“ฉันเอง!” เลโอนาดท์ตอบก่อนจะหยิบกางเกงยีนส์ขึ้นมาสวมต่ออย่างเร่งรีบ
“ก็แล้วฉันคนไหนล่ะ?” ปลายสายยังคงใช้น้ำเสียงเดิม
“เลโอนาดท์ไง!” คนที่ถูกถามกลอกตาอย่างเซ็งๆ
“ฮะ! เลโอนาดท์ไหน? ฉันไม่เคยมีเพื่อนชื่อนี้มาก่อน ฮ่าๆๆ” ธาริณีตอบพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขัน เจซีขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างเสียวสันหลังแทนอีกฝ่าย
“ก็เลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ เจ้าของโรงแรมที่เธอทำงานอยู่ ไง! พอจะจำได้ไหม” เลโอนาดท์กัดฟันถามอีกครั้งด้วยสีหน้าตึงๆ
“ทะ... ท่าน!” ปลายสายตาโต หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันใด เมื่อรู้ว่าตนกำลังจะชะตาขาด!
“เธอรู้ไหม? ว่ามะลิไปไหน!” เลโอนาดท์ถามอย่างร้อนใจ
“มะ... มะลิเหรอคะ อะ... เอ่อ... ดะ... เดี๋ยวณีโทร. ตามให้ค่ะท่าน” ธาริณีรีบอาสา
“ฉันให้เธอห้านาที! ถ้าตามมะลิมาให้ฉันไม่ได้ ฉันจะไล่เธอออก” เลโอนาดท์เอ่ยจบก็ตัดสายทิ้ง จากนั้นก็หันมาสั่งงานคนสนิทต่อ!
“บอกให้การ์ดเตรียมรถให้ฉันด้วย!”
“ครับ!” เจซีรับคำก่อนจะเดินออกไปสั่งงานการ์ดที่อยู่ด้านนอก
สิบนาทีต่อมา...
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
“ว่าไง?” เลโอนาดท์เอ่ยถามทันทีที่กดรับสาย
“มะลิอยู่ที่ชลบุรีค่ะตอนนี้” ธาริณีบอกด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ
“ตรงไหนของชลบุรี”
“เอ่อ... เดี๋ยวณีส่งแผนที่ของบ้านเดือนแรมไปให้ในไลน์ค่ะ”
ธาริณีบอกเสียงสั่น เพราะเพิ่งโทร. ไปไล่บี้จากพิมาลามา
“โอเค!” เลโอนาดท์กดวางสาย ก่อนจะกดรับธาริณีเป็นเพื่อนในไลน์ แล้วเปิดดูโลเกชั่นที่อีกฝ่ายส่งมาให้
“ลีโอ! ไปดื่มกันไหม?”
โดมินิกเอ่ยถามหลังจากที่เดินเข้ามาหาเพื่อนรักถึงในห้องนอน พลางส่งสายตามองหาสาวที่นอนอยู่บนเตียงเมื่อตอนเช้าไปในตัว ‘จะสวยขนาดไหนกันวะ!’
“ไม่! ฉันจะไปชลบุรี” เลโอนาดท์ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ไปทำไม?”
“ไปตามเมีย!”
“นี่แกบ้าไปแล้วเหรอลีโอ! ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง จะอะไรนักหนาวะ เมื่อเช้าแกก็ไม่เข้าประชุม ตอนนี้แกเหมือนคนที่ไม่สนใจอะไรเลย! รู้ใช่ไหมว่าโรงแรมที่เรากำลังจะสร้างมันกี่ร้อยล้าน” โดมินิกรีบเตือนสติ
“ฉันรู้ทุกอย่าง โอเค้! ตอนนี้ฉันกำลังจัดการกับปัญหาอยู่”
“ปัญหาอะไร! จ่ายเงินแล้วก็จบๆ ไป เหมือนผู้หญิงคนก่อนๆสิวะ”
“ก็เธอไม่เหมือนกับผู้หญิงที่เคยผ่านมาน่ะสิ! ฉันถึงได้เป็นบ้าอยู่นี่ไง!” เลโอนาดท์กลอกตาก่อนจะตอบด้วยสีหน้าเซ็งๆ
“ทำไม! เธอต่างไปจากคนก่อนๆ ตรงไหนฮะ” โดมินิกถามกลับอย่างต้องการคำตอบ
“เธอบริสุทธิ์” เลโอนาดท์กลอกตา เมื่อถูกเพื่อนรักทำท่าจับผิด
“พระเจ้า! นายก็แค่รู้สึกผิดลีโอ จ่ายเงินให้เธอไปสักสิบล้าน แค่นี้ก็จบแล้ว นายไม่เห็นต้องคิดมากเลย!”
“มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินซาเก้ มันเกี่ยวกับความรู้สึกของฉัน ฉันปล่อยเธอไปไม่ได้!”
“ทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องยากด้วยวะ! นายเป็นอะไรลีโอ นายกำลังเอาตัวเองไปผูกมัดกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่นะ!”
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันรู้แค่ว่าตอนนี้ฉันต้องไปตามเธอ!”
“นายบินมาก่อนฉันแค่สิบชั่วโมง ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนนายไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ”
“ให้ตายเถอะ! คนที่พยายามเปลี่ยนคือฉันต่างหากซาเก้ เธอไม่แม้แต่จะเรียกร้องใดๆ เลยด้วยซ้ำ”
“งั้นฉันจะไปชลบุรีกับนาย! ฉันอยากจะเห็นหน้าคนที่ทำให้เพื่อนฉันเป็นบ้า!” โดมินิกบอกด้วยสีหน้าตึงๆ อย่างรับไม่ได้กับการกระทำของเพื่อนรักที่เปลี่ยนไป
“ไม่ได้! นายต้องไปดูที่ที่เชียงใหม่พรุ่งนี้!”
“ไม่! ฉันจะไปกับนาย” โดมินิกบอกอย่างไม่ยอม
“ซาเก้! ฉันขอเคลียร์กับเมียแบบส่วนตัวก่อนได้ไหม! ยังไงนายก็จะได้เจอเธอแน่นอน แต่เรื่องที่ดินที่เชียงใหม่ ถ้านายไปช้า อาจจะพลาดโอกาสได้นะเพื่อน!” เลโอนาดท์เตือนสติอีกฝ่ายกลับ
“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าเรื่องที่นายจะเอาเมียหรอก ลีโอ” โดมินิกบอกพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แคร์
“ซาเก้ ได้โปรด... ฉันอยากคุยกับเธอก่อน โดยที่ไม่ เอ่อ...”
“ก็ได้ๆ นายไปง้อเมีย ส่วนฉันไปดูที่ที่เชียงใหม่พรุ่งนี้ พอใจหรือยัง!” คนที่ตื๊อมานานบอกอย่างรำคาญ เพราะที่ดินที่เชียงใหม่มีคนจ้องจะกว้านซื้อแข่งอยู่สองสามราย
“เยี่ยม งั้นฉันไปก่อนนะ!”
เลโอนาดท์ออกเดินไปข้างนอก ตรงไปยังลิฟต์ที่ใช้เป็นเส้นทางลับลงไปยังที่เก็บรถส่วนตัว
“อืม!” โดมินิกครางตอบในลำคอ ก่อนจะเดินตามไปติดๆ
“นี่นายจะตามฉันมาทำไมวะ” คนจะไปตามเมียหันมาถามอย่างมึนงง
“ฉันก็จะออกไปข้างนอกไง” โดมินิกตอบกวนๆ ก่อนจะหันไปกดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง
“นายจะไปไหน?” เลโอนาดท์ถามอย่างเริ่มไม่มั่นใจ กลัวว่าอีกฝ่ายจะแอบขับรถตาม
“ไปหาผู้หญิงคลายเครียด ผู้หญิงแบบที่... ครั้งเดียวแล้วจบน่ะ” โดมินิกได้ทีก็ต่อยต่อด้วยวลีเด็ดที่บาดใจ
“หึ! ตามสบายเลย!” เลโอนาดท์เอ่ย ยักไหล่ยิ้มๆ
“สบายสิ! เพราะไม่ต้องหิ้วพวกเธอไปนั่นมานี่ด้วยตลอดเวลา แถมยังไม่ต้องเสียเวลาไปวิ่งตามหาตัวให้เสียการเสียงานอีก” คนที่ถูกทิ้งให้ไปทำงานต่อว่าด้วยสำนวนเชือดเฉือน
“พระเจ้า! นายทำเหมือนหึงฉันเลยว่ะ ฮ่าๆๆๆ” เลโอนาดท์หัวเราะเสียงดังใส่ท่าทางของเพื่อนรักอย่างขบขัน
“หึงบ้าอะไรวะ! ฉันแค่หงุดหงิดที่นายทิ้งงานให้ฉันทำคนเดียวต่างหาก” โดมินิกตอบด้วยสีหน้าตึงๆ
ติ๊ง!
“วันหนึ่งนายอาจจะเปลี่ยนเหมือนฉันซาเก้!” เลโอนาดท์เอ่ยพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำที่หางตา ก่อนจะก้าวเดินออกมาจากลิฟต์
“ไม่มีทาง ฉันรักอิสระว่ะ” โดมินิกยกยิ้มมุมปากอย่างเหยียดๆ พร้อมกับก้าวตรงไปหยิบกุญแจจากบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ฉันก็เคยรักอิสระ แต่ตอนนี้...”
“พอ! ฉันจะอ้วก!” โดมินิกรีบยกมือห้าม เพราะไม่อยากได้ยินประโยคเลี่ยนๆ อีก
“ฮ่าๆๆ ขับรถดีๆ แล้วกัน” เลโอนาดท์มองเพื่อนรักเปิดประตูเข้าไปประจำที่คนขับในแลมโบร์กินีคันโปรดอย่างขำๆ
ปรื้นๆ ปรื้นๆ
โดมินิกเร่งเครื่องยนต์สี่ห้าครั้ง ก่อนจะขับไปวนกลับมายังจุดที่เพื่อนรักยืนดูอยู่แล้วลดกระจกด้านข้างลง
“รู้อะไรไหมลีโอ! เรื่องนี้ต้องถึงหูเอเดนว่ะ”
“ซาเก้! เดี๋ยว!” เลโอนาดท์ถลาเข้าไปที่รถทันที เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยชื่อของบิดาตน
“บายเพื่อน! อย่าลืมหาคำตอบเอาไว้ให้ดีล่ะ ฮ่าๆๆ”
โดมินิกส่งยิ้มหวานอย่างกวนๆ ก่อนจะขับเร่งเครื่องออกไปด้วยความเร็ว ไม่ปล่อยให้เพื่อนรักได้ต่อรองใดๆ
13:10 น. (ชลบุรี สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บ้านเดือนแรม)
บ้านไม้กึ่งเก่ากึ่งใหม่ ที่มีห้องนอนสามห้อง ห้องน้ำอีกสามห้องและห้องโถงใหญ่ มีเด็กน้อยอายุตั้งแต่ 7-10 ขวบ หกคน กำลังช่วยกันทำความสะอาดบ้าน
มะลิฉัตรมองเข้าไปข้างในรั้วบ้าน น้ำตาคลอ ไม่มีที่ไหนสุขใจเท่าบ้านอีกแล้ว เธอดึงกระดิ่งที่ห้อยอยู่ตรงประตูรั้วมาเขย่าสามสี่ครั้งเพื่อดึงความสนใจของคนที่อยู่ด้านใน
กรุ๊งกริ๊งๆ
“พี่มะลิ! พี่มะลิมาแน่ะพวกเรา” หนึ่งตะโกนบอกน้องๆ อย่างดีใจ
“เย้ๆ พี่มะลิมาแล้ว” เด็กๆ พากันโห่ร้องก่อนจะรีบวิ่งตรงมาเปิดประตูให้พี่ใหญ่ของบ้านเดือนแรม
“สวัสดีจ้า สบายดีกันไหม! แล้วแม่ล่ะอยู่ไหน?” มะลิฉัตรยิ้มให้น้องๆ ก่อนจะมองหาบุคคลที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก
“แม่อยู่นี่จ้ะมะลิ!” จันทร์ฉายเดินเข้าไปหาหญิงสาวอย่างดีใจ
“คิดถึงแม่ที่สุดเลย” มะลิฉัตรกอดซบราวกับเด็กที่โหยหาความอบอุ่น แม้เธอจะเจอเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตมา แต่เพียงแค่ได้มาเห็นรอยยิ้มของคนที่เธอรัก แค่นี้มันก็ทำให้ความเจ็บปวดที่มีจางลงไปจากเดิม ถึงแม้ว่ามันจะยังหลงเหลือร่องรอยเอาไว้ทุกๆ ส่วนของร่างกายก็ตาม
‘เสียแล้วให้มันเสียไป! เรายังมีครอบครัวที่ต้องดูแล ห้ามอ่อนแอเด็ดขาดนะมะลิ!’
