“แล้วหนูทิพละลูก ตกลงให้พี่เค้ารับผิดชอบไหม ป้าจะได้จัดการให้มันถูกต้อง”
“คือว่า ให้เราลองดูๆ กันไปก่อนดีไหมคะ สักปีสองปี” เธอยังไม่อยากตกลงแต่งทันที เพราะถ้าแจกการ์ดออกไปคงมีหลายคำถาม ทั้งไปรู้จักกันตอนไหน ท้องก่อนแต่งหรือเปล่า
อย่างน้อยก็ให้คนอื่นได้เห็นว่าเธอไปไหนมาไหนกับเขาบ้าง ไม่ใช่ไม่เคยเห็นมีแฟน แต่แต่งเลย ลองคบกันไปก่อน ถ้าเขาไม่รักไม่ชอบเธอ จะได้ค่อย ๆ ทำใจ และแยกจากกันไปคนละทาง
ถ้าขืนแต่งกันไป ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่รักไม่ชอบ เธอคงจะเสียใจมากว่าตอนคบเป็นแฟน เพราะเชื่อว่าเป็นสามีภรรยาแล้วมันจะฝังหัวตัวเองเลยว่าคนนี้ของฉัน จะรักจะหวงมากกว่าตอนเป็นแฟนกันอีก
‘นี่ละน้าตอนทำไม่คิด ตอนนี้มานั่งน้ำท่วมปาก ถ้ารู้จักคิดถึงตัวเองมาก ๆ ไม่ใช่เป็นห่วงแต่เขา รักแต่เขา เธอก็คงไม่ต้องมานั่งปวดใจแบบนี้’
“ไม่ดีจ้า แต่งกันไปดูแลกันไปก็ได้ศึกษาดูใจกันไปด้วย ถ้าหนูท้องขึ้นมาจะได้ไม่มีปัญหา”
“ถ้าอย่างนั้น หนูก็แล้วแต่คุณป้าค่ะ” ชี้แจงอย่างไรอุทุมพรก็ไม่รับฟัง ทิพลดาคงเหลือทางเลือกเดียวคือ ต้องทำตาม
“ในเมื่อทั้งสองคนแล้วแต่แม่ ฉะนั้นแม่จะไปคุยกับกาญจนา แล้วก็หาฤกษ์และเตรียมจัดงาน ส่วนเราสองคน ระหว่างที่รอฤกษ์แต่ง ควรจะเริ่มทำความคุ้นเคยกันไป จะได้ปรับตัวเข้าหากัน ถ้าแต่งแล้วต้องย้ายมาอยู่ด้วยกัน ผัวไปทางเมียไปทางไม่ได้นะจ๊ะ เมื่อสร้างครอบครัวแล้วต้องอยู่ด้วยกัน ธีร์ก็ต้องแบ่งเวลาไปหาน้อง จะทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบเดิมไม่ได้ ทิพแม่ฝากดูแลพี่เค้าด้วยนะ มีอะไรต้องค่อยพูดค่อยจา ปรับตัวเข้าหากัน” อุทุมพรจับมือของทิพลดาลูบเบา ๆ อย่างรักใคร่ปราณี
“หมดธุระแล้วแม่จะกลับบ้านเลยนะ เดี๋ยวให้ลุงดลไปส่ง อ้อ..ส่วนธีร์ก็ไปส่งน้องที่พักด้วย” พูดเสร็จอุทุมพรก็ลุกขึ้น
“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า ทิพเอารถมาเอง”
“ได้ยังไง แล้วจะปรับความเข้าใจกันตอนไหน”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวเราคุยกันอีกสักพัก แล้วทิพค่อยไปทำงาน”
“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเดินไปส่งแม่หรอก ไปคุยกันเถอะ” ทิพลดายกมือไหว้ อุทุมพรก็เดินออกไป
เธอเหลือบตามองธีรกร เห็นอีกฝ่ายนั่งนิ่ง และไม่เอ่ยอะไรออกมา จึงได้แต่แอบถอนหายใจเบา ๆ คงเพราะข้อตกลงที่คุยกันเรียบร้อยแล้วตั้งแต่อยู่ในห้องนอน เหลือเพียงเซ็นสัญญาร่วมกันเท่านั้น
ทิพลดาขับรถออกจาก ร้าน “มหาจักร” ร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจครอบครัวของธีรกร ผู้ชายที่เธอกำลังจะแต่งงาน ตอนนี้เธอสับสน จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งที่ต้องการมากที่สุด คืออยากกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักแล้ว
“เฮ้ย!!!! ตายแล้ว ลืมโทรบอกยัยอร” หญิงสาวรีบควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าสะพายของเธอ แล้วรีบกดหาเพื่อนสาวทันที
“ฮัลโล ยัยอร ขอโทษน้า เมื่อคืนเกิดเรื่องเรารีบจนไม่ได้หยิบโทรศัพท์ลงไป ” เธอพูดกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงอ่อยๆอย่างสำนึกผิด
“ยัยทิพแกหายไปไหนมา!!... แล้วนี่ปลอดภัยดีหรือเปล่า เมื่อคืนก็ติดต่อไม่ได้ รอตั้งนานต้องให้คุณปลัดมาส่ง มาถึงเดินไปดูที่ห้องยังปิดอยู่ เป็นห่วงแก แต่พวกฉันก็ไม่รู้จะไปตามหาที่ไหน”
“ปลอดภัยดี ไม่มีอะไร” จะเรียกว่าปลอดภัยได้หรือเปล่า
“เออดีแล้ว ทีหลังแกห้ามทำแบบนี้อีกนะฉันเป็นห่วง”
“ขอบใจจ้าเพื่อน”
ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อคืนจนถึงตอนนี้ มีเพียงเอมอรที่แสดงความห่วงใยเธอ ทั้งที่เพื่อนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างในช่วงที่ผ่านมา แต่แค่ได้ยินประโยคที่แสดงความเป็นห่วงของเพื่อน ก็เหมือนได้ปลอบประโลมใจให้รู้สึกดีขึ้น
เธอจึงตัดสินใจที่จะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เอมอรฟัง ให้เพื่อนรู้จากเธอตอนนี้ ดีกว่าไปรู้ตอนที่แจกการ์ดงานแต่ง และอีกอย่างจะได้ระบายความคับข้องใจที่มันแน่นอก
“อีก10 นาทีถึง เจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลนะ วันนี้เธอหยุดใช่ไหม”
“หยุดจ้า เดี๋ยวเจอกัน” เธอวางสายจากเพื่อนแล้วก็ขับรถไปตามที่นัดหมายทันที
ทิพลดาเปิดประตูร้านกาแฟเข้าไป มองเห็นเอมอรนั่งรออยู่ที่โต๊ะด้านในสุดชิดกับริมกระจก เธอเดินเข้าไปสั่งกาแฟเสร็จแล้วก็เดินตรงไปหาเพื่อน
“เมื่อคืนเกิดเรื่องจนลืมโทรบอกแก ขอโทษด้วยน้า..” ทิพลดามี สีหน้าสำนึกผิด ขณะที่เอ่ยปากขอโทษเพื่อน ก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกับเพื่อนเธอ
“ช่างมันเถอะ แกปลอดภัยก็ดีแล้ว แต่ฉันอยากรู้ว่าเมื่อคืนเกิดไรขึ้น”
จากนั้นทิพลดาก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง ยกเว้นเหตุการณ์ซัมติงในห้องระหว่างเธอกับธีรกร
“ทำไมยัยพี่นีมันร้ายอย่างนี้ ทั้งที่ตัวเองเป็นเด็กของเสี่ยเดช ยังจะมาวางยาหวังเด็ดดอกรักของพี่ธีร์อีก ว่าแต่ ทำไมพี่นีถึงกล้าทำ ไม่กลัวเสี่ยเดชรู้แล้วเอาตายหรือไง” เอมอรฮึดฮัดด้วยความขัดใจญาติสาวของ ทิพลดา
“ฉันก็ไม่แน่ใจนะว่าเป็นฝีมือพี่นีหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ นางต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เพราะฉันไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่าจะมีคนร่วมมือกับนางด้วย” ทิพลดาพยายามวิเคราะห์กับเอมอรถึงความเป็นไปได้ที่จะเป็นฝีมือของนุชจรี
“นั่นสิ ทำได้ขนาดนี้คงมีคนช่วย หรือว่าจะเป็นเสี่ยเดช แต่จะส่งพี่นีเข้าไปหาพี่ธีร์ทำไม ในเมื่อเป็นเด็กของตัวเอง เค้าจะไม่รู้สึกหึงหวง หรือแบบว่าไม่ใช้ของร่วมกันปะ”
“นั่นสิ มันต้องเกี่ยวข้องระหว่างพี่ธีร์กับเสี่ยเดชแน่นอน แต่เพราะอะไรไม่รู้เหมือนกัน”
“ช่างมันเถอะ ที่แน่ ๆ แกได้แต่งงานกับพี่ธีร์ เตรียมตัวแต่งงานดีกว่านะเพื่อน ฉันละเชื่อเลยแกตามไปช่วยพี่ธีร์ จนทำให้แกได้แต่งงาน แบบเทพอุ้มสม ฮึ ฮึ” คำพูดของเพื่อนทำให้หน้าเธอแดงทันที