ตอนที่4(จบตอน)

1877 คำ
กู่หลีจิ้งกลับมาแล้วแต่เขาดูลำบากใจอย่างยิ่งที่จะแจ้งแก่นางว่าเกิดอันใดขึ้นคาดว่าคงหวาดเกรงว่าพิธีแต่งงานอาจจะพังทลายหากนางทราบเรื่องแล้วเกิดอาละวาดขึ้นมา “กล่าวมาเถอะเปิ่นกงจู่ไม่สร้างปัญหาทำลายหน้าตาและศักดิ์ศรีของตนเองหรอก” หญิงสาวเอ่ยออกไปเสียงเรียบเพราะอันที่จริงหญิงสาวก็พอจะทราบแล้วว่าที่ฉู่อ๋องอุ้มกันเข้าตำหนักข้ามหน้าข้ามตานางที่เป็นเจ้าสาวนั้นเป็นสตรีนางใด นางไม่ได้ไร้สติปัญญาถึงเพียงนั้นจะได้คิดไม่ได้ หากเป็นสตรีอื่นคงโกรธจนหน้ามืดหากแต่เป็นนางที่เขียนให้พวกเขาเป็นคู่กันจะโกรธได้เช่นไรก็นางนี่แหละเทพบุพเพที่ผูกวาสนาให้กับหลินซีเหยาและกงหยวนฉีกับมือตนเองจะโมโหย่อมต้องโมโหตนเองเท่านั้น “คือเอ่อ...เมื่อครู่ท่านหญิงซีเหยาเกิดเป็นลมพ่ะย่ะค่ะแล้ว...” กู่หลีจิ้งไม่บังอาจกล่าวมากไปกว่านั้นด้วยหวาดเกรงโทสะของไฉ่หมิงกงจู่สุดหัวใจ! “ช่างเถอะ เปิ่นกงจู่จะพักสายตา หากฉู่อ๋องเสร็จธุระก็ปลุกเปิ่นกงจู่ด้วยก็แล้วกัน” เกิดสงสารขันทีคนสนิทที่คงลำบากใจอย่างถึงที่แล้วในยามนี้สุดท้ายนางเลยตัดบทเพียงเท่านั้นไม่อยากจะรับฟังสิ่งที่ตนเองรู้อยู่แล้วไปเพื่ออันใด ซ่งไฉ่หนิงดึงผ้าม่านที่บางเบาลงจากนั้นก็วางพัดหรูหราในมือแล้วหลับตานิ่ง ๆ ไม่ได้หลับไปจริงนางเพียงอยากพักสายตาเท่านั้นหูทั้งสองข้างของนางยังคงได้ยินเสียงผู้คนติฉินนินทาว่าร้ายให้กับนางและเห็นใจฉู่อ๋องกับหลินซีเหยากันอย่างเซ็งแซ่ ว่านางกลับไม่ไยดี จนเวลาผ่านไปร่วมครึ่งชั่วยามถึงจะพยายามเอาใจของตนเองออกห่างไม่คิดอันใดกับตัวละครทั้งสองแต่นางก็เป็นมนุษย์ผู้หนึ่งและขณะนี้ก็ดันมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงองค์หญิงขั้นหนึ่งถูกนินทาว่าร้ายไม่พอนางยังถูกทอดทิ้งให้นั่งรออยู่บนเกี้ยวเจ้าสาวพระราชทานนานถึงครึ่งชั่วยามสาเหตุเป็นเพราะเจ้าบ่าวของตนเองนั้นมัวแต่ไปดูแลหญิงสาวที่เป็นอดีตคนรักไปแล้วเช่นนี้หากภายในใจไม่รู้สึกอันใดเลยคาดว่าคงบรรลุเป็นพระโพธิสัตว์แล้วเป็นน่ “โกรธคือโง่โมโหคือคนเสียสตินะ เจ้าเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเอง ท่องเอาไว้สิ นั่นคือลูกรักของแกเองนะ ลูกรักของแกเอง!” เป็นครั้งแรกนับจากมาอยู่ในโลกแห่งนี้ที่ซ่งไฉ่หนิงต้องนับหนึ่งถึงล้านเพื่อระงับความรู้สึกขุ่นมัวยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใดเสียงผู้คนที่วิพากย์วิจารณ์ต่อเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งดังมากระทบจิตใจกวนตะกอนภายในใจของนางไม่หยุดแสงแดดจากร้อนแรงเริ่มอ่อนแสง ซ่งไฉ่หนิงนั่งรอเจ้าบ่าวเช่นฉู่อ๋องอยู่ครบหนึ่งชั่วยามไม่ขาดไม่เกินเขาจึงออกมารับนางซึ่งเป็นเจ้าสาวนี่จึงเป็นครั้งแรกที่ซ่งไฉ่หนิงเลือกที่จะมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเต็มตา “...” รูปงามเกินกว่าที่นางบรรยายเอาไว้มากไม่แปลกที่หลินซีเหยาจะรักมั่นคง แต่รูปงามแล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้ก็เป็นของสตรีอื่นพอหญิงสาวคิดตกถึงตรงนี้จึงเปิดยิ้มให้อีกฝ่ายราวกับพบหน้าบุตรชายบุญธรรมที่พัดพรากมานานไปหนึ่งสายทำเอากงหยวนฉีถึงกับยืนนิ่งไปครู่หนึ่งเลยทีเดียวเกิดมานอกจากมารดาชายหนุ่มก็เพิ่งไม่เคยพบสตรีใดยิ้มให้ตนเองเช่นนี้มาก่อนไม่ตกตะลึงนั่นนะสิแปลก ยิ่งคาดว่าจะต้องถูกไฉ่หนิงกงจู่อาละวาดเอาไว้เต็มเปี่ยมแต่กลับเจอกับรอยยิ้มมากเมตตากงหยวนฉีจึงยืนโง่งมไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว “จะไปกันได้หรือยังเปิ่นกงจู่นั่งนานจนปวดก้นไปหมดแล้ว” เสียงราบเรียบกับใบหน้ายิ้มอ่อนโยนจึงค่อยเรียกสติของกงหยวนฉีให้กลับคืนมาได้ เขาอดจะมองสาวน้อยตรงหน้าซ้ำอีกครั้งอย่างเต็มตาเสียมิได้ เขาตั้งใจทอดทิ้งนางเอาไว้บนเกี้ยวเจ้าสาวหวังให้นางอับอายขายหน้าจนทนไม่ไหวระเบิดโทสะออกมาจนพิธีสมรสวันนี้พังทลายเขาและนางมิอาจร่วมพิธีผูกผมกันจนจบก็นับว่าเป็นความผิดของนางเอง แต่เหตุไฉนเหตุการณ์ไม่เป็นไปดังคาดไม่พอสตรีแสนเอาแต่ใจและร้ายกาจเช่นไฉ่หนิงกงจู่ยังยิ้มอย่างมารดาเอ็นดูบุตรส่งมาให้เขาอีกด้วยนี่มันคืออันใดกัน? “ฉู่อ๋อง!” เฮือก! “ก็ไปสิ!” จนเมื่อซ่งไฉ่หนิงทนไม่ไหวต้องตะโกนเสียงอีกฝ่ายซ้ำออกไปนั่นเองกงหยวนฉีจึงได้สติ ประจวบกับขันทีผู้บอกพิธีการเร่งฝีเท้าออกมาสมทบด้วยสีหน้าไม่ดีนัก พิธีการทางบ้านเจ้าบ่าวจึงค่อยเริ่มเลยฤกษ์งามยามดีไปเป็นชั่วยามแต่ทั้งซ่งไฉ่หนิงผู้เป็นเจ้าสาวนั้นไม่พูด ฉู่อ๋องผู้เป็นเจ้าบ่าววางเฉยแล้วเขาซึ่งเป็นขันทีเจ้าพิธีการจะไปทำอันใดได้นอกจากดำเนินทุกสิ่งไปตามธรรมเนียมเท่านั้น