีหน้ากวนๆ
“ผู้กำกับฯ หลงอีมะลิน่าดูเลยนะว่าไหม?” สายไหมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองสาวเดินไปขึ้นรถ BMW รุ่นใหม่ของคเชนทร์ที่จอดอยู่ด้านหน้า!
“หึ! เดี๋ยวฉันจะสั่งสอนให้มันรู้ว่าไม่ควรมายุ่งกับของของคนอื่น”
กุ๊กไก่บอกอย่างเจ็บแค้นใจ เมื่อคนที่เธอแอบสนใจมานานไปสนใจเพื่อนร่วมงานอีกคน ที่ไม่มีอะไรจะสู้เธอได้แม้แต่น้อย
“ต้องแบบนี้สิกุ๊ก! อย่าไปยอมแพ้มันเด็ดขาด ใครๆ ก็รู้ว่าเธอน่ะเป็นว่าที่คุณนายผู้กำกับฯ มาแต่ไหนแต่ไร” สายไหมรีบเสริม
“ใช่! ฉันจะไม่ยอมแพ้มันเด็ดขาด!” กุ๊กไก่บอกด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“ฉันอยู่ข้างเธอจ้ะกุ๊ก!” สายไหมบอกอย่างเอาใจ เพราะป้าของอีกฝ่ายเป็นคนเก่าคนแก่ของโรงแรมแห่งนี้มาตั้งแต่เริ่มเปิดใหม่ๆ ทำให้เป็นที่เกรงอกเกรงใจของพนักงานในทุกๆ แผนก
“ขอบใจมากไหม” กุ๊กไก่ยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้งใจ ที่เพื่อนช่วยสนับสนุนและอยู่ข้างๆ
คเชนทร์ขับรถพาสองสาวไปทานมื้อเที่ยงที่ร้านดังใกล้ๆ กับโรงแรมเสร็จ ก็ขับรถไปส่งมะลิฉัตรกับพิมาลาที่หอพัก
“ขอบคุณผู้กำกับฯ มากๆ นะคะ” มะลิฉัตรเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มหลังจากที่ลงจากรถ
“น้องๆ คงจะดีใจมากค่ะ ที่จะได้กินขนมของอิตาลี อ้อ! ขอบคุณสำหรับน้ำหอมด้วยนะคะ” พิมาลายกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับยิ้มให้ชายหนุ่ม
“เล็กน้อยครับ!” คเชนทร์รับไหว้สองสาว ก่อนจะขับรถกลับคอนโดมิเนียมอย่างอารมณ์ดี พลางวาดฝันไปถึงอนาคตที่จะได้ครอบครองหญิงสาวที่ตนหลงรักตั้งแต่แรกเจอ
สองวันต่อมา... 8:54 น.
หลังจากที่สองสาวกลับจากชลบุรีก็ต้องเปลี่ยนกะการทำงาน เข้า 9:00 น. เลิกงาน 18:00 น. โดยพักเบรกตั้งแต่บ่ายโมงถึงบ่ายสอง เนื่องจากสองสาวไม่มีที่พักในกรุงเทพฯ จึงได้รับสิทธิ์ในการเข้าพักฟรีในหอพักของพนักงานที่อยู่ใกล้กับโรงแรม
มะลิฉัตรเดินแกมวิ่งตรงไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงานอย่างเร่งรีบ เพื่อลงเวลาเข้างานเหมือนที่บางแห่งใช้การตอกบัตรเป็นเครื่องยืนยัน ตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่นาทีแล้ว
“ไงมะลิ!” กุ๊กไก่ที่เพิ่งจะออกกะ ทักทายศัตรูหัวใจด้วยสีหน้าตึงๆ
“มีอะไรเหรอกุ๊ก!” คนที่กำลังวางนิ้วลงบนเครื่องสแกนหันมาถามกุ๊กไก่กับสายไหม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดเรื่องอะไร
“เธอรู้ว่าฉันชอบผู้กำกับฯ คเชนทร์ใช่ไหม” กุ๊กไก่เข้าประเด็น
“แล้ว...” มะลิฉัตรเลิกคิ้วถามพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกครั้ง เพราะพิมาลาที่แวะซื้อกาแฟยังไม่โผล่มาสแกนนิ้ว
“แหม! รู้แล้วก็ไม่ควรยุ่งกับคนที่เพื่อนแอบรักน่ะสิยะ” สายไหมต่อว่าอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ผู้กำกับฯ เอาขนมมาฝากให้น้องๆ ของฉันก็แค่นั้น” เธอบอกก่อนจะเอากระเป๋าไปเก็บในล็อกเกอร์
“แล้วน้ำหอมล่ะ?” กุ๊กไก่ถามพลางมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจดเท้า
“พวกเธอก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ ตอนที่เขาบอก” มะลิฉัตรรู้สึกเบื่อหน่าย ที่ถูกอีกฝ่ายถามเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบจะเรียกได้ว่ามันเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง ที่เธอจะต้องเจอตอนเข้างาน
กุ๊กไก่รีบกระชากแขนของคนที่กำลังจะเดินออกไป ให้หันมาคุยกับตน “เขาจะบอกยังไงก็ช่าง! ที่ฉันอยากรู้ตอนนี้คือแกจะเลิกยุ่งกับ ผู้กำกับฯ หรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ไปยุ่งกับเขาสักหน่อย พวกเธอก็เห็น” มะลิฉัตรบอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างเริ่มจะมีอารมณ์ขึ้นมานิดๆ
“ตกลงจะไม่เลิกยุ่งใช่ไหม” กุ๊กไก่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างเอาเรื่อง
“ลากมันเข้ามาตบข้างในนี่เลยกุ๊ก ข้างนอกมีกล้องวงจรปิด!”
สายไหมบอกเพื่อนสาว พร้อมกับเตรียมตั้งท่าจะตบอีกฝ่าย
“ก็ลองดูสิ!” พิมาลาที่ถือกาแฟเดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคเมื่อครู่เข้า จึงบอกกับสายไหมแล้วจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าพร้อม จะมีเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรอุทานอย่างตกใจ เมื่อเห็นเพื่อนสาวโผล่เข้ามาได้จังหวะพอดี
“ถ้าเธอสองคนทำอะไรมะลิละก็ จบไม่สวยแน่” พิมาลาบอกพร้อมกับชี้หน้าของสองสาวอย่างเอาเรื่อง
“พิ! อย่า” มะลิฉัตรสะบัดแขนที่ถูกกุ๊กไก่จับออก แล้วรีบเดินเข้าไปจับแขนเพื่อนสาวจอมบู๊เอาไว้มั่น กลัวว่าอีกฝ่ายจะเบรกอารมณ์ไม่อยู่
“กลัวอะไรมะลิ” พิมาลาหันมาต่อว่าเพื่อนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
“ไม่ได้กลัว! แต่ถ้ามีเรื่องแล้วเราจะได้ออกจากงานทั้งคู่นะพิ!” มะลิฉัตรกระซิบบอกเสียงเบา
“โธ่! นึกว่าจะแน่” สายไหมยิ้มเหยียดๆ ใส่สองสาว ทั้งที่ในใจก็กลัวว่าพิมาลาจะเอากาแฟสาดใส่ตนกับเพื่อน
“แกอยู่ยากแล้วนังมะลิ ระวังตัวให้ดีๆ” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับชี้หน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ
“เป็นแค่เด็กกำพร้าน่ะ! หัดเจียมตัวเอาไว้ซะบ้างสิ คุณคเชนทร์เขาคงไม่บ้าเอาเธอไปเป็นคุณนายผู้กำกับฯ หรอก หึ!”
