ถึงแม้จะชนะงานประกวดราคาก่อสร้างมาได้ แต่ในเมื่อศัตรูคู่แค้นที่รู้จักกันมาเป็นพวกลอบกัด ธีรกรก็ต้องเตรียมวิธี หาทางป้องกันไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่ามันจะลงมือเมื่อไหร่ งานนี้คงต้องสู้กับไอ้เสี่ยเจ้าเล่ห์นั่นอีกนาน
พอได้ยินเรื่องงาน ความรู้สึกค่อยดีขึ้นมา แต่เมื่อหันหน้าไปมองทางห้องตัวเองอีกครั้ง ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง ชายหนุ่มลุกขึ้นและเดินตรงไปยังห้องนอนใหม่ ที่เขาจะต้องอาศัยอยู่อีกนาน จนกว่าคนบางคนจะย้ายออกไป
อีกฟากฝั่ง เสี่ยเดช หรือ ธนเดช บวรวิทย์ เจ้าของธุรกิจบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เป็นงานหน้าฉากที่ถูกกฎหมาย แต่เบื้องหลังยังมีทั้งธุรกิจเทาจนถึงมืด แหล่งอบายมุข บ่อนการพนัน ทั้งร้านอาหาร ร้านนวด เกินครึ่งในจังหวัดล้วนเป็นของเขา จึงทำให้เสี่ยเดชเป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในจังหวัด
เมื่อก่อนเคยแข่งขันกับพวกมหาจักรมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เริ่มต้นธุรกิจแนวเดียวกัน แต่กลับมีมุมมองต่างกัน ไอ้พวกมหาจักรมันเน้นตรงๆ ส่วนเขาต้องมีเล่ห์เหลี่ยมบ้างถึงจะได้กำไรงาม
จนบางครั้งขัดขากัน มีเรื่องก็บ่อยครั้ง หมดรุ่นพ่อก็มีรุ่นลูกของมันขึ้นมาแทนอีก แล้วไอ้พวกนี้เหมือนหมาบ้า หลายครั้งที่ไม่ไว้หน้ากัน ยิ่งนานวันก็ยิ่งทำให้เสี่ยเดชเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพวกมหาจักร
หลายครั้งที่ธุรกิจมืดของเขามีปัญหา น่าจะมาจากไอ้สองพี่น้อง แต่ก็จับมือใครดมไม่ได้ ไม่มีหลักฐาน ได้แต่รอเวลาเอาคืนให้เจ็บแสบ
“แกหมายความว่าไง ไอ้พวกมหาจักรมันได้งานนี้ไป ไอ้บัดซบเอ้ย” เมื่อได้ยินข่าวที่ลูกน้องแจ้ง เสี่ยเดชโมโหจนเส้นเลือดปูด นัยน์ตาแดงกล่ำ
เตรียมการมาอย่างดี และยังทุ่มลงทุนไปตั้งมากมาย คนของเขาคอยจัดการปิดทุกช่องโหว่ พวกมันก็ยังคว้าไปได้ หรือคนที่เขาติดต่อไว้จะแปรพักตร์ แต่ก็ไม่น่าใช่ งานนี้อาจจะมีหนอนบ่อนไส้ในคนของเขา อย่าให้รู้นะว่ามันเป็นใครเขาไม่เก็บเอาไว้แน่
“พวกมึงนี่มันไม่ได้เรื่อง” เสี่ยเดชชกหน้าลูกน้องที่ยืนอยู่รายตัวจนล้มคว่ำลงไป สายตาโหดเหี้ยม กำหมัดแน่น
งานนี้มันก็ได้ไป!!
ทั้งที่เขาคุยกับผู้ใหญ่ไว้หลายคน จนมั่นใจว่างานนี้ไม่มีพลาด แต่มันก็พลาด เงินที่จ่ายลงไปตั้งมากมาย มันน่าเจ็บใจนัก
“พวกมึงเตรียมตัวให้พร้อม งานนี้กูต้องเอาคืน อย่าคิดว่าจะปล่อยให้พวกมันชนะกูได้” คนอย่างเสี่ยเดชไม่เคยปล่อยให้ใครมาลูบคม เด็กเมื่อวานซืนอย่างนั้นไม่คณามือเขาแน่
หลังจากงานแต่งงานผ่านพ้นไปเป็นอาทิตย์แล้ว ทิพลดาก็ยังไม่ชินกับที่อยู่ใหม่ บ้านหลังใหม่ ลืมตาตื่นขึ้นมายังไม่พร้อมจะลุกจากที่นอน ยังคงนอนจ้องมองเพดานห้อง
คิดถึงวันแรกที่เข้ามาอยู่หลังแต่งหนึ่งวัน เธอยังต้องไปทำงานเป็นปกติ ไม่ได้ลางานต่อ เพราะมั่นใจว่าคงไม่มีการฮันนีมูนเกิดขึ้นกับเธอแน่นอน สู้ไปทำงานเหมือนเดิมดีกว่า แล้วมันก็จริง
“เฮ้ยยยย...” ถอนหายใจเหมือนเดิมทุกเช้า จนพลังงานชีวิตจวนเจียนจะหมด
เธอไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตหลังแต่งงาน ค่อนข้างจะเหมือนเดิมทุกอย่าง เสื้อผ้าชุดทำงานเธอก็ไม่ได้ย้ายมาไว้ที่บ้านธีรกร แต่เก็บไว้ที่หอพักพยาบาลสะดวกมากกว่าเวลาที่เธอขึ้นเวรลงเวร เธอก็เปลี่ยนชุดแล้วค่อยกลับ
โดยปกติสมัยก่อน ถ้าจะกลับไปหาแม่ เธอจะเปลี่ยนชุดที่หอพักให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับบ้าน เพราะงานของเธอสัมผัสกับคนป่วยเยอะแยะ เพื่อป้องกันคนที่บ้านเธอ จึงเลือกที่จะอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนกลับบ้านทุกครั้ง
พอมาอยู่ที่บ้านนี้เธอก็ทำเช่นเดียวกัน จะได้ไม่รบกวนคนอื่น อย่างไรเธอก็เพิ่งมาอยู่ใหม่คงต้องค่อย ๆ ปรับตัว ยังดีที่อุทุมพรดีกับเธอพูดคุยได้ ไม่เหมือนสามีของเธอ
‘ได้เวลาออกไปเผชิญหน้ากับสามีแล้ว’
ที่ผ่านมาเธอขึ้นเวรเช้าต้องรีบออกจากบ้านจึงไม่เจอคนในบ้าน
เปิดประตูห้องนอนออกมาเธอกวาดตามอง แต่ไม่เห็นใคร จึงเดินลงไปที่ห้องครัว ยื่นหน้าเข้าไปมอง เห็นเพียงป้านิล อายุประมาณ 50 ปี เป็นแม่บ้านใหญ่ของที่นี่ กับเด็กรับใช้ชื่อ แก้ว อายุประมาณ 20 ปี ซึ่งคุณป้าได้แนะนำให้เธอรู้จักตั้งแต่เข้ามาอยู่ใหม่ ทั้งสองกำลังทำกับข้าวกันพอดี ขณะที่เธอเดินเข้ามา
“มีอะไรให้ทิพช่วยไหมคะ” เธอส่งยิ้มทักทายออกไป
“กำลังจะเตรียมทำข้าวต้มค่ะ คุณจะรับอะไรดีคะ พอดีป้าก็ยังไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร เลยทำเหมือนกับนายหญิง และคุณธีร์”
“ทิพทานได้ค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ จะได้ลองทำให้คุณป้ากับพี่ธีร์ทาน” หญิงสาวพูดเสร็จก็ยิ้มเขินๆ ที่ออกตัวจะเป็นแม่บ้านดูแลสามี
“ได้เลยค่ะ เตรียมเครื่องเรียบร้อย อยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะคะ ถ้าคุณธีร์รู้คงจะเจริญอาหารน่าดู” ป้านิลยิ้มให้อย่างเอ็นดู
เธอแอบพิจารณาป้านิลแล้ว ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี และใจเย็น เธออาศัยอยู่บ้านหลังนี้อย่างน้อยก็มีคนที่เป็นมิตรกับเธอเพิ่มขึ้น จึงทำให้จิตใจแช่มชื่นขึ้นมาอีกหน่อย พออาหารเสร็จเรียบร้อย เธอจึงกลับเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว
ทิพลดาเดินเข้ามาในห้องเพื่อร่วมทานข้าวเช้า ก็พบว่าทั้งอุทุมพร และธีรกร นั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมหน้ากันแล้ว
“หนูทิพมานั่งข้างแม่นี่ พอดีเลยข้าวต้มเพิ่งยกออกมา ทานด้วยกันร้อน ๆ” อุทุมพรเรียกลูกสะใภ้ให้มานั่งข้างเธอ
“วันนี้เราทานกัน 3 คนนะจ้ะ เพราะพ่อสุดเขตเขาไม่อยู่ เดินทางตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ต้องไปคุมงานที่ต่างจังหวัด ถ้าไม่ติดว่ามางานแต่งพี่ชายก็คงไม่เจอหน้าเจอหนวดกันหรอก”
“ขอบคุณค่ะคุณป้า”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกแม่ หนูทิพเป็นลูกสาวแม่อีกคนแล้วนะ มีอะไรก็บอกแม่ได้ เราอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน ต่อไปถ้ามีลูกก็ต้องเตรียมเรียกย่า เข้าใจไหม”