ในที่สุดทุกสิ่งก็เสร็จสิ้นจนมาถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ ซ่งไฉ่หนิงรู้สึกโล่งสบายราวกับตนเองหลุดพ้น ร่างกายเบาสบายที่สุดนับตั้งแต่ข้ามภพมาอยู่ในร่างของสาวน้อยโฉมงามแต่นิสัยไม่งามนามซ่งไฉ่หนิงผู้นี้เลยก็ว่าได้ แอด... คราวนี้รออยู่ไม่นานผู้เป็นเจ้าบ่าวก็ตามเข้ามา ติดตามด้วยนางกำนัลอาวุโสกับขันทีบอกพิธีการ เริ่มขั้นตอนเข้าหอตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอีกราวสองเค่อก็จบสิ้นทุกคนต่างออกไปให้คู่บ่าวสาวได้อยู่กันเพียงลำพัง “คืนนี้ห้องนี้และเตียงนั้นเป็นของเจ้าเพราะตัวของเปิ่นหวางต้องไปดูแลเหยาเอ๋อร์ เจ้าคงรู้แล้วว่านางไม่สบาย” หากเป็นสตรีอื่นได้ฟังคงร้องไห้วิงวอนไม่ให้ผู้เป็นเจ้าบ่าวจากไปและหากเป็นซ่งไฉ่หนิงคนเดิมก็คาดว่านางจะต้องอาละวาดจนตำหนักผิงอันแห่งนี้ลุกเป็นไฟแล้วเป็นแน่หากแต่นี่คือดวงจิตของหญิงสาวที่มาจากยุค2024และมีความทรงจำของคนอายุสามสิบห้าซึ่งมากกว่าบุรุษตรงหน้าอยู่หลายปีย่อมไม่รู้สึกอันใดนอกจากยินดีอย่างยิ่งเท่านั้นยิ่งเขาไม่อยากเข้าใกล้นางยิ่งยินดี “ตามสบายเถอะเปิ่นกงจู่ไม่ขัดขวางหากแต่...” กล่าวเพียงเท่านั้นแล้วซ่งไฉ่หนิงหยิบเอากระดาษสาที่ตนเองนั่งร่างมันอยู่หลายวันตรวจทานมาอย่างรอบคอบและถี่ถ้วนลงบนโต๊ะก่อนจะกางออกมาเพื่อทำข้อตกลงกับฉู่อ๋องว่าจะต่างคนต่างอยู่ ส่วนนางขอเพียงที่ดินกับเรือน 1 หลังแยกออกไปอยู่กับขันทีและสาวใช้ที่เป็นสินเดิมตอนออกเรือน “นี่คืออันใด?” คราวนี้กลับเป็นกงหยวนฉีบ้างแล้วที่ดูงงงันราวกับไก่ถูกทุบหัวเมื่อผู้เป็นเจ้าสาวรีบส่งสมุดพับเล่มหนึ่งมาตรงหน้า “เปิ่นกงจู่ทราบดีว่าฉู่อ๋องไม่อยากแต่งงานในวันนี้ ส่วนเปิ่นกงจู่เองก็มิได้แตกต่างกัน เช่นนั้นเหตุใดเราไม่มาทำสัญญาและข้อตกลงที่จะอยู่ด้วยกันอย่างสันติและสงบสุขเล่าฉู่อ๋อง” กล่าวไปพลางนางก็เลื่อนสมุดพับที่ทำจากกระดาษสาเล่มนั้นไปตรงหน้าของฉู่อ๋อง นิ้วเรียวของซ่งไฉ่หนิงชี้ไปที่ตัวอักษรที่เขียนออกมาสวยงามและเป็นระเบียบจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลายมือของสาวน้อยวัยสิบหกหนาวที่เอาแต่ใจและไม่เคยตั้งใจศึกษาเล่าเรียนในสำนักศึกษาสำหรับเชื้อพระวงศ์เลยสักนิด “เปิ่นกงจู่จะไม่ก้าวก่ายกับท่าน ไม่ว่า ‘เรื่องใด’ ขอเพียงท่านมอบเรือนหนึ่งหลังและที่ดินยังท้ายตำหนักของท่านให้เปิ่นกงจู่ได้อยู่กับนางกำนัลและขันทีซึ่งติดตามมาจากภายในวังหลวงเท่านั้นไม่ใช่ตลอดไป ขอให้เวลาผ่านไปสักหนึ่งหนาวเปิ่นกงจู่ก็จะจากไปอย่างเงียบ ๆ เอง” ซ่งไฉ่หนิงนั้นเน้นย้ำไปตรงประโยคที่ ‘เรื่องใด’ อย่างจะสื่อความหมายว่าต่อให้อีกฝ่ายจะแต่งเอาหลินซีเหยาเข้ามานางก็จะไม่ขัดขวางไม่รู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจความหมายของนางหรือไม่แต่นางตั้งใจจะแยกตัวออกไปให้ไกลอยู่แล้ว เขามันดาวมรณะของนางขืนอยู่ใกล้จะยิ่งอายุสั้น “ได้!” อ่านรายละเอียดอยู่ครู่หนึ่งกงหยวนฉีก็รับข้อเสนอที่ซ่งไฉ่หนิงเสนอมาทันทีเพราะเขาก็ไม่ได้อยากใช้ชีวิตร่วมกับสตรีที่ตนรังเกียจผู้นี้อยู่แล้วยิ่งอยู่ไกลกันนับว่าดียิ่ง “พรุ่งนี้เปิ่นหวางจะลงนามพร้อมกับจัดเรือนและที่ดินตามที่เจ้าของขอ และหวังว่าเจ้าคงไม่เล่นไม่ซื่อตลบหลังเปิ่นหวางด้วยการไปฟ้องต่อฝ่าบาทว่าเป็นเปิ่นหวางขับไล่เจ้าก็แล้วกัน” “หนังสือสัญญานี้ท่านก็เขียนขึ้นมาอีกฉบับได้เลย เปิ่นกงจู่เองก็จะลงลายมือชื่อ หากเกิดเรื่องฉู่อ๋องก็มีหลักฐานไปโต้ตอบกับเสด็จพ่อของเปิ่นกงจู่ได้” “ดี!” กล่าวจบเรือนกายสูงใหญ่ของเจ้าบ่าวก็สะบัดแขนเสื้อเดินออกจากห้องหอไป ซ่งไฉ่หนิงจึงแสนจะโล่งใจไม่นานกู่หลีจิ้งกับจงอี้ผิงก็หน้าตาตื่นเข้ามาภายในห้อง “ไม่ต้องถามอันใด มาช่วยเปิ่นกงจู่เปลี่ยนอาภรณ์เถอะ” กล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดกับใบหน้าจริงจัง จงอี้ผิงกับกู่หลีจิ้งเห็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าถามอันใดอีกเพราะหวาดกลัวฤทธิ์เดชของไฉ่หนิงกงจู่ หญิงสาวได้แช่น้ำอุ่นสบายก็ผ่อนคลายหากแต่พยายามดึงหน้าให้บึ้งตึงเข้าไว้ข่มขวัญนางกำนัลและขันทีคนสนิทเอาไว้หาไม่เรื่องคงไม่จบง่าย เพราะเรื่องเช่นนี้ในยุคนี้นับว่าร้ายแรงยิ่งนักเจ้าบ่าวทอดทิ้งเจ้าสาวในราตรีแรกเข้าหอ อนาคตภายในครอบครัวมีแต่จะย่ำแย่ แต่นางไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว นางต้องการอยู่ห่างไกลจากสามียิ่งมากยิ่งดี และตามข้อตกลงนางจะอยู่ที่นี่แค่หนึ่งหนาวเท่านั้นหรือหากนางพบช่องทางก่อนนั้นก็จะไปทันทีไม่รั้งอยู่ให้เกิดภัยทั้งกับตนเองและราชวงศ์ซ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม