บทที่ 1
นเรศวร [มาเฟียร้ายรัก] บทที่ 1
[Nreṣ̄wr Club]
คลับนี้ชื่อตรงตัวว่านเรศวรคลับ หลังจากที่นเรศวรไปดูงานที่คลับของสิงขร (คลับS̄ingk̄hr) เขาก็ได้ไอเดียอะไรหลายๆ อย่างมาปรับใช้กับธุรกิจของตัวเอง ที่จริงคลับแห่งนี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งเปิดใหม่ ก่อนหน้านี้เคยเป็นของสกายคลับมาก่อน หลังจากที่สกายเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต น้องสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศต้องกลับมาดูแลธุรกิจของพี่ชาย เธอไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับธุรกิจของพี่เลยจนมีคนมาเสนอซื้อคลับแห่งนี้ แต่ทรงอัปสรไม่อยากจะขายขาด เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่จะระลึกถึงพี่ชายได้ เธอเลยเก็บหุ้นไว้ 30% แต่นเรศวรกลับอยากได้ทั้งหมดเพราะจะได้บริหารงานสะดวกหน่อย
ช่วงแรกที่นเรศวรเข้ามาบริหารที่นี่ก็ได้ไปยืมคนของสิงขรมาช่วยงาน นั่นก็คือพิมพ์ แต่พิมพ์ยังทำงานได้ไม่ถึงครึ่งเดือนเลยกายสามีของเธอที่เป็นมือขวาคนสนิทของสมิงดำก็ได้มาตามกลับไป เพราะกลัวว่าจะมีผู้ชายมาชอบภรรยาตัวเอง (เรื่องสมิงดำและกายอยู่ในเรื่องสมิงดำ[มาเฟียร้ายรัก]นะคะ&ส่วนเรื่องของสิงขรและธามม์อยู่ในเรื่องสิงขร[มาเฟียร้ายรัก]ค่ะ)
หุ้น 70% นเรศวรไม่ได้ถือครองอยู่คนเดียวยังมีเพื่อนร่วมหุ้นอีก แต่บุคคลนี้จะถือหุ้นอยู่ลับๆ ปล่อยให้นเรศวรบริหารหุ้นเอง แต่ถึงแม้จะแบ่งหุ้นออกเป็นสองส่วนนเรศวรก็ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นผู้บริหารสูงสุดของที่นี่
หลังจากที่แบ่งหุ้นของพี่ชายขายไปทรงอัปสรก็รู้สึกเสียใจมาก เพราะเธอแอบสงสัยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังการตายของพี่ชายก็คือผู้ถือหุ้นรายใหม่นี่แหละ เขาคงวางแผนไว้ว่าอยากจะเป็นเจ้าของที่นี่แต่พี่ชายไม่ยอมขายให้เลยถูกจัดฉากฆาตกรรมในครั้งนั้น ทีแรกทรงอัปสรไม่คิดว่าจะเข้ามาบริหารงานที่นี่ด้วยซ้ำ แต่ถ้าเธอไม่เข้ามาก็จะไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการตายของพี่ชาย หญิงสาวเลยเข้ามาทำตำแหน่งผู้จัดการของที่นี่
วันนี้การจัดระเบียบทางเข้าของคลับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทรงอัปสรเลยมายืนดูความสวยงามเป็นระเบียบ พิมพ์คนที่มาช่วยงานตาถึงจริงๆ ก่อนหน้าคลับนี้พี่ชายเธอไม่ได้จัดระเบียบให้สวยงามแบบนี้ คนเรียกแขกก็เรียกไป พนักงานเสิร์ฟที่รอรับลูกค้าก็ยืนระเกะระกะกันไปทั่ว
"คุณอัปสรทำอะไรอยู่คะ"
"ข้าวปุ้น.." ทรงอัปสรหันไปก็เห็นว่าเป็นข้าวปุ้นผู้ช่วยผู้จัดการที่เธอแต่งตั้งขึ้นมาเอง "จัดแบบนี้ก็เป็นระเบียบดีนะ"
"ใช่ค่ะ ถ้าได้พิมพ์มาทำงานด้วยก็คงจะดี นี่มาแค่ครึ่งเดือนเอง ปรับเปลี่ยนอะไรได้หลายๆ อย่างเลย"
"ใช่..ฉันไม่น่าคิดกับพิมพ์แบบนั้นแต่แรกเลย" ที่ทรงอัปสรพูดเพราะเธอคิดว่าพิมพ์จะเข้ามาช่วยทางด้านนเรศวร เพื่อทำให้ฝั่งนั้นได้เป็นผู้ถือครองหุ้นแต่เพียงผู้เดียว
แต่พอพิมพ์เข้ามาก็มุ่งทำแต่งานเหมือนคนบ้างานยังไงไม่รู้ แต่ผ่านไปไม่นานกายสามีของพิมพ์ก็มาตามกลับ ได้ยินว่าเธอท้องเลยต้องปล่อยให้กลับไป
"สวัสดีค่ะคุณทรงอัปสร"
"ว่าไงจ้ะอลิส" อลิสก็คือผู้ช่วยของพิมพ์ตอนที่พิมพ์มาทำงานที่นี่ ตอนที่พิมพ์มาพิมพ์รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายจัดการ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครรับตำแหน่งนี้แทน
"เสี่ยนเรศให้มาตามไปคุยงานค่ะ"
"เขามาแล้วเหรอ"
"มาถึงแล้วค่ะ"
ห้องประชุม.. คลับแห่งนี้ถูกแบ่งเป็นห้องทำงานของผู้บริหารและห้องประชุมไว้อย่างดี แถมยังมีห้องแถวด้านหลังไว้ให้เป็นที่พักของพนักงาน สถานที่ตั้งของคลับนี้ทำเลทองเลยก็ว่าได้เพราะอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวของเมืองหลวง เพราะแบบนี้แหละหลายคนถึงอยากจะครอบครอง
"นั่งสิ" นเรศวรที่นั่งอยู่ก่อนกล่าวเชิญให้เธอนั่ง
"ฉันคงไม่ยืนคุยงานหรอกค่ะ" ทรงอัปสรพูดพลางเดินไปขยับเก้าอี้แล้วนั่งลง
คนที่เชื้อเชิญให้เธอนั่งอยู่เมื่อครู่ทำได้แค่มองอีกฝ่ายผ่านหางตา เพราะนเรศวรเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่ชอบผู้หญิงพูดก้าวร้าวประชดประชัน แต่ทุกอย่างที่เขาไม่ชอบมีอยู่ในตัวเธอทั้งหมดเลย..
"เรื่องคนที่จะมารับตำแหน่งหัวหน้าแทนพิมพ์ ผมหาไว้แล้วนะ"
"ฉันก็หาไว้แล้วเหมือนกันค่ะ"
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปมได้อยู่แล้ว ผู้หญิงคนนี้จะยอมเขาสักเรื่องไม่ได้หรือไง "แต่ตำแหน่งหัวหน้ามีได้แค่คนเดียว"
"ทำไมต้องหาคนนอกมาด้วยล่ะคะ คนในของเราเก่งๆ ก็มีตั้งเยอะ"
"ใคร"
"อย่างเช่น.." ทันใดนั้นทรงอัปสรก็ปรายตามองไปดูคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ข้าวปุ้น "อลิสไงคะ" ที่จริงเธอยังไม่ได้เตรียมการเรื่องนี้เลย และไม่คิดว่างานที่เขาเรียกมาคุยคือเรื่องนี้