“เป็นอะไรนะเด็กคนนี้ อ้อนใหญ่เชียว! แล้วนี่ไปทำอะไรมาตาบวมเชียว!” จันทร์ฉายเอ่ยพลางมองสำรวจใบหน้างาม
“สงสัยพี่มะลิจะร้องไห้คิดถึงแม่แน่ๆ ใช่ไหมพวกเรา” หนึ่งเด็กชายวัยสิบขวบเอ่ยแซวพี่สาวยิ้มๆ
“แหม! รู้ดีจริงๆ นะเรา” มะลิฉัตรรีบเนียนตาม เพราะกลัวว่าจะทำให้มารดาไม่สบายใจ
“แม่ว่าไปหาข้าวกิน แล้วขึ้นไปนอนพักให้หายเหนื่อยก่อน หน้าตาเราดูอิดโรยนะ งานหนักเกินไปหรือเปล่า” จันทร์ฉายถามพลางลูบที่แก้มนวลเบาๆ
“โอ๊ย! งานแค่นี้สบายมากจ้ะแม่” มะลิฉัตรยิ้มกว้างโชว์ทันที
“งั้นเดี๋ยวแม่ทำกับข้าวให้นะ”
“ไข่ดาวร้อนๆ กับข้าวสวยก็พอนะแม่”
“กินแต่ไข่ดาวมาตั้งแต่เด็ก! ไม่เบื่อบ้างเหรอมะลิ”
“ของโปรดเลยนะ! จะเบื่อได้ยังไงล่ะแม่ คิกๆๆ”
“ไม่ต้องประหยัดขนาดนั้นหรอกลูก กินของดีๆ บ้าง ดูแลตัวเองบ้าง” จันทร์ฉายเอ่ยก่อนจะสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง
มะลิฉัตรรู้สึกถึงก้อนแข็งที่แล่นมาต้นคอ พยายามข่มน้ำตาไม่ไหลออกมา เลยต้องทำร่าเริงกลบเกลื่อน เพราะกลัวว่าจะทำให้มารดาเป็นห่วง
“งั้นเย็นนี้เราทำหมูกระทะกินกันไหม มีใครสนใจบ้างขอเสียงหน่อยเร็ว”
“เย้ๆๆๆ” เด็กๆ พากันกระโดดไปมาอย่างดีใจ
“แม่หมายถึงตอนที่อยู่กรุงเทพฯ” จันทร์ฉายเอ่ยอย่างขำๆ
“ตอนอยู่กรุงเทพฯ ก็ไปกินกับพินะแม่ ไปกินทีไรก็นึกถึงแม่กับน้องตลอดเลย อยากให้ทุกคนได้กินด้วยกัน”
“เย้ๆ จะได้กินหมูกระทะแล้ว” เด็กๆ ส่งเสียงดีใจดังไปทั่วบ้าน
“เสียดายที่เดือนนี้พิมาไม่ได้ เพราะต้องเดินสายไปประชุม แต่ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยววันนี้มะลิเทกแคร์เอง คิกๆๆ”
“พี่มะลิรู้ไหม หนึ่งน่ะอยากกินหมูกระทะมานานแล้ว บางคืนถึงกับฝันว่าถือตะเกียบ เตรียมจะคีบเนื้อเข้าปาก! แต่ก็ไม่เคยได้กินสักครั้ง เพราะตกใจตื่นซะก่อน” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง
“คิกๆๆ” เด็กๆ พากันหัวเราะอย่างขำๆ กับท่าทางของคนเล่า
“ขนาดนั้นเลยเหรอเรา” มะลิฉัตรกึ่งขำกึ่งสงสารน้องชาย
