โชคดีนะที่เราไหวตัวทัน เมื่อกี้ลืมดูเลยว่ามีลูกน้องมันตามมาด้วยไหม ถ้าพวกนั้นยืนรออยู่หน้าห้องจะทำยังไง ..ทรงอัปสรลองแง้มประตูดูอีกทีว่าข้างนอกยังมีคนอยู่ไหม แต่พอเห็นว่าไม่มีใครเธอก็รีบเปิดประตูแล้วก็รีบเดินผ่านหน้าห้องนั้นไปอย่างไว
ไม่ได้การแล้วถ้าอยู่แบบนี้มีหวังมันรู้แน่ว่าเธออยู่ข้างห้อง กลับไปอยู่บ้านดีไหมเรา ..คิดถึงหน้าเมียใหม่ของพ่อก็เสียอารมณ์อีก ต้องไปเจอหน้าผู้หญิงคนนั้น ต่อหน้าพ่อก็พูดกับเราดีอยู่หรอก พอลับหลังพ่อกลัวว่าเราจะไปแย่งมรดกอยู่นั่นแหละ
หญิงสาวขับรถออกมาก็แวะช้อปปิ้งก่อน เพราะยังเหลือเวลาอีก 2-3 ชั่วโมงเลย
ผ่านไปชั่วโมงกว่าเธอก็หิ้วของกลับมาที่รถ นี่ขนาดแวะเดินเล่นนะเนี่ยยังหมดไปเป็นแสน อดมองดูของที่เพิ่งซื้อมาไม่ได้ เงินที่ขายหุ้นไปเธอได้เยอะมากใช้ทั้งชาติไม่รู้จะหมดหรือเปล่า ถ้าพี่ชายมีครอบครัวก็คงจะดีเธอจะได้ไม่ต้องมารับภาระใช้สมบัติของพี่อยู่แบบนี้ ..คิดบ้าอะไรของเราเนี่ย คนอื่นปากกัดตีนถีบเพื่อหาเงินใช้แต่เรากลับมีเงินใช้แบบฟลุ๊คๆ จากการตายของพี่ เงินที่ได้มาไม่ได้มีแค่การขายหุ้นหรอก ยังรวมถึงประกันชีวิตที่พี่ชายทำไว้ให้เป็นชื่อเธอด้วย
พอคิดแล้วก็อดน้ำตาไหลไม่ได้ พี่บอกให้กลับมาอยู่บ้านเธอก็ไม่ยอมกลับมา ไม่คิดว่าพี่ชายจะรักเธอขนาดนี้ ขนาดทำประกันชีวิตยังใส่ชื่อน้องสาวไว้ ..ฉันจะไม่ยอมให้พี่ตายฟรีๆ แน่ ฉันต้องทวงความยุติธรรมกลับคืนมาให้พี่ ฉันนี่แหละจะเป็นคนกระชากหน้ากากของมันเอง
แต่เราต้องทำยังไงมันถึงจะยอมบอกว่าเป็นคนวางแผนฆ่าพี่ชายเรา เพราะหลักฐานทุกอย่างชี้ชัดไปว่าพี่ชายประสบอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ ..ในหัวแว๊บหนึ่งคิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นมาได้ ถ้าเธอทำให้มันหลงใหลในตัวเธอมากๆ แล้วหลอกถามมันเรื่องนี้มันอาจจะยอมพูดออกมาก็ได้..
แต่ความคิดนั้นก็มลายหายไปอีกเพราะแค่ถูกมันจูบเธอก็ยังรู้สึกขยะแขยงเลย กว่าจะทำให้มันหลงใหลได้จะไม่เสียตัวให้มันเลยเหรอ
ลานจอดรถของคลับ..
"สวัสดีค่ะคุณอัปสร"
"อ้าวอลิสทำไมวันนี้มาทำงานเร็วจัง"
"อลิสพักอยู่ที่พักคนงานนี่เองค่ะ คุณอัปสรสิคะทำไมวันนี้ถึงมาเร็วจัง"
"เผอิญว่าฉันออกมาช้อปปิ้ง" ว่าแล้วทรงอัปสรก็หยิบถุงที่เธอซื้อมาส่งไปให้อลิส
"อะไรคะ"
"ฉันซื้อมาฝาก"
"คุณไม่น่าต้องซื้อมาฝากเลยค่ะ"
"รับไปเถอะ" ผู้ใหญ่ให้ของจะไม่รับก็ไม่ได้อลิสเลยไหว้ก่อนรับของชิ้นนั้นมา
"กระเป๋า?" พอหยิบออกมาดูดวงตาถึงกับเบิกกว้างเพราะยี่ห้อนี้มันแพงมาก
พอเห็นว่ามันเป็นของราคาแพงอลิสก็รีบถือถุงนั้นเดินตามหลังทรงอัปสรไป
"สวัสดีค่ะคุณทรงอัปสร"
"คุณอัปสรคะ" อลิสไม่ได้มองดูว่าใครกำลังคุยกับทรงอัปสรอยู่ พอเดินเข้ามาเธอก็รีบเรียกไว้ก่อน "คุณรดา?"
"สวัสดีจ๊ะอลิส" ตอนที่กล่าวทักทายอลิสสายตารินรดามองดูของในมือ แค่มองก็รู้แล้วว่ามันเป็นอะไรและราคาเท่าไร
"สวัสดีค่ะ"
"อลิสตามฉันเข้ามาในห้องหน่อย" ทรงอัปสรไม่ได้ทักทายรินรดากลับหรอก แกล้งลืมด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายกล่าวสวัสดีเธอไปแล้ว
"ค่ะ" อลิสรีบเดินตามทรงอัปสรเข้าไปในห้องทำงาน "คุณอัปสรคะ อลิสขอไม่รับของชิ้นนี้นะคะ"
"ทำไมเหรอถ้าไม่ชอบสีก็สามารถเปลี่ยนได้"
"ไม่ใช่ค่ะมันราคาแพงมาก อลิสคงรับไม่ได้ค่ะ"
"ฉันให้ก็รับไปเถอะ ว่าแต่เรื่องงานไปถึงไหนแล้ว"
"เอ่อเรื่องงานเหรอคะ.." อยากจะบอกว่ายังคิดอะไรไม่ออกเลยเพราะเธอยังไม่เห็นอะไรที่แตกต่าง ทำงานที่นี่มานานทุกอย่างมันเลยดูลงตัวไปหมด
"ฉันอยากให้เธอตั้งใจทำงานมากกว่านี้ชิงตำแหน่งหัวหน้ามาให้ได้ เธอจะทำเพื่อฉันได้ไหม"
ใบหน้าของอลิสดูซีดลง เธอเหมือนเป็นความหวังของคุณอัปสรเลย
"ค่ะ"
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินว่าผู้บริหารสูงสุดของที่นี่มาถึงแล้ว แถมเรียกประชุมด้วย
ทุกครั้งการถูกเรียกประชุมแบบนี้อลิสไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ครั้งนี้เธอต้องเข้าห้องประชุมด้วยเพราะเธอคือหนึ่งในนั้นที่เขาต้องการอยากจะพบตัว
"มาพร้อมหน้ากันแล้วใช่ไหม"
"ขาดฉันค่ะ" ไม่มีใครไปตามหรอกแต่ก็ได้ยินข้าวปุ้นบอกทรงอัปสรเลยรีบมาที่ห้องประชุม
"ถ้างั้นเราจะเริ่มคุยกันเลยนะ"
ทรงอัปสรแปลกใจสายตาเขาไม่แลมาทางเธอเลย แต่ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องมาสนใจอะไรเธอหรอก
"ภาณุ"
"ครับ" ได้ยินผู้เป็นเจ้านายเรียกภาณุก็รีบหยิบเอกสารแจกให้กับทุกคนที่อยู่ในห้องประชุม
"นี่คือโปรเจคแรกของหัวหน้าที่ฉันหามา"
"คะ?" อลิสตกใจมากมาทำงานวันแรกก็มีโปรเจคเลยหรือ
แต่ทรงอัปสรกลับคิดอีกแบบ มันอาจจะเป็นงานที่พวกเขาคิดไว้ก่อนหน้า แต่เอางานนั้นมาให้เป็นผลงานของพนักงานใหม่
"คงเห็นเอกสารกันแล้วนะคะ รดาขอชี้แจงเรื่องเอกสารนี้หน่อย เมื่อวานรดาเห็นความบกพร่องของที่นี่ เรื่องโต๊ะที่รองรับลูกค้า"
ทีแรกทรงอัปสรก็ไม่คิดจะสนใจหรอกแต่พอพูดถึงเรื่องโต๊ะรองรับลูกค้าเธอก็รีบเปิดดู เพราะในใจของเธอก็อยากปรับเปลี่ยนจุดนี้เหมือนกัน
"ทำไมเราต้องแบ่งแยกพนักงานให้ดูแลเป็นโต๊ะๆ ไปด้วยล่ะคะ แบบนั้นมันจะทำให้พนักงานไม่สามัคคีกัน"
"แต่พนักงานก็ต้องดูเป็นโต๊ะๆ ไป ถ้าให้เดินดูไปทั่วมันจะสร้างความวุ่นวาย" คนที่เห็นแย้งกลับเป็นนเรศวร จนทรงอัปสรรู้สึกเอ๊ะในใจอีกรอบ เขาน่าจะพูดไปในทางเดียวกันไม่ใช่เหรอ
"เรื่องนี้รดาก็มีคำตอบไว้ให้แล้วค่ะ รดาขอยกตัวอย่างเป็นโรงแรมหรูแล้วกันนะคะ ดูอย่างโรงแรมนี้คนเข้าไปใช้บริการห้องอาหารของเขาเยอะมาก และเขาก็จัดระเบียบพนักงานเป็นอย่างดี" รินรดาเปิดจอมอนิเตอร์เพื่อเป็นการบรรยายให้เห็นภาพด้วย
ทรงอัปสรที่นั่งฟังการบรรยายอยู่อดนึกถึงพิมพ์ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ทำไมการทำงานถึงได้คล้ายพิมพ์นัก ..ไม่ได้นะอัปสร เธอต้องค้านหัวชนฝาสิ
"แบบนี้มันก็ไม่ต่างจากการคัดลอกงานคนอื่นนี่คะ แถมคุณยังถือวิสาสะไปถ่ายคลิปของโรงแรมชื่อดัง.."
จากที่ไม่ได้มองหน้าเธอเลย พอได้ยินคำพูดนั้นนเรศวรถึงได้ปรายตามองไปดู เพราะเธอดูจะอคติกับหัวหน้างานที่เขาหามาเหลือเกิน
"ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่ยกตัวอย่างไม่ใช่ว่าฉันจะคัดลอกงานของเขามา"
"แต่แบบนี้ใครก็คิดได้ ถ้าคุณจะไปยกตัวอย่างของคนอื่นมาพูด"
"ก่อนอื่นฉันอยากให้คุณเปิดใจก่อนค่ะ"
"คุณหมายความว่ายังไง"
ขณะที่ผู้หญิงสองคนกำลังโต้วาทีกันอยู่ ดวงตาของนเรศวรกลับเอาแต่จ้องมองริมฝีปากที่ยังคงทิ้งรอยแผลไว้ ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งหน้ากลบเกลื่อนเขาก็ยังคงมองเห็น
"คุณต้องเปิดใจให้ฉันก่อน เราถึงจะแก้ไขปัญหาของที่นี่ได้"
"คุณกำลังว่าฉันใจแคบว่างั้น..ว่าแต่โรงแรมระดับนั้นคุณเข้าไปทำอะไรคะ"
เจอคำถามนี้รินรดาถึงกับเลิ่กลั่กหันไปมองนเรศวร
"ตกลงเราเข้ามาคุยเรื่องงานหรือมาจับผิด" คนที่แก้ต่างให้ก็คือนเรศวร
"หึ..ค่ะฉันเก็ทแล้ว"
"เก็ทอะไรของคุณ"
"ก็ฉันเข้าใจไงคะ ฉันพยายามจะทำความเข้าใจกับตัวฉันอยู่"
"ถ้าคุณไม่อยากพัฒนาที่นี่ผมแนะนำว่าคุณขายหุ้นทั้งหมดให้ผมดีกว่า"
"ฝันไปเถอะ" ทรงอัปสรพูดพร้อมกับดันตัวลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป แต่เธอไม่ได้สังเกตว่ามีใครเดินตามมา พอเข้าไปในห้องทำงานคนที่เดินตามหลังมาก็ใช้เท้าปิดประตูก่อนจะหันไปล็อก..