ตอนที่1(จบตอน)

2457 คำ
หลีจิ้งอดจะย้อนถามออกมาอย่างแตกตื่นเสียมิได้เรื่องยาห้ามครรภ์นี้ภายในวังหลังนั้นเป็นเรื่องปกติดื่มกันแทบทุกคนแต่คนเป็นองค์หญิงและกำลังจะแต่งงานออกไปอย่างถูกต้องในอีกเพียงสิบห้าวันข้างหน้านี้แล้วยังจะดื่มยาเหล่านี้ไปด้วยเหตุอันใดกัน “ใช่ ก็เปิ่นกงจู่อายุเพียงเท่านี้จึงยังไม่คิดจะรีบตั้งครรภ์และคลอดบุตรเช่นไรหากยานั้นไม่อันตรายและไม่ช้าจนเกินไปเจ้าก็ไปจัดการหายาห้ามครรภ์มาให้เปิ่นกงจู่ดื่มโดยเร็วเถอะ” กู่หลีจิ้งกับจงอี้ผิงกลับคิดตรงกันข้ามเพราะทั้งสองทราบดีว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่ธรรมดาการรีบมีครรภ์และคลอดซื่อจื่อออกมาให้กับฉู่อ๋องจะไม่ดีกับผู้เป็นนายของพวกตนหรอกหรือ “แต่องค์หญิงเพคะมันไม่ใช่ผลดีต่อการแต่งงานในครั้งนี้นะเพคะ” พอคิดทบทวนดีแล้วจงอี้ผิงจึงส่งสายตาปรึกษากับกู่หลีจิ้งก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าให้นางเป็นผู้รับหน้าที่เปิดปากเจรจากับซ่งไฉ่หนิงโดยมีหลีจิ้งค่อยพยักหน้าสนับสนุนเป็นระยะ แลเห็นเช่นนั้นมีหรือหญิงสาวที่มีความทรงจำของคนอายุสามสิบห้าจะไม่เข้าใจนางกำนัลและขันทีคนสนิทว่าทั้งสองคิดเช่นไรหวังดีกับตนเองอย่างจริงใจในนิยายสองคนนี้รักและซื่อสัตย์กับนางจนวันที่ซ่งไฉ่หนิงตายนอกจากพี่ชายเช่นซ่งไฉ่หมิงแล้วก็คงมีเพียงกู่หลีจิ้งกับจงอี้ผิงเท่านั้นที่ร้องไห้ให้กับการตายของตัวละครซ่งไฉ่หนิงจากใจจริง “เปิ่นกงจู่เข้าใจว่าพวกเจ้าหวังดี แต่อยากให้พวกเจ้าคิดให้ดีนะ เด็กที่เกิดมาโดยบิดาไม่ต้องการมารดาเช่นตัวของเปิ่นกงจู่อายุก็เท่านี้ดูแลตนเองยังไม่ได้หากคลอดเด็กออกมาจะเลี้ยงเขาให้ดีได้จริงหรือ? เด็กทั้งคนเชียวนะไม่ใช่ลูกแมวหรือลูกสุนัข” กู่หลีจิ้งกับจงอี้ผิงที่เติบโตและสนิทกับราวกับพี่น้องต่างเหลียวมองหน้ากันแล้วก็เริ่มคิดคล้อยตามเห็นจริงไปกับเหตุผลที่ซ่งไฉ่หนิงนั้นกล่าวออกมาทั้งหมด “ที่องค์หญิงกล่าวมาก็มีเหตุผล” หลีจิ้งพึมพำเห็นดีเห็นงามกับคำพูดของซ่งไฉ่หนิง “นั่นสิ” จงอี้ผิงเองก็กล่าวคล้อยตามเช่นกัน “ใช่ไหมเล่า รออีกสักสองถึงสามหนาวเปิ่นกงจู่กับฉู่อ๋องก็อาจจะรักใคร่กลมเกลียวกันมากขึ้นรอจนถึงวันนั้นค่อยมีเจ้าตัวเล็กก็ยังไม่สาย ไปเถอะหลีจิ้งเร่งไปพบหมอหลวงแล้วปรึกษาแทนเปิ่นกงจู่ด้วยหากไม่เป็นอันตรายก็นำยากลับมาได้เลย” แน่นอนว่าที่กล่าวว่านางกับกงหยวนฉีนั้นจะรักใคร่กลมเกลียวกันนั้นโกหกสองคนสนิททั้งเพแต่นางจะยอมบอกความจริงไปไม่ได้โดยเด็ดขาดประเดี๋ยวสองคนนี่จะหาว่านางถูกปีศาจเข้าสิงแล้วจะยุ่งยากไปกันใหญ่และอีกสิ่งนางก็คิดจะหาทางหย่าขาดกับฉู่อ๋องที่เป็นพระเอกของเรื่องอยู่แล้วหากนางไม่อยากมีจุดจบเร็วไวตายอนาถก็มีแต่ต้องอยู่ให้ห่างไกลจากบุรุษใจทรามนามกงหยวนฉีเข้าไว้! “ได้พ่ะย่ะค่ะ หลีจิ้งจะจัดการให้รอบคอบองค์หญิงไม่ต้องกังวล” “ดี!” ซ่งไฉ่หนิงค่อยคลายใจเพราะอย่างน้อยหากนางไม่ตั้งครรภ์ ย่อมหมายถึงว่าชีวิตในภพใหม่นี้จะยืนยาวไม่เป็นเช่นในนวนิยายที่ตนเองประพันธ์ขึ้นมาแล้วแน่นอนดังนั้นนางจะไม่ยอมตั้งครรภ์เด็ดขาด! แต่ดูเหมือนความต้องการของซ่งไฉ่หนิงกับจางกุ้ยเฟยนั้นจะสวนทางกันโดยสิ้นเชิง เพราะยิ่งซ่งไฉ่หนิงตั้งครรภ์นั่นจึงจะแน่นอนว่าจิ้งอันโหวนั้นจะไม่กลับมาแย่งชิงซ่งไฉ่หนิงกลับมาจากฉู่อ๋องหากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ยากแล้วที่นางจะจัดการขอสมรสพระราชทานให้ซ่งหลิงจูกับจิ้งอันโหวจากฮ่องเต้ “เจ้าว่าเช่นไรนะ?” เพียงไม่นาน‘ข่าว’ที่ซ่งไฉ่หนิงนั้นให้ขันทีคนสนิทไปพบหัวหน้าหมอหลวงเพื่อขอยาห้ามครรภ์ไปให้ผู้เป็นนายของตนเองก็มาถึงหูของจางกุ้ยเฟย ปัง! “บัดซบ! นังเด็กนั่นมันเสียสติไปแล้วหรือไรจึงเรียกหายาห้ามครรภ์เช่นนั้นก็เสียแผนของเปิ่นกงหมดกัน” จางกุ้ยเฟยรู้สึกเดือดดาลอย่างยิ่งเมื่อได้ทราบความจากสายข่าวของตนเองที่ถูกวางเอาไว้ทั่ววังหลวง มารายงานเรื่องของลูกเลี้ยงตัวแสบทำให้แผนของนางยุ่งยาก แต่คนร้ายกาจเช่นนางมีหรือจะอับจนหนทางในเมื่อมันอยากได้ยานางก็จะจัดการให้มันได้ดื่ม! “ให้คนของเราสับเปลี่ยนเป็นยาบำรุงครรภ์ชามนั้นเสีย ไม่สิทุกชามที่องค์หญิงไฉ่หนิงเรียกหาให้สับเปลี่ยนทั้งหมดจนกว่าจะถึงวันแต่งงานออกจากวังหลวงไป” “พ่ะย่ะค่ะ” คนของนางจากไปทำตามคำสั่งแล้วจางกุ้ยเฟยจึงเรียกนางกำนัลคนสนิทมากำชับให้คอยจับตาองค์หญิงไฉ่หนิงให้ดีอย่าให้ผิดพลาดประเดี๋ยวจะเสียแผน ตกสายกู่หลีจิ้งก็กลับมาพร้อมยาห้ามครรภ์ซ่งไฉ่หนิงได้ดื่มสมใจก็คิดถึงแผนขั้นต่อไป ทบทวนอยู่จนถึงยามเว่ยนางจึงตัดสินใจไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ผู้เป็นพระบิดาเพื่อจะลองทูลขอให้ยกเลิกสมรสพระราชทานคราวนี้เสีย “อันใดนะ?! เจ้าพูดอีกครั้งให้เสด็จพ่อกระจ่างหน่อยเถอะว่าฟังไม่ผิด” ซ่งไห่หยางฮ่องเต้หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบเจ็ดหนาวถึงกับต้องถามย้ำเมื่อบุตรสาวลำดับที่สี่ของตนเองมาขอเข้าเฝ้าแล้วบอกว่าไม่อยากแต่งกับฉู่อ๋องแล้ว “ไฉ่หนิงมาขอความเมตตาจากเสด็จพ่อให้ช่วยยับยั้งราชโองการสมรสพระราชทานครั้งนี้ระหว่างไฉ่หนิงกับฉู่อ๋องกงหยวนฉีด้วยเถิดเพคะ” “……” ซ่งไห่หยางถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออกไปครู่ใหญ่เพราะใครจะคาดไม่กี่วันก่อนบุตรสาวคนนี้ตีให้ตายก็จะแต่งกับบุรุษนามกงหยวนฉีให้ได้พอเขาไม่ตกลงเจ้าเด็กคนนี้ยังดื้อดึงถึงกับวางยาปลุกกำหนัดแล้วปีนเตียงของฉู่อ๋องอย่างไม่สนสี่สนแปดอยู่เลยผ่านไปไม่ทันถึงสิบวันนางกลับมาวิงวอนจะให้เขายกเลิกราชโองการ ปัง! “บังอาจนัก! เจ้าคิดว่าการออกราชโองการเป็นการละเล่นหรืออย่างไรหนิงเอ๋อร์” พอตั้งสติได้มังกรหนุ่มใหญ่ก็โกรธจนหนวดเรียวงามเหนือริมฝีปากสั่นระริกตบโต๊ะทรงอักษรเสียงดังจนขันทีคู่ใจสะดุ้งตัวลอย ส่วนซ่งไฉ่หนิงทำเพียงรีบคุกเข่าเอาศีรษะแนบลงไปกับพื้นหน้าโต๊ะทรงอักษรสีทองอร่ามทันที “ไฉ่หนิงมิกล้าเพคะ” “เฮอะ! คนเช่นเจ้ายังมีสิ่งใดที่ไม่กล้าอยู่อีกขนาด…ช่างเถอะด่าเจ้าก็เหมือนเราตบหน้าตนเอง” “ขอเสด็จพ่อทรงเมตตาไฉ่หนิงด้วยเพคะ” “ไม่! เจ้ากลับไปเถอะหนิงเอ๋อร์ราชโองการออกไปแล้วยากจะเรียกคืนสมรสนี้อย่างไรเจ้าก็ต้องแต่ง” “แต่ว่า…เพคะ” สุดท้ายนางก็จำใจต้องถอยทัพกลับตำหนักของตนเองก่อนเพราะทราบดีว่ายุคนี้ราชโองการนั้นออกไปแล้วเรียกกลับคืนมายากเย็นจริง ๆ เป็นอันว่าคราวนี้นางช้าไปหลายก้าวเลยทีเดียว ซ่งไฉ่หนิงเดินกลับตำหนักด้วยหัวใจที่หนักอึ้งงานแต่งหยุดไม่ได้จุดจบยังจะเปลี่ยนได้อยู่อีกหรือ? พอร่างของไฉ่หนิงกงจู่กับคนสนิทเลี้ยวหายไปกับหัวโค้งถนนร่างหนึ่งจึงปรากฏออกมาจากพุ่มดอกเฟื่องฟ้าใบหน้างามล่มปฐพีนั้นดูแจ่มใสขึ้นมาหลายส่วน “เจ้าฟังมาไม่ผิดใช่หรือไม่” หลินซีเหยาถามย้ำกับสาวใช้คู่ใจของตนเองอีกครั้ง ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าหนักแน่น “ไม่ผิดเจ้าค่ะท่านหญิงหลินซีเหยานอกจากนางจะมาเข้าเฝ้าเพื่อให้ฝ่าบาทยับยั้งราชโองการแล้วเมื่อเช้าบ่าวยังได้ยินข่าวลือว่าขันทีของนางไปพบหมอหลวงอีกด้วย บ่าวจึงรีบไปสืบมาได้ความว่าไฉ่หนิงกงจู่นางให้หลีจิ้งไปขอยาห้ามครรภ์เจ้าค่ะ” “นางมารน้อยผู้นี้กำลังคิดจะทำอันใดกันแน่” หลินซีเหยาพึมพำแต่ก็ไร้ซึ่งคำตอบอยู่ดีสุดท้ายนางจึงบอกให้สาวใช้คู่ใจคอยสืบเรื่องของไฉ่หนิงกงจู่ให้ดี จากนั้นนางจึงไปพบแม่บุญธรรมเช่นหลินฮองเฮาเพื่อจะเล่าทุกสิ่งเกี่ยวกับซ่งไฉ่หมิงให้อีกฝ่ายได้รับฟังหวังว่ามารดาบุญธรรมของตนเองจะช่วยเหลือนางได้ แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้คนที่เป็นฮองเฮามีหรือจะไม่รู้ตรงกันข้ามหลินฮองเฮารับรู้ก่อนหลินซีเหยาเสียอีกแต่รู้ก็อีกสิ่งส่วนรู้แล้วนางสามารถทำสิ่งใดได้บ้างนั่นก็อีกสิ่งหนึ่ง เพราะหลายหนาวมานี้สกุลจางรุ่งเรืองพี่ชายมารดาคนเดียวกันกับจางกุ้ยเฟยนั้นมีอำนาจในกองทัพของต้าเหลียงอยู่เกินครึ่งและยิ่งมีแต่จะมากขึ้นส่วนสกุลหลินของนางนั้นมีแต่จะเสื่อมถอยยิ่งพระนางไม่อาจให้กำเนิดบุตรมังกรได้มีเพียงจางกุ้ยเฟยกับถานเต๋อเฟยผู้ลวงลับแต่อีกฝ่ายก็เป็นเพียงตระกูลขุนนางชั้นกลางจะมาต่อกรกับจางกุ้ยเฟยเห็นทีจะยากสุดท้ายแค่มีวาสนาคลอดบุตรสาวจากนั้นก็ถูกกำจัดไปเสียแล้วไม่ทันได้เสพสุขเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นไม่ใช่ว่าหลินฮองเฮาไม่ล่วงรู้ตรงกันข้ามนางรู้ดีเลยทีเดียวแต่เพราะมองแล้วถานเต๋อเฟยถูกกำจัดฐานะฮองเฮาของตนเองจะยิ่งมั่นคงเพราะดูแล้วฮ่องเต้จะทรงมีใจให้กับสตรีผู้นั้นเกินกว่าพระสนมนางอื่น ๆ แถมนางยังไม่ต้องมือเปื้อนเลือดเช่นนี้หลินฮองเฮานั้นมีหรือจะสอดมือเข้าไปขัดขวางนางจึงปล่อยให้จางกุ้ยเฟยกำจัดเสี้ยนหนามนั้นไปเสียโดยทำเป็นคนโง่เขลาไม่รู้ไม่เห็นอันใดทั้งสิ้น แต่ใครจะคาดคิดว่ายิ่งนานวันเข้าจางกุ้ยเฟยนั้นจะยิ่งมีอำนาจมากขึ้นทุกวันไหนจะพี่ชายของนางก็กุมหัวใจของทหารในกองทัพได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หลินฮองเฮาจึงจำยอมต้องหันไปทำดีกับองค์ชายใหญ่เพื่อหวังผลประโยชน์ต่อให้บัดนี้อีกฝ่ายถูกเนรเทศไปอยู่ชายแดนอันไกลโพ้นแต่หากอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่หลินฮองเฮาก็ยังพอจะมีหวัง ดังนั้นเรื่องในคราวนี้ถึงนางจะไม่พอใจซ่งไฉ่หนิงอยู่มากแต่ซ่งไฉ่หนิงคือน้องสาวที่ซ่งไฉ่หมิงรักมากหากนางทำให้เด็กสาวไม่พึงใจความสัมพันธ์ของนางกับลูกเลี้ยงทั้งสองคงไม่ดีแน่นางจึงทำเป็นวางเฉยปล่อยให้เด็กสาวทำตามอำเภอใจได้เต็มที่ถึงจะทำร้ายหัวใจของลูกบุญธรรมของนางไปบ้างก็ไม่นับว่าเสียหายอันใด