“ไม่น่าจะหักนะ น่าจะแค่แพลง”
ประภาภรรยาของพ่อเลี้ยงกมลตรวจอาการบาดเจ็บให้กับเด็กสาวอย่างเนื้อทองเบื้องต้น
เพราะเห็นว่าอาการของเด็กสาวค่อนข้างหนักอยู่เลยนิ่งนอนใจให้นั่งรถไปไกลถึงโรงพยาบาลโดยไม่ตรวจดูก่อนไม่ได้
ถ้าเป็นอะไรมากถึงขั้นกระดูกหักเธอจะได้เรียกรถพยาบาลมารับจะดีกว่าเดินทางไปเอง
หรือถ้าไม่เป็นอะไรมากก็จะได้รักษาให้เองเพราะถ้านั่งรถออกไปไกลตอนนี้มันอันตรายด้วยฝนตกกำลังตกหนัก
“ขอตัวก่อน”
ปรินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆเด็กสาวรีบลุกขึ้นพร้อมกับจับตัวเด็กสาวให้ลุกตามเมื่อฟังคำพูดของประภาจบ
เขาอยู่ภายในที่ดินของพ่อเลี้ยงกมลคนที่ไม่ชอบขี้หน้ากันมาก่อนนานเกินไปแล้ว เขาควรจะกลับบ้านได้แล้ว
เพราะเขากำลังรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากที่ต้องทนนั่งมองหน้าคนที่ไม่ชอบหน้ากันแถมยังมาอยู่ในบ้านของมันอีกด้วย
“จะพาฉันไปไหน”
เนื้อทองที่ทรงตัวด้วยขาเพียงข้างเดียวเพราะอีกข้างยังคงเจ็บมากจนใช้ยืนไม่ได้โวยวายขึ้นมาเมื่อเธอนั้นยังไม่อยากกลับไป
เธอจะอยู่ที่นี่และกำลังจะเอ่ยขอเจ้าของบ้านเพื่อขอค้างคืนอยู่แล้วเชียว เขาก็ดันเข้ามาขัดจังหวะเสียได้
“กลับบ้าน”
เขากระชากร่างบางนั้นแรงขึ้นเพื่อพาเธอไปขึ้นรถ โดยยังคงไม่สนว่าเธอจะตัวเล็กแค่ไหน
เพราะเธอปากดีก็คงแรงดีด้วย ทำอะไรลงไปแค่นี้คงไม่ทำให้คนอวดดีอย่างเธอเจ็บหรอก
“ไม่ไป”
ร่างบางที่เรียกได้ว่าบอบช้ำไปทั้งตัวจากการตกลงไปในหลุมนั้นพยายามดิ้นเพื่อเอาตัวรอดจากเงื้อมือของเขา
พร้อมกับแหกปากร้องโวยวายอย่างคนไม่ยอม เพราะไม่อยากที่จะต้องกลับไปบ้านที่เหมือนนรกนั้น
เธอยอมไปอยู่แต่ที่โรงเรียนเสียจะดีกว่า หรือขออาศัยบ้านคนอื่นอยู่ก็ได้
“เงียบ”
ปรินทร์จับร่างบางยัดเข้าไปในรถกระบะของที่ไร่เขา ก่อนที่เขาจะเข้าตามไป
ปิดทางไม่ให้เธอหนีออกมาจากรถได้ เพราะอีกฝั่งหนึ่งก็มีคนงานนั่งกันอยู่ให้แล้ว
แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกจากไร่ของพ่อเลี้ยงกมลด้วยความรีบร้อนตามที่เจ้าของรถอย่างปรินทร์เป็นคนสั่ง
ด้วยเขาไม่อยากจะอยู่ภายในไร่ของพ่อเลี้ยงกมลต่ออีกแม้แต่นาทีเดียวแล้วมันรู้สึกกระอักกระอ่วนยังไงไม่รู้
“ทำไมคุณหนึ่งพาหนูครีมกลับบ้านไปในสภาพแบบนั้นล่ะคะ”.
ประภาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดที่ปรินทร์พาลูกเลี้ยงของเขากลับบ้านถึงกับแอบวิตกกังวลกลัวว่าเด็กสาวอย่างเนื้อทองจะเจ็บตัว
เพราะดูจากการกระชากแขนแต่ละครั้งนั้นมันรุนแรงเอามากๆ ไม่มีพ่อที่ไหนเขาทำกับลูกแบบนั้นหรอก
“เฮ้อ”
กมลได้แต่ถอนหายใจพรืดใหญ่แทนคำตอบทั้งหมด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะตอบภรรยาว่าอะไร
เรื่องของเนื้อทองกับปรินทร์ที่เขารู้มันถือเป็นความลับเล่าให้ใครฟังไม่ได้ทั้งนั้น
และที่ปรินทร์ทำลงไปแบบนั้นก็เพราะเห็นว่าเนื้อทองเป็นสิ่งของชิ้นหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ลูกเลี้ยงอย่างที่ภรรยาของเขาคิดอยู่
“น่าสงสารหนูครีมนะคะ”
อดไม่ได้ที่จะพูดต่อด้วยใจเธอนั้นสงสารเด็กสาวจับใจ รักและเอ็นดูเด็กสาวมากเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ใจก็เลยไม่อยากให้ใครมาทำไม่ดีกับเธอ
ถึงรู้ว่านั้นเป็นถึงพ่อเลี้ยงของเด็กแต่การกระทำที่เธอเห็นนั้นก็ทำเอาเธออดห่วงเด็กสาวไม่ได้
ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากจะรับเด็กสาวอย่างเนื้อทองมาดูแลเองสักระยะจนกว่าจะหายเจ็บป่วย
“ไม่มีอะไรหรอก เขาพ่อลูกกันก็ต้องรักกันซิ”
กมลปลอบใจภรรยาของเขาเท่าที่จะทำได้ เขาพูดอะไรมากไม่ได้กลัวว่าความลับมันจะหลุดออกไปจากปากเขา
และถ้าความลับมันหลุดไปคนที่จะเสียใจมากที่สุดก็จะเป็นเนื้อทองเด็กสาวที่เขากับภรรยาอยากช่วยเหลือนั้น
ให้เนื้อทองรู้แค่ว่าเธอเป็นลูกของน้องสาวของปรินทร์ที่ตายจากไปแล้วก็พอไม่ต้องรู้อะไรมากไปกว่านั้น
“เฮ้อ”
ประภาเป็นฝ่ายถอนหายใจยาวออกมาบ้างเมื่อไม่อาจช่วยอะไรเนื้อทองได้นอกจากมองดูรถที่แล่นจากไป
รู้สึกเสียใจไม่น้อย ไม่อยากให้เหตุการณ์อะไรแบบนี้มันเกิดขึ้นเลย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาใจช่วยให้เด็กสาวผ่านเรื่องราวนี้ไปให้ได้
เธอรู้ว่าเนื้อทองเข้มแข็งเกินเด็กธรรมดา เธอรู้ว่าเนื้อทองจะต้องเอาชนะทุกอย่างได้แม้แต่พ่อเลี้ยงที่ดูจะใจร้ายกับเธอนั้น
“ตายแล้วคุณหนูทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะคะ แล้วนี่ขาหักเหรอคะ”
แดงอ้อยที่ออกมายืนรอรับคุณหนูขอเธอตั้งแต่รถออกไปรับรีบวิ่งไปเปิดประตูรถทันทีที่รถนั้นกลับมา
ปรินทร์เป็นฝ่ายลงมาก่อนแล้วตามด้วยคุณหนูของเธอที่ค่อยๆขยับตัวตามออกมา
คนแก่อย่างแดงอ้อยรีบเข้าไปประคองคุณหนูของเธอลงจากรถอย่างไม่รอช้าเพราะความเป็นห่วง
แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเข้ากับสภาพของคุณหนูที่ยับเยินเลอะเทอะยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำ
“พรุ่งนี้เช้าหกโมงฉันต้องเจอเธอที่โต๊ะอาหาร”
ปรินทร์ปล่อยให้แดงอ้อยโอ๋เด็กเอาแต่ใจคนนั้นไปอย่างไม่ขัดอะไรเพราะตอนนี้มันดึกมากแล้วเกินกว่าจะมาสอนอะไรกัน
แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้ไปง่ายๆ ออกคำสั่งใส่ก่อนที่จะปล่อยให้เดินจากไป
“ฝันไปเถอะ”
เสียงหวานๆของคนที่เริ่มหนาวสั่นจากการเปียกฝนอย่างเนื้อทองเถียงกลับไป
เธอไม่เคยต้องมาทำตามคำสั่งใครทั้งนั้น แม้แต่อาจารย์ที่โรงเรียนเธอยังไม่เคยฟังคำสั่งเลย
เขามันก็แค่คนที่เพิ่งรู้จัก ฝันไปเถอะว่าเธอจะรับฟังคำสั่งบ้าบอประสาทเสียนั้น
“เข้าบ้านกันดีกว่านะคะ ป้าพาไปเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”
แดงอ้อยรีบหาทางเอาตัวรอดให้กับคุณหนูของเธอ เพราะไม่อยากให้ปรินทร์โมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาอีก
เธอรีบพาคุณหนูของเธอเข้าบ้านไปแล้วตรงไปยังห้องพักเลย ไม่พาแวะไหนแม้จะประคองกันเองแทบจะไม่ไหวก็ตาม
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นคุณหนูของเธอก็คงยังเถียงกับผู้เป็นพ่อเลี้ยงไม่ยอมหยุด และนั้นก็เท่ากับไปยั่วโมโหคนอย่างปรินทร์ที่พร้อมจะระเบิดเป็นไฟออกมา
“หนูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ไม่อยากมีพ่อแบบนั้นด้วย”
เมื่ออยู่กันตามลำพังภายในห้องพักสองคน เนื้อทองก็โวยวายใส่แดงอ้อยที่เป็นดั่งแม่นมของเธอ
เธอไม่อยากมีพ่อที่เฝ้าอยากจะมีอีกต่อไปแล้ว อยากจะกลับไปเป็นเนื้อทองที่มีแค่ลุงกับป้าแก่ๆคอยทำนู่นทำนี้ให้เท่านั้น
“คณหนูทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ”
แดงอ้อยเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาให้กับเด็กสาวเพื่อจะได้เปลี่ยนชุดเปียกออกแล้วไปอาบน้ำ
เธอส่งเสียงดุเด็กสาวที่แสดงความไม่น่ารักออกมาเล็กน้อยเพื่อให้เด็กสาวฉุกคิดเองได้ว่าไม่ควรพูดอะไรแบบนั้น
“ป้าก็ดูซิ เขาใจร้าย ใจดำ อำมหิตกับหนูมากเลยนะ”
เนื้อทองรับเอาผ้าขนหนูมาจากมือของป้าแดงของเธอ แต่ยังคงไม่ยอมถอดเสื้อผ้าออก
เธอยังคงระบายความอึดอัดในใจให้ป้าแดงของเธอฟัง เพราะป้าคนนี้เป็นเพียงคนคนเดียวที่เธอจะเล่าทุกเรื่องให้ฟัง
ถึงจะทำอะไรไม่น่ารักใส่อยู่บ่อยๆก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วเธอก็รักป้าคนนี้มากเหมือนแม่คนหนึ่งเลย
“ไม่ว่าคุณพ่อแบบนั้นซิคะ”
แดงอ้อยพยายามใช้คำพูดเย็นๆเข้าลูบให้เด็กสาวอารมณ์เย็นลง และไม่พูดถึงคนที่มีบุญคุณท่วมหัวแบบนั้น
พร้อมกับช่วยเด็กสาวถอดเสื้อนักเรียนมอปลายที่มันเลอะเทอะจนเป็นสีดำไปทั้งตัวออก
เพื่อจะได้อาบน้ำกันได้แล้ว เพราะถ้าขืนอยู่เปียกๆไปแบบนี้มีหวังได้หนาวตายแน่ๆ
“เขาไม่ใช่พ่อหนู โอ๊ย เบาๆหน่อยซิ”
เนื้อทองให้แดงอ้อยดูแลเธอ ถอดเสื้อให้กับเธอเหมือนตอนที่เธอยังเป็นเด็ก
ส่วนปากก็พูดว่าอีกคนที่ป่านนี้คงหนีไปนอนในโรงแรมในเมืองแล้วไม่หยุดหย่อนเพราะเขามันใจร้าย
