ในนาทีที่นักร้องสาวสวยตามที่บอดี้การ์ดาว่าไว้ ปรากฏกายด้วยชุดกี่เพ้าสีแดงลายหงส์ สั้นแค่หน้าขาเลยเข่าผ่าข้างอวดเรียวขาเรียวงามผุดผาด กับทรวดทรงส่วนเว้าส่วนโค้งดั่งนาฬิกาทรายยืนเด่นอยู่กลางเวที เล่ยฟานถึงกับจ้องมองไม่วางตาเผลอเผย่อริมฝีปากได้รูปค้าง ดวงตาไม่ละไปจากทัศนียภาพหุ่นสะคราญ ผสานดวงหน้าเรียวรูปไข่งดงามแต่งแต้มเจิดจรัสโดดเด่น
เสียงเพลงที่ขับขานกลับไม่ได้เข้าไปในโสตประสาทของเขาแม้สักประโยค ต่อให้บทเพลงอมตะไพเราะแค่ไหน ณ จุดนี้เขานั้นไม่ได้สนใจ หัวใจดวงแกร่งมาดมั่นเต้นถี่ระรัวเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีบรรเลงจากนักดนตรีมือฉมัง เล่ยฟานกำลังเพลินกับลีลาเยื้องย่าง พลิ้วไหวของนักร้องสาวผิงผิง ราวกับถอดวิญญาณขึ้นไปยืนเคียงบนเวทีกับหญิงสาว
ภาพผู้หญิงซุ่มซ่ามที่เดินชนเขาตรงห้องโถงปรากฏทับซ้อนกับนักร้องสาวอยู่ในหัวเล่ยฟาน เขาไม่สนใครอีกต่อไปแล้วในนาทีนี้ ขยับลุกขึ้นยืนท่ามกลางความตะลึงของทุกคน โดยเฉพาะบุพการีของเขา
“นั่นอาเล่ยลื้อจะไปไหน” ลู่ซานตรงหยัดกายเรียกบุตรชายที่ก้าวฉับๆ ไปด้านหน้าโดยไม่สนสายตาใครต่อใคร
“นั่นสิเฮีย ลูกจะไปไหนแม่นั่นไม่ใช่สาวๆ ที่ถูกเชิญมานะ พวกแกไปจับอาเล่ยสิ” โม่ยเหยียนมองเล่ยฟานแล้วหันกลับมาถามสามี หรือว่าลูกชายแค่ชอบบทเพลงอมตะแล้วจะไปตบรางวัลแก่นักร้องเท่านั้น นางคิดในแง่ดี
นักร้องสาวผิงผิงร้องเพลงไป สายตาชำเลืองมองบุรุษในชุดสูทสีดำภูมิฐานที่ได้ถูกแนะนำว่านั่นคือ สตีฟ หวัง ไปรู้สึกใจคอไม่ดี หรือว่าเขาชอบในบทเพลงและเสียงไพเราะของเธอหรือบางทีอาจจะขึ้นมาตบรางวัลด้วยเงินสักก้อนใหญ่ๆ ว่าแต่ทำไมสีหน้าเขาถึงได้มุ่งมั่นขนาดนั้น หญิงสาวคิดในใจขณะนึกเนื้อเพลง ฟังเสียงดนตรีไปด้วยอย่างขาดสมาธิ
ร่างสูงสมส่วนอาภรณ์หรูเนี๊ยบก้าวขึ้นไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้านักร้องสาว ในท่าทีไม่ยี่หระต่อสายตาแขกนับร้อยนับพันที่อยู่ในห้องจัดเลี้ยงกว้างพอๆ กับ สนามฟุตขนาดมาตรฐานสากลเลยก็ว่าได้
“ท่านผู้มีเกียรติทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่านครับ” มือหนาสะอาดคว้าไมโครโฟนจากมือพิธีกรฝีปากดีจากบริษัท ออร์แกไนซ์ที่ซีทรานเลือก ยึดไมค์เป็นกรรมสิทธิ์ไว้ในมือจึงกล่าว
เสียงฮือฮาอื้ออึงเมื่อกี้เงียบงันลงฉับพลัน ทุกคนหันไปสนใจและตั้งใจฟังเจ้าของงานประกาศอะไรบางอย่าง หรือบางทีเล่ยฟาน อาจจะเลือกผู้หญิงของตนได้แล้ว สาวคนใดหนึ่งในลูกสาวคหบดีคนไหนได้เป็นนางฟ้าในงานกันล่ะ นักน้องสาวหยุดร้องเพลงชั่วขณะ ทั้งที่อีกแค่ท่อนเดียวจะจบเพลงในรอบวนกลับมาร้องท่อนสร้อย
ส่วนบิดาและมารดาที่ลุ้นจนหน้าถอดสี กุมมือกันแน่นหยั่งเชิงบุตรชายอยู่เบื้องล่างของเวที สองบอดี้การ์ดก้าวขึ้นเวทีตามหลังเจ้านายของตนไป แล้วยืนเป็นเสาหลักหนาอยู่ข้างเพื่ออำนวยความสะดวกแกเจ้าพ่อแห่งวงการขนทางเรืออย่างเคยๆ พวกเขาพร้อมทำตามที่เจ้านายบัญชาตลอดเวลา
“เป็นคู่หมั้นของผมนะครับผิงผิง” เล่ยฟานย่อกายลงคุกเข่า แล้วเอ่ยขอนักร้องสาวผ่านไมโครโฟนได้ยินไปทั่ว ร่างบางในชุดสีสดเจิดจรัส ได้ฟังคำจากเขาไม่ต่างกับถูกไฟฟ้าแรงสูงช๊อตทั่วร่าง แม้แต่ปากยังขยับตอบอะไรออกไปไม่ได้ ส่วนร่างกายไม่ต้องพูดถึงอัมพาตไปครึ่งซีก
คราวนี้เสียงฮือฮาดังกว่าระดับเดิม ต่างคนต่างสะกิดกันเป็นการใหญ่
“เดี๋ยวๆ แม่คนนี้เป็นนักร้องนะ ไม่ใช่ผู้หญิงที่อยู่ในรายชื่อการเลือกคู่ของลื้ออาเล่ย” บิดาผู้พกพาบุคลิกเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ เดินมาหยุดอยู่ขอบเวที ตามด้วยภรรยาคู่ยากของเขาเอ่ยปากห้ามการตัดสินใจไม่ยั้งคิดของบุตรชาย
“ไม่ต้องเลือกแล้วครับผมชอบคนนี้” เขาประกาศต่อหน้าทุกคนโดยมียีหระต่อสายตานับร้อยที่ส่งตรงมายังเขาเป็นจุดเดียว
“แต่อีเป็นนักร้อง” ลู่ซานตงว่า
“ป๋าสนใจด้วยหรือครับว่าเธอจะเป็นอะไร จุดประสงค์คือให้แต่งงานกับผม มีลูกไว้สืบสกุล สวยๆ แบบนี้ลูกออกมาคงทั้งหล่อทั้งสวยและหุ่น...ดีแบบนี้แน่ๆ” เล่ยฟานว่าพลางสำรวจรูปร่างหญิงสาวตรงหน้า ด้วยสายตาพราวพร่างแฝงเร้นความปรารถนาอันล้ำลึก
เล่ยฟานหันกลับไปหานักร้องสาวผิงผิงที่ยืนเป็นต้นไม้ไม่พูดไม่จา เพราะยังตกอยู่ในอาการมึนงง ในที่สุดสิ่งที่ไม่คาดฝันจึงเกิดขึ้น มือหนาสวยของชายหนุ่มคว้าหมับเข้าที่ท้ายทอยของหญิงสาว รั้งใบหน้าสวยปานนางงามจากเวทีไหนสักเวที เข้าหาใบหน้าคมหล่อหลอมละลายหัวใจ
กดจูบบดขยี้กับเรียวปากฉ่ำแดงของหญิงสาว ด้วยลีลาหนักหน่วงราวกับจะตอกตึงความรู้สึกทั้งของเขาและเธอให้เป็นจุดเดียวกัน ในทีแรกคิดว่าแค่ตีตราจองเท่านั้น ครั้นเมื่อริมฝีปากได้รูปแตะแต้มลงบนเรียวปากฉ่ำแดงเจิด กระแสแปลบปลาบกระแทกสู่ความรู้สึกของเขา ย้ำให้กดหนักแน่นฝากฝังรสสัมผัสกับเธอให้รู้สึกลมหายใจแห่งความปรารถนา อันมิอาจบรรยายออกมาเป็นประโยคบอกเล่าได้
ร่างบางที่เคยเข้มแข็งดุดันอ่อนระทดระทวยแทบทรงตัวไม่อยู่ หากไม่ได้มือหนาของเขาที่ช่วยประคองดวงหน้างดงามเอาไว้ คงได้ลมลงกลางเวทีอย่างน่าอาย จูบแรกในวัยสาวสะพรั่งถูกปล้นไปอย่างน่าอายต่อหน้าผู้คนที่ไม่เคยรู้จัก งานการที่ถูกวางแผนไว้ในหัวร่วงหล่นลงพื้นยากเก็บกับมาประติดประต่อ
เมื่อสบโอกาสเห็นว่าหญิงสาวในอุ้งมือเผลอ เล่ยฟานจึงฉวยโอกาสใช้ปลายลิ้นร้อนลวกเปิดเรียวปากที่เผย่อค้างน้อยๆ ของหญิงสาวเพื่อให้เธอต้อนรับการรุกรานจากเขาในเวลาอันรวดเร็ว ชายหนุ่มควานหาความหวานอย่างเร่งรีบ โดยไม่สนสายตาผู้คนหมู่มาก ตอนนี้เขารู้สึกได้ว่าตนอยู่ในโลกใบนี้กับนักร้องสาวที่ชื่อผิงผิงเท่านั้น
“อะแฮ่ม” เสียงใครบางคนกระแอมกระไอเพื่อเรียกสติสองชีวิตที่กำลังขัดฟันให้กัน “เจ้านายครับ” แต่เมื่อเทียนลู่เห็นว่าเจ้านายกำลังเพลินอยู่กับลีลาการแสดงจูบหนังสดเขาจึงต้องเรียกซ้ำ เห็นว่าเหตุการณ์ชักจะเลยเถิด
“อืม” เล่ยฟานแค่ส่งเสียงอู้อี้ ปัดมือเทียนลู่ที่สะกิดเบาๆ ตรงต้นแขนของเขา
“เจ้านายครับพอแล้ว” บอดี้การ์ดขยับเข้าใกล้อีกนิด กระซิบข้างหูเจ้านายเพื่อยุติสงครามประหัตประหารกันด้วยเรียวลิ้นระหว่างคนทั้งสอง
“อ้อ...” เล่ยฟานเบิกตากว้าง พร้อมทั้งทิ้งทุกอย่างที่กระทำอยู่ เปิดตามองดูผู้คนและสองบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ห่าง “ผม...เลือกคนนี้ครับ” นิ้วแกร่งชี้ผิงผิง เพื่อย้ำชัดในการเลือก
“ไม่ได้” ลู่ซานตงแย้งด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ป๋าได้ไง ป๋าบอกแล้วไม่ใช่เหรอให้ผมเลือกใครก็ได้ ผมเลือกคนนี้” ไม่พูดเปล่าเขาดึงมือหญิงสาวที่เพิ่งดึงสติตัวเองกลับมาที่ตัวได้ รีบสวมแหวนลงบนนิ้วนางของเธอ แหวนที่สั่งทำแบบเส้นผ่าศูนย์กลางกลางๆ เพื่อเตรียมไว้สำหรับผู้หญิงที่เขาเลือกในค่ำคืนแห่งความพิเศษนี้ ราวกับสิ่งอัศจรรย์ผิงผิงคนนี้สวมแหวนวงนี้ได้พอดีราวกับตัดมาเพื่อเธอโดยเฉพาะกระนั้น