“ไม่ต้องซื้อของอะไรมาเยอะนะ เดี๋ยวกลับกรุงเทพฯ แล้วเงินจะช็อร์ตเอา!” จันทร์ฉายรีบเตือน เพราะทั้งมะลิฉัตรและพิมาลามักจะใจกว้างกับพี่น้อง แต่ถ้าเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว สองสาวจะประหยัดสุดๆ
“อยู่ที่นู่นไม่ได้ใช้อะไรหรอกแม่ ข้าวก็กินที่ทำงาน ห้องพักก็จ่ายแค่ค่าน้ำค่าไฟเท่านั้น” มะลิฉัตรบอกยิ้มๆ
“งั้นไปกินข้าวก่อน สักสี่โมงค่อยไปซื้อของกัน”
“จ้ะแม่!” มะลิฉัตรเอ่ยรับ ก่อนจะเดินตามมารดาเข้าไปด้านใน พร้อมกับน้องๆ ที่วิ่งล้อมหน้าล้อมหลังไปมาอย่างมีความสุข
16:15 น. มะลิฉัตรเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋าสะพาย แล้วเดินออกไปด้านนอก ก็เห็นน้องๆ นั่งหัวเราะกันคิกคักอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่มารดายืนอยู่ตรงโรงเรือนที่ปลูกผักออร์แกนิก
“หนึ่ง! หนึ่งไปช่วยพี่ถือของหน่อยสิ” มะลิฉัตรขอแรงพี่ใหญ่สุดในกลุ่มยิ้มๆ
“ครับ!” เด็กหนุ่มตอบรับ ก่อนจะลุกเดินไปล้างมือ เพราะกำลังเอาดินใส่ถุงดำใบเล็กๆ เตรียมเพาะต้นกล้าผักต่างๆ เพื่อเอาไปวางขายที่ตลาดนัดวันเสาร์-อาทิตย์
“มะลิขี่มอเตอร์ไซค์ดีๆ นะลูก” จันทร์ฉายหันมาบอก
“จ้ะแม่” มะลิฉัตรตอบ ก่อนจะเดินไปคร่อมมอเตอร์ไซค์ฟีโน่ ที่จอดอยู่ใกล้ๆ หนึ่งก็วิ่งตามมานั่งซ้อนท้ายติดๆ
“พร้อมนะ!” เธอหันไปถามน้องชาย หลังจากที่สตาร์ตเครื่อง
“ครับ ไม่ต้องขี่เร็วนะพี่มะลิ เอาแค่...อย่าให้แซงเราไปได้ก็พอ!” หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“คิกๆ เยอะนะเราน่ะ” มะลิฉัตรหัวเราะเสียงดังกับมุกของน้องชาย
“จำมาจากพี่พิครับ ฮ่าๆๆ” เด็กหนุ่มบอกพลางหัวเราะอย่างขำๆ
“เดี๋ยวพี่แวะกดตังค์แป๊บ!” มะลิฉัตรบอกหลังจากที่เข้ามาจอดมอเตอร์ไซค์ในปั๊มใหญ่ ที่มีตู้กดเงินสด
“ครับ” หนึ่งตอบพร้อมเดินตามไปเงียบๆ
มะลิฉัตรเสียบบัตรเอทีเอ็มเข้าไป ก่อนจะกดรหัสตาม ไม่ถึงสามวินาทีตัวเลขก็ปรากฏที่หน้าจอ
เธอยืนมองอย่างไม่เชื่อสายตากับตัวเลขตรงหน้า ‘สามแสนมาจากไหนอะ?’
“พี่มะลิ! มีอะไรหรือเปล่าพี่” หนึ่งสะกิดถาม เพราะเห็นท่าทางพี่สาวนิ่งค้างราวกับว่ามีผีโผล่ออกมาจากหน้าจออย่างไรอย่างนั้น
“มะ... ไม่มี” มะลิฉัตรตอบน้องชาย ก่อนจะรีบกดเงินออกมาจำนวนห้าพันบาท แล้วเดินกลับมาที่มอเตอร์ไซค์ด้วยสีหน้ามึนงง
‘อ๊ะ! เมื่อคืนอีตาสิงโตจ้างเราดื่มเบียร์แก้วละหมื่นนี่’ คนที่เพิ่งนึกขึ้นได้ยิ้มกว้างออกมาอย่างลืมตัว
“เงินพอหรือเปล่าพี่ ถ้าไม่พอเราค่อยกินวันหลังก็ได้ครับ” หนึ่งเอ่ยด้วยความรู้สึกเป็นห่วง กลัวว่าพี่สาวจะไม่มีเงินติดตัว
“บ้า! โบนัสพี่ออกต่างหากหนึ่ง วันนี้จัดเต็มได้เลย!”
“ว้าว! แบบนี้ผมค่อยกินแบบสบายใจหน่อย บอกตรงๆ นะครับ ผมเห็นพี่เมื่อกี้ แล้วนึกถึงความฝันเลย”
“ฝัน! ฝันอะไรอีกล่ะ?”
“ก็ฝันว่าถือตะเกียบค้างยังไงครับ ฮ่าๆๆ”
“คิกๆ ไม่ค้างหรอกจ้ะ” มะลิฉัตรตอบก่อนจะกดสตาร์ตเครื่อง แล้วขี่ตรงไปยังตลาดสด
สองชั่วโมงต่อมา...
มะลิฉัตรขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ก็เห็นรถสปอร์ตออดี้สีดำจอดอยู่ เธอรู้สึกใจสั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
‘คงไม่ใช่รถไอ้บ้านั่นหรอกนะ!’ สาวเจ้าส่งสายตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง
“ว้าว! รถนี่ท่าจะแพงนะพี่ สงสัยจะมีผู้ใจบุญมาบริจาคเงินช่วยแน่ๆ” หนึ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นขณะจ้องมองรถหรูด้วยสายตาแวววาว
“สาธุ! ขออย่าให้เป็นอีตาสิงโตเลย” มะลิฉัตรพึมพำ
“สิงโตไหนเหรอพี่?” เด็กหนุ่มถามกลับอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก เราเอาของไปเก็บที่ห้องครัวกันเถอะ”
“ครับๆ” หนึ่งเอ่ย ก่อนจะเดินตามพี่สาวตรงไปห้องครัว
“ว้าว! ของเยอะเลยพี่มะลิ” แนนที่ยืนล้างผักหันมาเอ่ยด้วยสีหน้าดีใจ ที่เห็นของทะเลวางบนโต๊ะเต็มไปหมด
“จ้ะ แล้วน้องๆ ไปอาบน้ำกันใช่ไหม” มะลิฉัตรเงยหน้าขึ้นถามน้องสาววัย 9 ขวบ
“จ้ะพี่” แนนตอบก่อนจะยกผักที่ล้างเสร็จไปวางให้สะเด็ดน้ำ
“มีแขกมาเหรอ” เธอหันไปถามน้องสาว
“ใช่จ้ะพี่! ผู้ชายตัวโตๆ ผมยาว หน้าตาดุๆ หน่อย” แนนตอบก่อนจะเดินมาเปิดดูของทะเลบนโต๊ะ
“แนน! เดี๋ยวออกไปช่วยพี่หิ้วของ ข้างนอกยังมีอีกเพียบเลย”
หนึ่งเห็นอาการแปลกๆ ของพี่สาว ที่เหมือนกับจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงหันไปชวนน้องสาวแทน
“ได้จ้ะพี่” แนนเดินตามพี่ชายออกไปอย่างว่าง่าย
มะลิฉัตรยืนนิ่ง แต่ภายในใจกลับร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ลางสังหรณ์บางอย่างบอกเธอว่า รถที่จอดอยู่ตรงหน้าบ้านคือหนึ่งในบรรดารถห้าหกคันของคนที่เธอหนีมา
“มะลิ! มะลิ!” จันทร์ฉายเดินเข้ามาเรียกคนที่เหม่อลอย
“คะ... ค่ะ” ร่างบางสะดุ้งน้อยๆ ที่โดนสะกิดแขน
“เดี๋ยวตามแม่ไปที่ห้องโถงนะ แม่มีเรื่องให้ช่วยหน่อยจ้ะ” จันทร์ฉายบอกเสร็จก็เดินออกไปอย่างไม่รอคำตอบ
มะลิฉัตรยืนทำใจอยู่ครู่ ก่อนจะเดินตามมารดาเข้าไปยังห้องโถงอย่างไม่มีทางเลือก
“อ้าว! เข้ามาสิลูก นี่คุณเลโอนาดท์ โรคาซานเดอร์ เขาจะมาช่วยเหลือดูแลน้องๆ ของเรา” จันทร์ฉายแนะนำด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพราะชายหนุ่มตรงหน้าเสนอจะส่งเด็กๆ ทุกคนเล่าเรียนจนจบการศึกษา และยังรวมไปถึงการเรียนต่อยังต่างแดน
ตอนแรกจันทร์ฉายก็อึกๆ อักๆ เพราะเห็นว่าคนที่ออกจากรถหรูมาเป็นฝรั่งตัวโต แต่พออีกฝ่ายยกมือไหว้และทักทายเป็นภาษาไทยแบบชัดถ้อยชัดคำเท่านั้น เธอก็ใจชื้นขึ้นมาทันที
“สะ... สวัสดีค่ะ” มะลิฉัตรยกมือขึ้นไหว้คนที่นั่งทำหน้านิ่งเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
‘นี่ยังจะตามมาหลอกหลอนกันอีกหรือไงนะ’
“สวัสดี” เลโอนาดท์จ้องใบหน้างามครู่หนึ่งก็เบนสายตาไปทางอื่น
“มะลิช่วยพาคุณลีโอไปชมรอบๆ เมืองหน่อยสิ! เดี๋ยวแม่จะทำอาหารรอ” จันทร์ฉายเอ่ยยิ้มๆ
“มะลิว่า...” เธอพยายามจะเอ่ยท้วง
“เชิญครับ!” ชายหนุ่มรีบตัดบทแล้วลุกขึ้น เตรียมพร้อมจะออกไปข้างนอก
“อีกชั่วโมงกว่าๆ อาหารก็น่าจะเสร็จ คุณลีโอมาทานด้วยกันนะคะ วันนี้มะลิทำหมูกระทะเลี้ยงน้องๆ น่ะค่ะ” จันทร์ฉายรีบชวนผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ทันที
“ได้ครับ!” เลโอนาดท์ยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกไปยังรถที่จอดอยู่
“ดูแลเขาดีๆ นะมะลิ” จันทร์ฉายกำชับบุตรสาวอีกครั้ง
“ค่ะ” มะลิฉัตรรับคำเบาๆ ก่อนจะเดินตามไปที่รถ
“เชิญครับ!” เลโอนาดท์เอ่ยขณะเปิดประตูให้ด้วยท่าทางสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ” มะลิฉัตรกัดฟันเอ่ย ก่อนจะเข้าไปนั่งด้านในขณะเดียวกันก็พยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ให้นิ่ง
เลโอนาดท์เดินเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ แล้วออกรถไปช้าๆ จนกระทั่งพ้นสายตาของหญิงวัยห้าสิบที่มองตามหลัง จึงเร่งความเร็วขึ้น
“นี่คุณจะรีบไปตายหรือไง!” มะลิฉัตรคว้าสายเบลต์ขึ้นมาคาดทันทีอย่างหวาดกลัว!
“หนีมาทำไม!” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงดังอย่างไม่พอใจ!
“ฉันไม่ได้หนี!” เธอเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี