ตอนที่ 6
เมื่อไหร่จะจบ
เสียงลมหายใจของนับดาวดังขึ้นอีกครั้งด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อดึงตัวเองให้หลุดพ้นจากอดีตที่เป็นจุดเริ่มต้นสัมพันธ์ลับหลังแบบนี้ แค่อาร์ชี่แกล้งทำสวีตหวานหรือ จงใจมีอะไรกับเพลินตาให้เธอรับรู้นั่น มันก็ชวนเจ็บมากพอดูอยู่แล้ว หากแต่เขาก็ยังตอกย้ำความเจ็บของเธอเข้าไปอีก ด้วยการแอบมามีอะไรกันกับหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส และเธอก็ยอมเขาทุกครั้งไปเพราะต้านแรงราคะในกายไม่ได้เลยสักครั้ง
"เมื่อไหร่ไอ้วงจรบ้าๆ นี่มันจะจบสักทีว่ะ เมื่อไหร่มึงจะปล่อยกูไปสักที" คนงามพึมพำคนเดียวแบบนั้น พร้อมกับดวงตากลมโตที่ค่อยๆ หลุบหลับลง เมื่อความอ่อนล้าดึงเอาคนทรงโตเข้าสู่ห้วงนิทราพร้อมกับลมหายใจที่สม่ำเสมอ
“ตื่นแล้วหรอนับ ตื่นสายนะมึงอ่ะ” เสียงหวานของผู้หญิงตัวเล็กที่มีดวงตากลมโตเกินใบหน้าเอ่ยทักขึ้น ความสดใสของเธอเปล่งออร่ามาตั้งแต่เช้าขนาดนี้เลยหรือไงนะ นับดาวได้แต่คิดในใจแล้วยิ้มแห้ง
“อืม เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับอ่ะมึง”
เธอตอบไปด้วยความงัวเงีย และสีหน้าเหมือนคนไม่เต็มใจตื่นเท่าไหร่ ดวงตาฉ่ำเยิ้มปรือมองดูแล้วช่างยั่วเย้านัก แล้วท่าเกาหัวนั่นอีก มันยิ่งทำเอาคนตัวใหญ่ที่อยู่ข้างกายเพลินตารู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก คนเอาแต่ใจเริ่มมองคนมาใหม่แล้วเลียไปที่ริมฝีปากช้าๆ ต่างจากเพลินตาซึ่งไม่ได้รู้สึกอะไรกับภาพตรงหน้าอยู่แล้วเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกัน
“ขอโทษนะมึงที่ลากมา กูรู้ว่ามึงไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้” เพลินตาพูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้ารู้สึกผิด เพราะเธอเป็นคนลากทั้งคู่มาเที่ยวแบบนี้ด้วยความเอาแต่ใจตัวเอง
“ไม่เป็นไรมึง กูโอเค แค่ง่วง เดี๋ยวกูไปหากาแฟกินก่อน” พูดจบนับดาวก็เดินออกไปเลย ทิ้งคู่รักให้ยืนอยู่ตรงนั้น
“อาร์ทอยากกินมั้ยคะ”
เพลินตาเอ่ยถามอาร์ชี่ซึ่งกำลังมองตามหลังนับดาวไป คนตัวเล็กไม่ได้สังเกตเลยสักนิด ว่าสายตาของแฟนหนุ่มในตอนนี้ เหมือนอยากจะจับเพื่อนผู้เดินหายไปกินให้ได้ตรงนั้น นับดาวกับเสื้อตัวโคร่งกางเกงขาสั้นและมีผ้าห่มคลุมไหล่ยิ่งมอง ยิ่งทำให้ชายหนุ่มพลุ่งพล่านขึ้นไปอีก อาร์ชี่พยายาสลัดภาพนั้นทิ้งไป แล้วหันมาคุยกับคนตัวเล็กกว่ามากอย่างเรียบเฉย
“ไม่เป็นไรค่ะ เพลินกินเถอะ”
เขาตอบแบบสงวนคำพูดเหมือนทุกที อาร์ชี่มักจะพูดน้อยเสมอเวลาอยู่กับเพลินตา นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่คนร่างเล็กจับสังเกตไม่ได้ หากแต่บางครั้งสาวเจ้าก็อดน้อยใจไม่ได้ เพราะอาร์ชี่กับนับดาวสนิทกันมากชนิดว่าถึงขนาดพูดกูมึงกันได้ ตรงนี้มันเหมือนโลกอีกใบที่เธอไม่สามารถเข้าถึงได้เลย
'แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงอาร์ชี่ก็ได้ชื่อว่าเป็นแฟนเธอ' คนตัวเล็กสลัดความคิดนั้นทิ้งก่อนจะเขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มคนรัก ก่อนจะเอ่ยเสียงหวานออกไป
“งั้นเพลินไปหาอะไรทานก่อนนะคะ”
ทั้งสามเที่ยวเล่นกันจนเริ่มเหนื่อยที่จริงคนที่เหนื่อยสุดเห็นจะเป็นเพลินตา เพราะเธอดูมีความสุขกว่าใครทั้งนั้น พวกเขาตัดสินใจกันว่าวันนี้ไม่นอนเต็นท์อีกแล้ว เพราะมันค่อนข้างลำบาก โฮมสเตย์แถวนั้นจึงเป็นตัวเลือกใหม่ของคนทั้งกลุ่ม ทว่าปัญหาตอนนี้คือมันมีแค่ห้องนอนเดียวที่ว่างอยู่
“กูว่าไม่ต้องนอนก็ได้มั้ย มึงขับกลับเลยไม่เกินสามชั่วโมงก็ถึง ถ้าอาร์ทมันขับไม่ไหวก็ผลัดกันกับกู”
นับดาวพยายามเอ่ยเสียงเรียบปกปิดความกังวลในใจ เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าพวกเขาตัดสินใจนอนพักห้องเดียวกันทั้งหมดทุกคน นั่นมันจะทำให้เธอลำบากใจสุดๆ ด้วยรู้ดีว่าอาร์ชี่ต้องคิดทำอะไรแกล้งเธออีกแน่
“แต่นี่มันเย็นมากแล้วนะมึง แล้วก็เราก็เพลียกันมาก อาร์ทขับไม่ไหวแล้วแหละ”
เพลินตาเป็นห่วงแฟน และคาดคะเนไปว่าเขาจะขับไม่ไหวแน่ๆ ผู้หญิงที่มองโลกในแง่ดีและไม่เคยคิดมากเรื่องต่างๆ
ใบหน้าและดวงตาฉายแววความไร้เดียงสาออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“กูขับเอง”
นับดาวพูดเสียงแข็ง ยังไงเธอก็จะไม่ยอมนอนกับพวกเขาแน่ๆ ยิ่งอาร์ชี่เป็นประเภทเอาแต่ใจพูดไม่รู้เรื่องแล้วด้วย สถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้เธอไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
“อะไรของมึงนักหนานับ ก็นอนๆ ไปเถอะ พรุ่งนี้ค่อยกลับ”
นั่นไง สายตาที่เขามองมาที่นับดาว เหมือนอยากจะจับกินเสียตรงนี้ คนงามกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่แล้วขมวดคิ้วเป็นปมใส่ผู้ชายคนเดียว ฝ่ายนั้นยกยิ้มกลับมาอย่างสะใจ แล้วส่งสายตาที่มีแค่พวกเขารู้กันแค่สองคน 'มึงไม่รอดแน่นับดาว' นั่นแหละสายตาที่คนตัวโตต้องการจะสื่อ
“นั่นไงสองต่อหนึ่งเสียง เสียงข้างมากชนะทุกอย่าง”
คนตัวเล็กที่สุด แสดงท่าทางดีใจและพูดขึ้นอย่างไร้เดียงสา นั่นทำให้นับดาวปฏิเสธไม่ได้จึงต้องปล่อยเลยตามเลยไป คนงามได้แต่ลอบถอนหายใจออกมาแรงๆ แล้วยอมรับชะตากรรม
“งั้นเค้าไปอาบน้ำก่อนนะอาร์ท เหนียวตัวมาก”
คนตัวเล็กสุดเอ่ยขึ้นมาขณะที่ทุกคนอยู่กันในห้อง นับดาวนั้นนั่งอยู่บนโต๊ะแล้วเปิดโน๊ตบุ๊คเพื่อที่จะทำงาน ส่วนอาร์ชี่นั่งเล่นมือถืออยู่บนเตียงตรงข้ามกัน
ห้องที่พวกเขาพักมันคือเตียงเดี่ยวทว่ามีสองหลัง หญิงสาวจึงเบาใจขึ้นมาหน่อย เมื่อรู้ว่าไม่ต้องนอนเบียดกันสามคน
“ค่ะ อาบก่อนเลย”
อาร์ชี่พูดขึ้นมาโดยที่ไม่เงยหน้ามองแฟนตัวเอง เขาเอนตัวพิงกับหัวเตียงแล้วเหยียดเท้ายาวเหมือนไม่สนใจสิ่งรอบตัวไปมากกว่ามือถือของตน ทว่าทุกอย่างกลับเป็นเหมือนอย่างนับดาวคาดคิด เพราะเมื่อเพลินตาออกไปยังไม่ทันถึงห้องน้ำนอกตัวบ้านดีด้วยซ้ำ อาร์ชี่ก็รีบลุกขึ้นไปหานับดาวทันที
ชายหนุ่มฝั่งจมูกโด่งๆ เข้าไปยังลำคอระหง แล้วสูดดมเข้าไปเต็มปอด แค่กลิ่นน้ำหอมของเธอก็ทำเอาเขาคลั่งไคล้จนปลุกความเป็นชายในตัวให้ลุกฮือขึ้นมาได้ ช่างน่าอัศจรรย์
“อาร์ท อย่ารุ่มร่าม” เธอเอียงคอหนีเล็กน้อยแล้วบอกปัด ใบหน้าเห่อร้อนแดงฉ่า แล้วหัวใจก็เต้นแรง
"มึงทำกูอยากตลอดเวลาเลยนะนับ" เขากระซิบข้างหูเธอแล้วพูดเหมือนกับว่ามันเป็นความผิดของเธอ ช่างเอาแต่ใจตัวเองเหลือเกิน
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย…อุ๊บ”
นับดาวหันหน้าเงยขึ้นไปเถียงแต่กับโดนคนตัวโตกว่าจูบปิดปาก รสร้อนแรงของเขาทำเอากายสาววาบหวามอย่างสุดห้าม อุ้งมือหนาช้อนหลังคอของคนงามขึ้นเพื่อเน้นกลีบปากลงไปได้ถนัดกว่าเก่า และอนึ่งเพื่อไม่ให้เธอผละเขาออกได้
ลิ้นเรียวเกี่ยวตวัดพันกันยุ่งเหยิง เสียงเฉอะแฉะจากน้ำลายยังดักก้องทั่วห้องเล็กๆ
เมื่ออาร์ชี่ผละออกจากจูบ ปลายลิ้นของพวกเขายังโผล่ออกมาตวัดเลียกันด้านนอกปากช่างดูลามกนัก เหนือสิ่งอื่นใดคือมันปลุกเร้าพวกเขาอย่างรุนแรง
มือใหญ่ตะปบไปแรงๆ ตรงหน้าอกของนับดาว หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัวทำเอาคนตัวโตมันเขี้ยวจนเผลอบีบแรงๆ นอกเสื้อ
อาร์ชี่แสดงออกมาทางสีหน้าอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการสัมผัสเรือนร่างของเธอแค่นอกเสื้อ
เมื่อเขายกตัวคนงามขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเลิกถลกชายเสื้อขึ้นไปกองไว้บนเนินอกใหญ่พร้อมกับบราสีดำสนิทนั่นพร้อมกัน
ทันทีที่อกเปลือยเปล่าเด่นหราต่อหน้า เขาจึงไม่รอช้าจะสะกิดเล่นไปมาที่ปลายยอดถันชมพูระเรื่อ อีกข้างก็ใช้ปากประกบดูดกลืนลงไปอย่างหิวกระหาย เสียงหยาบโลนลอยเข้าหูของหนุ่มสาวชวนให้มีอารมณ์คล้อยตามนัก
“อื้ออ อาร์ท อย่า”
เสียงร้องหามยังกับลูกสัตว์ตัวน้อยๆ มันคนไม่เป็นผล ยิ่งคนเอาแต่ใจแบบสุดโต่งอย่างอาร์ชี่ยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่มีวันฟังอยู่แล้ว
“อึก อาร์ท…อ๊ะส์∼”
เสียงครางหวานดังเล็ดลอดออกมาจากปากของหญิงสาว แต่ไม่นานนักทุกคนก็ต้องหยุดกิจกรรมลงเมื่อเสียงฝีเท้าเดินขึ้นมาจากบันไดของบ้านไม้มันเริ่มชัดเจนและดังขึ้นเรื่อย อาร์ชี่ผละปากออกจากอกของนับดาวอย่างเสียดาย แล้วก้มกระซิบข้างหูเสียงกระเส่า
“คืนนี้มึงไม่รอดแน่นับ”
ไม่พูดเปล่าเขายังจงใจขบเลียไปยังใบหูเธอ อย่างลามกแล้วรีบรุดมานั่งเล่นมือถือต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าแกนกายจะเริ่มปวดหนึบขึ้นมาก็ตาม