ก่อนจะร้องออกมาอย่างดังเมื่อมือของแดงอ้อยไปถูกเข้ากับรอยช้ำที่ต้นแขน
“ขอโทษค่ะ”
คนแก่อย่างแดงอ้อยรีบเป่าไปเบาๆที่ต้นแขนเล็กๆของเด็กสาวเพื่อให้อาการเจ็บที่เผลอทำมือไปโดยหายไป
เธอไม่ได้ตั้งใจจะให้เด็กสาวเจ็บเพิ่มแต่เพราะความแก่ทำให้มองไม่เห็นว่าตรงนั้นมันมีรอยช้ำ
“ไม่ๆเดี๋ยวหนูถอดเอง”
ความเจ็บยังไม่ทันจางหายเนื้อทองก็ต้องโวยวายขึ้นอีกเมื่อป้าแดงของเธอพยายามจะถอดเอาเสื้อชั้นในของเธอออก
เธอไม่ใช่เด็กตัวเล็กอีกต่อไปแล้ว ป้าแดงจะมาถอดเอาเสื้อในของเธอออกไปไม่ได้
“ป้าถอดให้ค่ะ”
แต่แดงอ้อยก็ถอดออกมาแล้วเพราะอยากจะดูแลเด็กสาวอย่างดีไม่อยากให้ต้องลำบากยกแขนขึ้นมาถอดเอง
“กรี๊ด”
สองมือบางยังไม่ทันยกขึ้นปิดหน้าอกของตัวเองประตูห้องก็ดันเปิดออกมา
ทำเอาเธอกรีดร้องเสียงดังลั่นบ้านด้วยความตกใจที่มีคนเปิดประตูเข้ามาตอนที่เธอกำลังโป้อยู่
“จะบ้าหรือไง เข้ามาทำไม ออกไป”
พอเริ่มมีสติเนื้อทองก็รีบคว้าเอาผ้าขนหนูมากอดปิดบังหน้าอกของเธอไว้ในทันที
ถึงหน้าอกของเธอจะไม่ได้ใหญ่เท่าพวกดารานางแบบ แต่มันก็สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล
เธอหวงแหนของเธอเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้ใครเห็นโดยเฉพาะผู้ชาย
ปรินทร์ที่เปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูยืนนิ่งไปสักพักจนกระทั่งเธอต่อว่าเขาจบ
“เธอเสียงดังโวยวายหนวกหู”
เขาถึงค่อยๆเอ่ยพูดอะไรออกมา โดยที่สายตายังคงมองไปยังแขนของเธอที่กอดผ้าขนหนูอยู่
“ต่อให้ฉันตะโกนดังกว่านี้คุณก็ไม่มีสิทธิ์เข้ามา ออกไป”
เนื้อทองหยิบจับของที่อยู่ใกล้มือเธอขว้างปาใส่เขาที่ยังคงยื่นหน้าเข้ามาภายในห้องนอนของเธอ
“คุณหนูพอได้แล้วค่ะ”
แดงอ้อยรีบห้ามเด็กสาวไม่ให้ทำอะไรรุนแรงไปมากกว่านั้นแม้จะเป็นฝ่ายถูกก็ตาม
เพราะถ้าเกิดเด็กสาวขว้างปาอะไรไปโดนปรินทร์เข้าเรื่องคงไม่จบง่ายๆเพราะต่างฝ่ายต่างไม่เคยยอมกัน
“ป้าก็ออกไปด้วย หนูเปลี่ยนเสื้อผ้าเองได้”
เนื้อทองที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้าออกปากไล่ทุกคนที่อยู่ใกล้ตัว เพราะเธอไม่อยากเห็นหน้าใครอีก
สิ่งที่เธอหวงแหนเอาไว้ไม่เคยให้ใครได้เห็นแม้แต่เพื่อนนักเรียนหญิงในหอพักเดียวกันดันมาโชว์เด่นต่อหน้าผู้ชาย
และแถมยังเป็นผู้ชายห่วยแตกอีกด้วย มันช่างดูไร้ค่าไม่เหมาะกับที่เฝ้าหวงแหนเอาไว้เลย
“ค่ะๆ”
แดงอ้อยรีบเก็บเสื้อผ้าชิ้นที่เด็กสาวถอดออกมาแล้ว และก็รีบออกจากห้องนอนนั้นไป ไม่อยู่ต่ออีกเพราะดูท่าเด็กสาวจะอารมณ์เสียจริงจังแล้ว
แต่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลยังคงวนเวียนเฝ้าเด็กสาวอยู่แถวหน้าห้องอีกเป็นช่วยโมงเพื่อรอว่าเด็กสาวนั้นอาจจะเรียกหาเธอ