ตอนที่ 4
ราตรีนี้คือคืนก่อนวันสมรสหลังยามจื่อซ่งไฉ่หนิงถูกพาไปยังตำหนักบรรพชนสกุลซ่งเพื่อทำพิธีอำลาสกุลเดิมซึ่งกว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ใช้เวลาจนถึงต้นยามอิ๋นหญิงสาวทั้งเหนื่อยทั้งเพลียและรู้สึกว่าการแต่งงานในยุคโบราณของดินแดนต้าเหลียงนี้ทั้งยุ่งยากและเคร่งครัด หากต้องแต่งงานอีกครั้งนางสัญญากับตนเองว่าจะต้องรักบุรุษผู้นี้มากกว่าชีวิตหาไม่นางจะไม่มีวันแต่งงานอีกเด็ดขาด!
พอตกถึงปลายยามอิ๋นเจ้าบ่าวของนางเช่นกงหยวนฉีก็ปรากฏกายขึ้นตามธรรมเนียมรับตัวเจ้าสาวไปบ้านของฝ่ายชาย ซึ่งนางก็แทบไม่มีเวลาแม้แต่จะชื่นชมพระเอกที่เป็นตัวละครที่นางรักมากอีกคนไม่ต่างจากหลินซีเหยาเพราะพิธีมากมายและยุ่งยากยังดีว่ามีขันทีจากฝ่ายพิธีการคอยประกบเคียงข้างบอกบทนางอยู่หนึ่งคนนอกจากจงอี้ผิงและกู่หลีจิ้ง หาไม่นางคงจำทุกขั้นตอนไม่หมดเป็นแน่
“เชิญคู่บ่าวสาวคำนับลาป้ายบรรพชนสกุลเดิมของเจ้าสาว” กว่าจะถึงขั้นตอนนี้ซ่งไฉ่หนิงก็ร้องหาสวรรค์ไปพันกว่ารอบ
“เชิญคู่บ่าวสาวคำนับลาบิดาและมารดาของฝ่ายเจ้าสาว” บิดาของเจ้าสาวนั้นก็คือฮ่องเต้ ส่วนมารดาของเจ้าสาวนั้นแน่นอนว่าเป็นหลินฮองเฮา
“คู่บ่าวสาวยกน้ำชาให้บิดาและมารดาของเจ้าสาว”
เป็นจบพิธีภายใน จากนี้ก็จะเป็นการไปขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวที่มีขบวนสินเดิมของเจ้าสาวยาวเป็นสิบลี้รออยู่ ตลอดเส้นทางลงจากตำหนักด้านหน้ามีขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ของราชสำนักต้าเหลียงยืนเรียงรายคงเกินพันกว่าชีวิตอยู่สองฟากฝั่ง ขาเรียวของซ่งไฉ่หนิงยังคงก้าวไปข้างหน้ามั่นคงภายในมือนั้นยังคงถือพัดปิดบังใบหน้าตามราชประเพณีของต้าเหลียงทุกสิ่ง
เสียงแว่วมาเข้าหูมีทั้งชื่นชมเจ้าบ่าวที่สง่าผ่าเผยและติติงเจ้าสาวที่ยังดูเยาว์เกินไปที่ได้ออกเรือน ซ่งไฉ่หนิงได้ยินเต็มสองหูหากแต่ยังคงวางสีหน้าเรียบเฉย บางเสียงก็มีติฉินนินทางนางอย่างโจ่งแจ้ง คิดในใจว่าจางกุ้ยเฟยช่างปั้นแต่งเด็กสาวผู้หนึ่งให้ขุนนางทั้งราชสำนักชิงชังได้เพียงนี้ช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว
การถูกเกลียดใครบ้างจะชอบ แต่เมื่อนางเลือกไม่ได้และหากคิดไปตามหลักการทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับซ่งไฉ่หนิงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวของพริษาที่ประพันธ์นวนิยายเรื่องจอมใจทรราชขึ้นมาเองทั้งสิ้นยังจะโทษใครไปได้อีกหากไม่ใช่สุดท้ายก็คือตัวของนางเอง...
ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาทางปากเมื่อนางได้ขึ้นมานั่งบนเกี้ยวเจ้าสาวหลังใหญ่ที่มีคนหามถึงแปดคนเรียกว่ายิ่งใหญ่อลังการจนนางยังแทบไม่เชื่อสายตาตนเองว่าในยุคสมัยนี้จะจัดงานได้ยิ่งใหญ่และหรูหราได้ถึงเพียงนี้กับเวลาจัดเตรียมงานในเวลาไม่ถึงสิบห้าวัน!
เกี้ยวเจ้าสาวนี้ยิ่งใหญ่และหรูหรา มีเพียงผ้าม่านผืนบางเบาบดบังเอาไว้เพียงแค่วับแวมคล้ายปิดแต่ก็คล้ายเปิดชวนให้คนยิ่งอยากมองความจริงซ่งไฉ่หนิงก็อยากจะชื่นชมบรรยากาศรอบเมืองหลวงที่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวจะต้องวนจนรอบตามบัญชาของฮ่องเต้ซ่งไห่หยางอยู่หรอก
ทว่าหนังตาของนางมันอ่อนล้าไม่เป็นใจดังนั้นหลังขบวนเกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนออกจากประตูพระราชวังชั้นที่สามซึ่งเป็นชั้นนอกสุดเจ้าสาวก็นั่งสัปหงกไปเสียแล้ว และบังเอิญว่ากงหยวนฉีก็ได้เห็นเสียด้วย แต่แทนที่เขาจะเข้าใจว่านางคงเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียจากการจัดเตรียมงานและเตรียมตนเองให้พร้อมเป็นเจ้าสาวที่งดงามสมบูรณ์ชายหนุ่มกลับนึกตำหนิที่นางไม่รักษากิริยาไม่พอยังทำเหมือนไม่เต็มใจจะแต่งงานกับเขาในวันนี้อีกด้วยช่างไม่ไว้หน้ากันดีจริง ๆ
“หากไม่เป็นเพราะเจ้าข้ากับเหยาเอ๋อร์ยังจะมีวันนี้หรืออย่างไร!”
เฮือก!
จู่ ๆ ร่างเล็กก็สะดุ้งผวาตื่นขึ้นมาเพราะรับรู้ได้ถึงไอสังหารสายหนึ่งที่พุ่งตรงเข้ามายังร่างตนเองหญิงสาวเหลียวมองรอบกายตนเองด้วยสายตาเลิ่กลั่กกระวนกระวายไม่สบายใจชักเริ่มรู้สึกเกลียดยัยพริษาตัวดีขึ้นมาติดหมัดที่ช่างเขียนลิขิตให้ซ่งไฉ่หนิงทำตัวเหวี่ยงวีนและนิสัยเสียจนมีแต่คนอยากให้นางตายตลอดเวลาเช่นนี้สุดท้ายใครเล่าที่ลำบากหากไม่ใช่ตนเอง…
กว่าขบวนรับตัวเจ้าสาวจะมาถึงยังตำหนักผิงอันของฉู่อ๋องแห่งแคว้นเฉิงตูก็เลยยามอู่จนบ่ายคล้อยเกือบถึงกลางยามเว่ยทำเอาซ่งไฉ่หนิงนั่งสัปหงกแล้วสัปหงกอีก เพิ่งรู้แจ้งว่าฮ่องเต้ซ่งไห่หยางนี้รักหน้าตาของตนเองเป็นที่สุดเพราะแต่งงานคราวนี้ไม่แต่งบุตรเขยเข้าก็จริงหากแต่ขบวนเกี้ยวเจ้าสาวกับสินเดิมยาวเหยียดนี้ก็ประกาศให้คนทั้งใต้หล้ารู้แจ้งถึงฐานะของไฉ่หนิงกงจู่นั้นมั่นคงไม่แปรผันต่อให้แต่งงานออกมาแล้วก็ตามหากคนบ้านสามีหรือฉู่อ๋องคิดจะรังแกกันก็ต้องทบทวนให้มากเท่านั้น
นั่งรออยู่นานเสียงเตะเกี้ยวก็ยังไม่บังเกิดซ่งไฉ่หนิงจึงขยับพัดบังใบหน้าเมียงมองว่าเหตุใดฉู่อ๋องจนไม่มาทำพิธีสักคราก่อนจะเห็นว่าไกลออกมาคนกลุ่มหนึ่งกำลังวุ่นวายอยู่
“อี้ผิงเกิดอันใดขึ้น”
โกลาหลอลหม่านเช่นนั้นจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นอีกหรือไม่หญิงสาวใจคอเริ่มไม่ดีจึงถามนางกำนัลคนสนิท จงอี้ผิงนั้นไม่สะดวกจะไปดูด้วยตนเองจึงเป็นหน้าที่ของกู่หลีจิ้งที่ต้องวิ่งไปดูเหตุการณ์แต่เขายังไม่ทันกลับมาซ่งไฉ่หนิงก็เห็นว่าเจ้าบ่าวที่สมควรมารับนางลงจากเกี้ยวเจ้าสาวหลังโตโอ่อ่านี้กำลังอุ้มสตรีนางหนึ่งเข้าตำหนักไปเสียแล้วหญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ แต่ก็ทำสิ่งใดมิได้นอกจากนั่งรออยู่ในเกี้ยวเจ้าสาวไปอย่างสงบ
“กราบทูลองค์หญิง”