"แต่อลิสเป็นรองหัวหน้า"
"รองแล้วไงคะ อลิสเคยทำงานกับพิมพ์มาก่อนรู้ระบบการทำงานดี"
อลิสที่ยืนอยู่ในห้องด้วยปลื้มปิติมากที่ทรงอัปสรเสนอชื่อเธอ
"ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น"
"แล้วหมายถึงแบบไหนล่ะคะ"
"ถ้าให้อลิสขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลัวว่าคนอื่นจะไม่เชื่อฟัง"
"ไม่รู้ล่ะยังไงฉันก็เลือกอลิส"
"แต่ผมนัดพนักงานใหม่เข้ามาพรุ่งนี้"
"ถ้าคุณทำแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเรียกฉันเข้ามาประชุมก็ได้นะคะ" ทรงอัปสรพูดพร้อมกับลุกขึ้นแล้วก็เดินออกจากห้อง ทิ้งให้อีกฝ่ายนั่งกัดฟันจนเห็นสันกรามขึ้น
"เอาไงต่อดีครับนาย" ตุนท์มือขวาคนสนิทของนเรศวร ที่จริงมือขวาของเขามีด้วยกันสองคน และทั้งสองคนหน้าตาเหมือนกันเป๊ะเพราะพวกเขาเป็นฝาแฝดกัน
"ไม่ต้องไปสนใจ พรุ่งนี้ให้เธอเข้ามาทำงานได้เลย"
"ไม่มีปัญหาแน่นะครับ"
"มึงเคยเห็นกูกลัวใครไหมล่ะ"
ตุนท์ไม่ได้ตอบมาเฟียผู้เป็นเจ้านายในทันที แถมเขายังมีท่าทีครุ่นคิด
"มึงอยากโดนบาทากูหรือไง" เสียอารมณ์จากผู้หญิงคนนั้นแล้วยังมาเสียอารมณ์กับลูกน้องอีก
"หึหึ" ตุนท์แอบขำก่อนจะเดินตามหลังผู้เป็นเจ้านายออกจากห้องประชุมไป
"เสี่ยขาา" น้ำตาลผู้ที่ดูแลโต๊ะของลูกค้าเห็นเสี่ยนเรศวรเดินตรงมาทางนี้เลยรีบเข้าไปหา เพราะได้ยินว่าวันนี้เสี่ยพูดถึงเรื่องหัวหน้าที่จะมารับตำแหน่งแทนพิมพ์
"ว่าไง"
"ถ้าหาคนมารับตำแหน่งแทนคุณพิมพ์ไม่ได้ น้ำตาลขอเสนอตัวเองได้ไหมคะ"
"หาได้แล้ว" ถ้ามีน้ำตาลมาอีกคนมีหวังปวดหัวแน่
"แต่น้ำตาลก็เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้านะคะ พนักงานในนี้เชื่อฟังคำพูดของน้ำตาล" น้ำตาลถือโอกาสนี้อวดอ้างความได้เปรียบ เพราะถ้าได้เป็นหัวหน้ามันคือก้าวสำคัญของการทำงานเลย
"เธอดูแลโต๊ะของลูกค้าเหมือนเดิมดีแล้ว" สถานที่แห่งนี้รองรับลูกค้าได้เยอะนั่นหมายถึงมีหลายโต๊ะมาก ก่อนหน้าที่นเรศวรจะเข้ามาซื้อหุ้นที่นี่สกายได้แบ่งโต๊ะให้พนักงานรับผิดชอบเป็นโต๊ะๆ ไป และคนที่ดูแลเรื่องนี้ก็คือหน้าที่ของน้ำตาล น้ำตาลมีสิทธิ์แค่ดูแลความเรียบร้อยไม่ใช่หัวหน้า
"เสี่ยคะ.." น้ำตาลพูดด้วยท่าทีเสียดายอุตส่าห์รวบรวมความกล้ามาพูดแล้วนะเนี่ยแต่ก็ชวดจนได้
"ว่าไงบ้างพี่น้ำตาล"
"จะว่าไงล่ะ เสี่ยบอกว่าได้คนมาทำตำแหน่งหัวหน้าแล้ว"
"กว่าแม่พิมพ์นั่นจะกระเด็นออกไปได้ยังเจออุปสรรคอีก"
"พวกเธอต้องช่วยฉันแล้วล่ะ ไม่ว่าใครเข้ามาทำงานนี้ก็อย่าให้มันอยู่ได้นาน"
อลิสได้ยินก็รีบเดินไปให้ไกลจากมุมนั้น ที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟังหรอกเธอออกมาคุยโทรศัพท์กับพิมพ์ เรื่องที่ทรงอัปสรเสนอชื่อเธอเป็นหัวหน้า แต่ว่าเสี่ยนเรศบอกมีพนักงานจะเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แล้ว
พิมพ์เลยบอกว่าเดี๋ยวจะหาทางช่วยอลิสอีกทาง
ไม่มีใครหรอกที่อยากย่ำอยู่กับที่ อลิสก็เป็นอีกหนึ่งคนที่อยากก้าวหน้าในหน้าที่การงานเหมือนกัน แต่เธอคงไม่ใช้วิธีสกปรกเหมือนกับน้ำตาล
"อุ๊ยคุณอัปสร" อลิสรีบเดินออกมาจนไม่ได้ดูทางเกือบชนเข้ากับทรงอัปสร
"มีอะไรหรือเปล่าอลิส ทำไมดูหน้าตาตกใจแบบนี้ล่ะ"
"ขอบคุณคุณอัปสรมากนะคะ"
"ขอบคุณฉันเรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่คุณเสนอชื่ออลิสไงคะ"
"อ้อ.." จริงๆ ทรงอัปสรไม่ได้ตั้งใจเสนอหรอกตอนนั้นแค่อยากเอาชนะเขาเฉยๆ "ไม่เป็นไรหรอกจ้าฉันจะพยายามช่วยแล้วกันนะ"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะ" ครั้งนี้อลิสถึงกับยกมือไหว้
"พี่น้ำตาลดูนั่นสิ" คนที่คุยอยู่กับน้ำตาลเมื่อครู่มองไปเห็นอลิสกำลังคุยสนิทสนมกับผู้บริหารอยู่
"คงอยากถีบตัวเองล่ะสิท่า"
"ไม่แน่นะคนที่เสี่ยพูดถึงอาจจะเป็นแม่นี่ก็ได้"
"ไม่มีทางซะหรอก ถ้าฉันไม่ได้มันก็ต้องไม่ได้"
หลังจากที่คุยกับอลิสเสร็จทรงอัปสรก็มานั่งคิดว่าจะช่วยยังไงดี ถึงยังไงก็ได้รับปากไปแล้ว เธอเลยตัดสินใจมาคุยกับเขาดูอีกที
"ฉันขอคุยกับเจ้านายพวกนายหน่อยสิ"
"เจ้านายยังไม่ว่างครับ" คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็คือทันน์แฝดของตุนท์
"ฉันมีธุระจะคุยกับเขา" ทรงอัปสรไม่สนใจแล้วว่าจะว่างไหม เธอเอื้อมมือไปผลักประตูให้เปิดออก
"อุ๊ย" ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนตักของมาเฟียหนุ่มตกใจอยู่ดีๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามารีบดันตัวลุกขึ้นก่อนจะจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
"ผมบอกเธอแล้วครับว่านายไม่ว่าง" ทันท์เห็นสายตาผู้เป็นเจ้านายมองมาก็รีบอธิบายไป
"ออกไป"
"ค่ะ" เด็กที่เขาพามาคลอเคลียด้วยกำลังจะออกไปเพราะคิดว่าคนที่ถูกไล่ก็คือตัวเอง
"ฉันไม่ได้หมายถึงเธอ ฉันหมายถึงผู้หญิงอีกคน" สายตาคมกริบเหลือบมองไปดูผู้หญิงที่เสียมารยาทเปิดประตูเข้ามาเพื่อให้รู้ว่าเขาไล่ใครออกจากห้อง
🖋ชะนีติดมันส์ @มัดหมี่