สายไหมรีบดึงแขนของเพื่อนสาวเดินออกไป เพราะใกล้เวลาที่หัวหน้าแผนกจะมาตรวจงาน
“เด็กกำพร้าแล้วมันหนักส่วนไหนไม่ทราบฮะ! อีไหมขัดฟัน!” พิมาลาตะโกนตามหลังด้วยสีหน้าเดือดดาล
“ช่างเถอะพิ!” มะลิฉัตรปราม กลัวเสียงจะเล็ดลอดออกไปด้านนอกให้คนอื่นได้ยิน
“พวกมันทำแบบนี้มากี่ครั้งแล้วฮะมะลิ” พิมาลาหันมาถามคนข้างๆ ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
มะลิฉัตรถอนหายใจอย่างเพลียๆ ก่อนจะตอบ “ก็หลายครั้งอยู่ เราอยากจะลุกขึ้นสู้นะ อยากลองต่อยปากเสียๆ นั่นดูสักครั้ง! แต่พอนึกไปถึงหน้าน้องกับแม่แล้ว เราทำไม่ได้ เพราะที่นี่ให้เงินเดือนเยอะกว่าที่อื่น แถมสวัสดิการต่างๆ ก็ดี อะไรที่ทนได้ก็ทนไปก่อน”
“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่จบอยู่แค่นี้แน่ๆ”
“เอาน่า! ถ้าวันไหนที่มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เราจะสู้ให้สุดใจขาดดิ้นไปเลยดีมะ”
“เฮ้อ... ก็เป็นซะแบบนี้!” พิมาลาบอกก่อนจะวางนิ้วลงที่แป้นสแกน จากนั้นก็เอากระเป๋าเข้าไปเก็บในล็อกเกอร์
“พักเบรกวันนี้เราไปกินส้มตำที่ร้านข้างตึกกันนะ” มะลิฉัตรรีบเปลี่ยนเรื่องคุย เมื่อเห็นเพื่อนยังไม่หายหน้าบูดบึ้ง
“อืม! ว่าแต่วันนี้ผู้กำกับฯ จะมาไหมนะ?”
“เฮ้อ...” มะลิฉัตรกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินเพื่อนเอ่ยถึงชายหนุ่มผู้เป็นสาเหตุทำให้เธอเกือบโดนตบเมื่อครู่ ‘ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ทำให้อยู่ยาก’
“เธอไม่ชอบคุณคเชนทร์เหรอมะลิ ฉันว่าเขาหล่อบาดใจออก” พิมาลาถามต่ออย่างนึกสนุกเมื่อเห็นอาการของเพื่อนสาว
“ไม่อะ! ตอนนี้ฉันสนใจงานกับเงินเดือนที่จะต้องเก็บมากกว่า”
“อ๊ะ! แต่คุณคเชนทร์ฐานะร่ำรวยนะ เป็นฉันจะรีบคว้าเอาไว้เลย” พิมาลาที่เริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเอ่ยแซว
“ได้โปรด... เปลี่ยนเรื่องคุยกันได้ไหมคะคุณพิ” มะลิฉัตรบอกด้วยสีหน้าเพลียๆ
“คิกๆๆ อายเหรอ” พิมาลายิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนหน้าแดง
“อายบ้าอะไรล่ะ!”
มะลิฉัตรบอกก่อนจะรีบคว้าแก้วกาแฟเดินออกไปวางที่ใต้เคาน์เตอร์ด้านหน้า พิมาลายิ้มก่อนจะรีบเดินตามเพื่อนสาวออกไปอย่างชอบใจที่เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางขึงขังกลบเกลื่อนอาการเขินอาย
เช้าวันต่อมา... Rocasander Grand Hotel
มะลิฉัตรกับพิมาลาแวะซื้อกาแฟที่ร้านประจำก่อนจะเดินตรงไปยังทางเข้าด้านหลังสำหรับพนักงาน เพื่อเข้าทำงานเหมือนปกติ
“มะลิไปก่อนนะ เราขอแวะรดน้ำดอกไม้แป๊บ” พิมาลาสะกิดบอกเมื่อเดินผ่านห้องน้ำ
“อืม! รีบๆ มานะเหลืออีกไม่กี่นาทีแล้ว” มะลิฉัตรบอกอย่างขำๆ กับคารมคมคายของเพื่อน
“จะทำสถิติเลยจ้า” พิมาลาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังห้องน้ำด้วยสีหน้าตื่นๆ มะลิฉัตรส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะรีบเดินไปยังห้องสแกนนิ้วมือพนักงาน
ร่างบอบบางในชุดยูนิฟอร์มของพนักงานต้อนรับ ที่เน้นสัดส่วน ทำให้ใครหลายๆ คน หันมามองตามกันเป็นตาเดียว มะลิฉัตรเดินเร็วๆ ตรงไปห้องสแกนนิ้วที่เห็นสายไหมเปิดประตูชะโงกหน้าออกมา จากนั้นก็ดึงประตูกลับเข้าไปเช่นเดิม
‘มาแล้วๆ’
เสียงแว่วๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้มะลิฉัตรชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผลักประตูเข้าไป
ซ่า...
“อะ... อะไรกันเนี่ย?”
มะลิฉัตรถามอย่างมึนงง เมื่อถูกกุ๊กไก่สาดน้ำแดงใส่ จนเปียกชุ่มไปทั้งตัว
“อุ๊ย! ขอโทษด้วยจ้ะ” กุ๊กไก่ยิ้มก่อนจะทำท่าเสียใจ
“เป็นไรมากไหมจ๊ะมะลิคนสวย คิกๆๆ” สายไหมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้าช็อก!
“นี่มันเกินไปแล้วนะ” มะลิฉัตรเอ่ยด้วยสีหน้าแดงก่ำ
“ฉันก็ขอโทษแล้วไงมะลิ ฉันไม่ได้ตั้งใจจ้ะ คิกๆๆ” กุ๊กไก่บอกพลางหัวเราะคิกคัก
“เธอตั้งใจสาดใส่ฉัน!” มะลิฉัตรว่าก่อนจะวางกระเป๋าที่เปียกน้ำแดงลงใกล้ๆ กับโต๊ะติดผนัง
“อ้าวพูดแบบนี้! จะหาเรื่องฉันเหรอ?” กุ๊กไก่ถามกลับเสียงดัง
“ฮะ! ใครกันแน่ที่หาเรื่อง” คนที่ทำใจเย็นมาตลอด ตอกกลับอย่างไม่ยอม
“ทำไม? แกจะทำอะไรฉันเหรอนังมะลิ” กุ๊กไก่ท้าอย่างถือดีเพราะป้าของเธอนั้นอยู่มานานจนผู้จัดการยังต้องเกรงใจ ต่อให้เธอจะทำอะไรมะลิฉัตร เธอก็ไม่มีทางเดือดร้อน
“ก็ทำแบบนี้ไง” มะลิฉัตรยิ้มก่อนจะสาดกาแฟใส่อีกฝ่ายคืน
ซ่า!
“กรี๊ดดดดด” กุ๊กไก่กรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ ไม่ทันได้ตั้งตัว
“กุ๊ก!” สายไหมช็อกไปชั่วขณะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ
“อุ๊ย! ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ” มะลิฉัตรบอกด้วยน้ำเสียงเดียวกับที่อีกฝ่ายบอกเธอเมื่อก่อนหน้า
“จับมัน! ฉันจะสั่งสอนอีเด็กกำพร้าให้รู้ว่าการที่มายุ่งกับคนอย่างกุ๊กไก่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง” กุ๊กไก่บอกพลางปัดน้ำสีน้ำตาลอ่อนที่เกาะตามเนื้อตัวออก
“ดะ...” ได้เลย สายไหมยังไม่ทันได้พูดจบ อยู่ๆ ประตูห้องก็ถูกกระชากออกอย่างแรง
พลั่ก!
“มึงจะสั่งสอนใครเหรออีกุ๊ก!” พิมาลาถามด้วยสีหน้าตึงๆ พร้อมกับมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“พิ!” มะลิฉัตรเรียกคนที่เพิ่งมาถึงอย่างตกใจ
“ทำไมเปียกแบบนี้!” พิมาลาหันมามองเพื่อน ขณะที่อารมณ์เดือดพล่านพุ่งขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัว หลังจากได้ยินคำพูดก่อนหน้าของกุ๊กไก่ ที่บอกว่าจะตบสั่งสอนอีเด็กกำพร้าเข้าเต็มๆ สองหู
“กุ๊กสาดน้ำแดงใส่เรา เราเลยสาดกาแฟกลับน่ะ” มะลิฉัตรบอก
“อ้าว! แบบนี้ก็สวยสิ” พิมาลามองหน้าสองสาวกลับอย่างไม่ยอม ‘ตายเป็นตาย! วันนี้จะขอตบอีลูกมีพ่อมีแม่ดูสักครั้งเถอะ!’
“กูสวยอยู่แล้ว!” กุ๊กไก่บอกพร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ
“นี่มึงรวบรวมความกล้านานไหม ที่จะบอกว่าตัวเองสวยด้วยท่าทางมั่นใจแบบนี้น่ะ” พิมาลาถามกลับพร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดๆ ตั้งแต่หัวจดเท้า
“เดี๋ยวฉันตบอีพิให้ เธอจัดการอีมะลิได้เลย”
สายไหมกระซิบบอกเพื่อนพร้อมกับตั้งท่าจะเปิดศึกกับสองสาว
“ได้!” กุ๊กไก่พยักหน้ารับ เตรียมจะตรงเข้าไปกระชากแขนของอีกฝ่ายมาตบ แต่ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง
พลั่ก!
“นี่-มัน-เกิด-อะ-ไร-ขึ้น!” สิรันถามพลางกวาดตามองสี่สาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา กับสภาพพื้นห้องที่เปียกไปด้วยกาแฟและน้ำแดง
“เอ่อ... ก็มะลิน่ะสิคะหัวหน้า! อยู่ๆ ก็เอากาแฟสาดใส่กุ๊กไก่ค่ะ” สายไหมรีบรายงาน
“พวกเธอทุกคน! ตามฉันไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้!” สิรันบอกเสียงเข้มก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทำเอาสี่สาวรีบเก็บของใส่ล็อกเกอร์แล้วตามหัวหน้าแผนกไปติดๆ
แผนกต้อนรับ...
“เอาละมีใครจะเป็นคนเล่าก่อน” สิรันถามขึ้นเมื่อสี่สาวเข้ามานั่งกันจนครบ
“หนูค่ะ” กุ๊กไก่รีบยกมือขึ้น
“เชิญ” สิรันบอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างสำรวจ
“กุ๊กกับไหมกำลังจะเดินออกจากห้องสแกนนิ้ว มันเป็นจังหวะเดียวกับที่มะลิเดินเข้ามา แล้วชนกับแก้วน้ำแดงที่หนูถือเข้า เลยทำให้เปียกอย่างที่เห็น หนูพยายามขอโทษ และบอกว่าไม่ตั้งใจ แต่มะลิก็ไม่ฟัง เขาคิดว่าหนูตั้งใจทำ เลยเอากาแฟสาดใส่หนูค่ะ” กุ๊กไก่เล่าทั้งน้ำตานองหน้าผิดไปจากท่าทีก่อนหน้าลิบลับ
“โห... จบการแสดงมาเปล่าเนี่ยแม่คุณ” พิมาลาถึงกับอึ้งในความสามารถของอีกฝ่าย ที่เรียกน้ำตาได้ทันทีทันใดอย่างไม่น่าเชื่อ
“พิมาลา!” สิรันเอ่ยปรามคนที่ขัดจังหวะ
“ขอโทษค่ะหัวหน้า” พิมาลายกมือขึ้นไหว้หัวหน้าแผนกทันใด
“เล่าต่อ” สิรันหันไปพยักหน้าให้ดาราเจ้าบทบาทพูดต่อ
“เอ่อ... พอพิมาลาเข้ามาเห็นว่ามะลิเปียกเท่านั้นค่ะ ก็คิดว่าถูกหนูกับสายไหมแกล้ง ฮึก! ถะ... ถ้าเมื่อกี้หัวหน้าเข้ามาไม่ทันหนูกับเพื่อนอาจจะโดนสองคนนี่ทำร้ายร่างกายแล้วค่ะ ฮึก...”
“มะลิ! ถึงตาเธอเล่าแล้ว” สิรันส่ายหน้าอย่างเพลียๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งเงียบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
“ค่ะหัวหน้า! ก่อนที่หนูจะเข้าไปในห้องสแกนนิ้ว หนูได้ยินเสียงของสายไหมพูดว่า มาแล้วๆ และทันทีที่หนูเปิดประตูเข้าไป กุ๊กไก่ก็สาดน้ำแดงใส่หน้าหนู แล้วบอกว่า อุ๊ยตาย! โทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นกุ๊กไก่กับสายไหมก็หัวเราะใส่หนูค่ะ”