เรื่องนี้ทำให้หลินซีเหยารู้สึกน้อยใจมารดาบุญธรรมเช่นหลินฮองเฮามากแต่เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์แม่ดอกบัวขาวแสนพิสุทธิ์ของตนเองเอาไว้นางจึงมิอาจแสดงความรู้สึกออกมาได้นอกจากหาทางระบายความแค้นทางอื่นซึ่งในวันนี้พอนางทราบว่าวันนี้ฮ่องเต้ให้นำชุดแต่งงานของอดีตไทเฮาส่งไปยังกองภูษาซ่อมแซมเพื่อจะยกให้ซ่งไฉ่หนิงจึงคิดแผนร้ายขึ้นมาได้ ฝ่ายของซ่งไฉ่หนิงนั้นยังไม่รู้ว่านางเอกแสนดีที่ตนเองสร้างขึ้นในนิยายนั้นผิดไปจากเดิมราวกับเป็นคนละคนก็กำลังดื่มยาห้ามครรภ์ถ้วยสุดท้ายด้วยดวงใจเต็มอิ่มเอมขึ้นมาหลายส่วนไม่รู้เลยว่าบัดนี้ตัวละครลูกรักของตนนั้นกำลังคิดร้ายกับตนเองอยู่เพราะหลายวันมานี้จางกุ้ยเฟยเอาแต่ส่งนางกำนัลอาวุโสมาดูแลขัดผิวพรรณและแช่สมุนไพรกับน้ำนมแพะดูวุ่นวายจนนางแทบไม่มีเวลาคิดวางแผนหาทางหลุดพ้นไปจากบ่วงวิวาห์นี้เลยจริง ๆ “ต้องหมักผมด้วยหรือ?” หันไปถามเอากับจงอี้ผิงอีกฝ่ายก็พยักหน้า ซ่งไฉ่หนิงจึงยอมแต่โดยดีเพราะคิดว่าชาตินี้ตนเองมีโอกาสแล้วสมควรเสพสุขสักหน่อยช่วงบ่ายนางถูกปรนนิบัติราวกับเจ้าหญิงแต่คิดให้ดีชาตินี้นางก็เป็นองค์หญิงจริง ๆ แต่พอขึ้นขั้นตอนอบควันสมุนไพรที่ส่วนสงวนก็ทำเอาหญิงสาวที่เคยอายุสามสิบห้าแต่ก็ยังบริสุทธิ์จนเมื่อข้ามภพมาจึงเสียเอกราชถึงกับลำบากใจขึ้นมาทีเดียว “ไม่ทำได้หรือไม่” หญิงสาวหันไปถามกับจงอี้ผิง “มิได้เพคะ นี่เป็นธรรมเนียมของสตรีภายในวังก่อนออกเรือนส่วนสงวนจะต้องสะอาดและมีกลิ่นหอมองค์หญิงก็ทราบดีมิใช่หรือ?” คนที่ตอบกลับมานั้นดันเป็นคนของจางกุ้ยเฟยในใจของซ่งไฉ่หนิงรู้สึกไม่ชอบที่อีกฝ่ายแสดงกิริยาแข็งกระด้าง หากแต่ก็คิดเสียว่าอีกไม่กี่วันนางก็จะจากไปอยู่แล้วไม่ควรสร้างปัญหาให้ตนเองได้มีศัตรูเพิ่มนางจึงอดทนข่มความเขินอายยอมให้นางกำนัลสูงวัยจัดการกำจัดเส้นขนที่ก็ไม่ได้มากมายอันใดกับทำพิธีการลมควันอบสมุนไพรจนนางวิงเวียนกับกลิ่นน้ำมันหอมระเหยไปหมด กว่าจะหลุดจากเหล่าคนของจางกุ้ยเฟยได้ก็ใกล้ถึงเวลาอาหารมื้อค่ำเสียแล้ว ซ่งไฉ่หนิงแสนจะยินดีที่ตนเองจะมีเวลาเป็นส่วนตัวสักครา…
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม