“ใบแจ้งเตือนจากสำนักงานทนายความ...อืม...พ่อของคุณเสียชีวิตไปแล้วแต่คนที่กำลังจะถูกฟ้องเรื่องไม่ชดใช้หนี้ธนาคารสิบล้าน...คือแม่ของคุณ”
ชายหนุ่มกล่าวได้แค่นั้นร่างบอบบางก็ถึงกับเข่าอ่อนทรุดลงนั่งกับพื้น ดวงตาของอัยย์ญาดาแห้งผากและสิ้นหวัง แสงสว่างสุดท้ายได้ดับสิ้นลงในนาทีนั้น สักครู่ร่างสูงค่อยหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาขณะนัยน์ตาเข้มจับจ้องที่หญิงสาว รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมผุดขึ้นบนปากหยักได้รูป
“ทีนี้เข้าใจหรือยังล่ะว่าคุณอาจจะมีสิทธิ์ในตัวลูกได้มากกว่าคนอื่น แต่พอเอาเข้าจริง ๆ กฎหมายไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความสามารถที่คุณจะดูแลลูกได้ตลอดชีวิต...แม่ของคุณจะเป็นยังไงถ้ารู้ว่าต้องถูกฟ้องเรื่องหนี้ทั้งที่ตัวเองก็ไม่สบายหนักในโรงพยาบาล แต่เอาเถอะ ผมขอเสนอทางออกให้คุณ”
ชาครินทร์หยิบสมุดเล่มเล็กจากกระเป๋าเสื้อสูทออกมาแล้วจรดปลายปากกาลงไปก่อนฉีกมันแล้วทิ้งลงตรงหน้าหญิงสาว อัยย์ญาดาหยิบมันขึ้นดูด้วยหัวใจปวดร้าว
“เช็คยี่สิบล้านบาท...แลกกับลูกและงานของคุณ ผมให้เวลาคุณอยู่กับน้องเอ๋ยสักระยะ เป็นแม่ของลูก... และ...ช่วยระบายความเครียดให้ผม...หึ...งานมันง่ายแสนง่ายแถมไม่ต้องลงทุนอะไร แต่...ในช่วงเวลานี้ห้ามอ้างสิทธิ์ใด ๆ ในตัวลูกและผม!”
ชายหนุ่มยื่นคำขาด เสียงนั้นสะท้อนก้องและทิ่มแทงความรู้สึกของคนฟัง มือเรียวบางที่กุมเช็คใบเล็ก ๆ สั่นน้อย ๆ อัยย์ญาดาเม้มปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง เธออ่อนแอแต่ยังไม่ยอมแพ้
“แล้วถ้าฉันไม่รับความช่วยเหลือจากคุณ”
เขายักไหล่และยกยิ้ม “คุณมีสิทธิ์ที่ตะทำอย่างนั้นได้ แต่...จะทนได้หรือเปล่ากับการที่ต้องเห็นคนที่ตัวเองรักตายไปต่อหน้าทั้งที่คุณช่วยเหลือเขาได้ อีกอย่างคุณต้องดึงลูกเข้าไปร่วมชะตากรรมเลวร้ายที่ต้องชดใช้หนี้สินมากมายตั้งไม่รู้เท่าไหร่และเป็นหนี้ที่คุณไม่ได้ก่อ คิดหรือว่าคุณกับลูกจะอยู่อย่างมีความสุข เปล่าเลย...น้องเอ๋ยจะไม่มีโอกาสได้เข้าเรียนโรงเรียนดี ๆ มีสิ่งที่อยากได้เหมือนเด็กคนอื่น และ...”
“พอเถอะนะคะ!”
หญิงสาวร้องไห้ เธอเหมือนคนหมดหนทางเมื่อทุกอย่างรอบตัวถูกบีบให้แคบลง ความเงียบโอบล้อมบรรยากาศอึดอัดรอบตัวทว่าไม่ใช่สำหรับชาครินทร์ นัยน์ตายาวรีสีสนิมเหล็กเข้มสะท้อนเงาระยับราวกับเขามีความสุขอย่างล้นเหลือ อัยย์ญาดากลั้นสะอื้นราวกับจะขาดใจเมื่อไม่อาจหลีกหนีจากทางเลือกสุดท้ายและคนที่หยิบยื่นโอกาสนั้นให้คือซาตานในคราบสภาพบุรุษ
“แม่จ๋า...แม่จ๋ามาแล้ว”
อรินลดาร้องดีอกดีใจเมื่อประตูรถคันหรูเปิดออกและเห็นมารดายืนมองมาโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหน้าตาของอัยย์ญาดาซีดจัดขนาดไหน เด็กหญิงปรบมือแล้วกวักไหวๆ
“เข้ามานี่สิคะแม่จ๋า เข้ามานั่งกับน้องเอ๋ย...เข้ามาๆ”
ความไร้เดียงสาทำให้รู้เพียงว่าผู้ชายซึ่งถูกเรียกว่า ป๋าโอม พามานั่งคอยในรถและบอกกับหนูน้อยว่าจะพาไปเที่ยวพร้อมกับแม่จ๋า อรินลดาเชื่อสนิทใจเพราะมีลูกแก้วถุงใหญ่ซึ่งสำหรับเด็กน้อยแล้วมันดึงดูดใจมากกว่าขนมหวานกองรออยู่บนเบาะด้านหลัง ขณะที่อัยย์ญาดายืนลังเลก็เห็นประตูรถอีกฝั่งเปิดออกพร้อมกับร่างสูงสง่าของชาครินทร์ที่ก้าวขึ้นไปนั่งข้างอรินลดา เขาโอบไหล่เล็ก ๆ นั้นไว้และเอ่ยว่า
“ขึ้นมาสิ อัยย์...ลูกรออยู่แล้วนี่เห็นไหม”
น้ำเสียงนั้นราบเรียบและออกจะอ่อนหวานหากหญิงสาวพาลจับไข้ รู้สึกสะอิดสะเอียนและอยากอาเจียนเพราะอัดอั้นต่อการบีบคั้นอันแสนเยือกเย็น เขาเป็นยิ่งกว่าซาตานไร้หัวใจ
“นี่เป็นข้อตกลงก่อนที่ผมจะพาคุณกับลูกไปอยู่ที่ใหม่ เมื่อคุณรับเช็คเงินสดนี่ไปแล้วผมถือว่าคุณยอมแลกทุกอย่างเท่าที่ผมจะออกคำสั่งให้คุณทำได้ อึดอัดอย่างนั้นหรือ...หึ...เพื่อให้คุณรู้สึกสบายใจผมจะให้คุณทำงานในตำแหน่งเลขาของผมที่บริษัท และคุณต้องแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันให้ได้ อยู่ที่บ้านคุณเป็นแม่ของน้องเอ๋ย เป็นได้แค่แม่ของลูกเท่านั้นแต่ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรจากความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราวระหว่างเรา ในเมื่อคุณเองยอมเอาตัวแลกกับเงินของผม ฉะนั้นแล้วจะไม่มีคำว่าผูกพันระหว่างผมกับคุณไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม...มันคงไม่นานหรอก สักระยะหนึ่งเพื่อที่ ลูก จะได้รู้สึกชินกับการที่เขาอยู่ได้โดยไม่ต้องมีแม่”
ข้อเสนอของชาครินทร์ก้องอยู่ในหัวหญิงสาวตลอดเวลา เธอก้าวขึ้นรถและนั่งข้างลูกน้อยด้วยหัวใจอ่อนล้าแต่ไม่ยอมให้อรินลดาเห็นคราบน้ำตา ร่างเล็กกอดมารดาและบอกว่า
“แม่จ๋า...ป๋าโอมใจดีมาก เอาลูกแก้วมาให้น้องเอ๋ยเยอะเลย”
“ค่ะ”
“แม่จ๋า...ป๋าโอมบอกว่า แม่จ๋าจะพาน้องเอ๋ย...ไปอยู่ที่ใหม่...บ้านหลังใหม่...จริงไหมคะ”
“ค่ะ”
“แต่น้องเอ๋ยบอกป๋าโอม...ว่าจะไปเยี่ยมคุณยาย...คุณยายอยู่โรงพยาบาลนิคะ”
“ป๋าโอมจะพาน้องเอ๋ยไปเยี่ยมเองนะคะ”
ชาครินทร์แทรกขึ้นขณะรถเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านหลังเก่าของสองแม่ลูก ขณะนั้นเด็กหญิงหันกลับมาและทักขึ้นว่า
“ป๋าโอม...ป๋าโอมถูกยุงกัดหราคะ?”
“หืมม์?”
“แก้มป๋าโอมมีรอยแดงค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเป่าให้ป๋าโอมหน่อยได้ไหมคะ”
“ยื่นแก้มมาสิคะ น้องเอ๋ยเป่าให้”
ชาครินทร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ให้อรินลดาเป่าลมจากปากจิ้มลิ้มบนแก้มของเขา อัยย์ญาดาผินหน้าไปอีกทางและเม้มปากแน่นสนิทแต่ไม่อาจสกัดกลั้นหยดน้ำเล็ก ๆ ที่มันถั่งออกจากดวงตาได้เลย เขารักลูก อยากเก็บลูกไว้ แต่มองแม่ของลูกไร้ความหมาย ความเสียใจแล่นขึ้นมาจุกอกเมื่อนึกถึงเช็คเงินสดที่รับเอาไว้ อัยย์ญาดาแทบขาดใจ เขาบีบบังคับให้เธอรู้สึกต้อยต่ำราวกับโสเภณีที่กำลังขายลูกกิน