บอดีการ์ดร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามมีท่าทางดุดันไม่แพ้เจ้านาย ทำให้จานีนเหลือตัวเล็กนิดเดียวตอนเดินตามหลังอีกฝ่ายมาที่หลังร้าน พอเปิดประตูเข้ามาในห้องหนึ่งก็เจอผู้หญิงหลายคนที่แต่งหน้าแต่งตัวจัดนั่งอยู่ด้วยกันสี่ห้าคน และยังมีผู้ชายหน้าหวานตัวเล็กอีกหลายคนด้วย
จานีนยืนตัวลีบอยู่หน้าประตู ไม่กล้าเดินเข้าไปในห้อง เลยโดนชายร่างยักษ์ดันหลังจนเกือบล้มไป
“เข้าไปนั่งรอก่อน รอคนอื่นๆ เลิกงานแล้วค่อยไปที่อะพาร์ตเมนต์กันทีเดียว”
“ได้ค่ะ” จานีนพยักหน้า แล้วเดินเข้าไปนั่งตรงมุมหนึ่งของโซฟาที่พี่สาวคนหนึ่งตบเบาะเบา ๆ เรียกให้ไปนั่ง
“เด็กใหม่เหรอ คุณมาร์ต” หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้น เธอสวมเดรสรัดรูปสีแดงสดลายดอกไม้ ผมสีน้ำตาลเข้มดัดลอนธรรมชาติ ลิปสติกสีแดงบนริมฝีปากทำให้เธอดูเซ็กซี่เย้ายวน
“อืม นายจะให้ไปอยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ แนะนำเด็กมันด้วย” มาร์ตบอก จากนั้นก็เดินออกไปจากห้อง เมื่อพ้นหูพ้นตาจากคนดูแลจานีนก็โดนพี่ ๆ รุมอย่างกับเป็นของแปลก บางคนก็จับเธอหมุนตัวเพื่อสำรวจข้างหน้าข้างหลังราวกับเป็นตุ๊กตา
อยู่กันแบบนี้สินะ เธอจะได้ทำตัวให้ชินเข้าไว้
“หน้าตาจิ้มลิ้มเชียว ผิวพรรณก็ดี มาจากไหนล่ะเรา” สาวชุดแดงคนเดิมถาม มือที่ทาเล็บลวดลายสวยงามจับแก้มของจานีนพลิกไปมา
“มาจากลำพูนค่ะ”
“ถึงว่าสิ ขาวจั๊วะเลย ว่าแต่เธอชื่ออะไร” หญิงสาวหน้าสวยที่ย้อมผมสีเทาถามบ้าง เวลานี้จานีนกลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในห้องนี้ไปแล้วจริง ๆ
“ชื่อจานีนค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะพี่ ๆ”
“ใส ๆ แบบนี้คุณพิภพชอบแน่ เคยหรือยังล่ะ”
อยู่ ๆ ก็โดนยิงคำถามใส่โต้ง ๆ พานให้จานีนอึกอักเล็กน้อย แต่เมื่อโดนถามมาแล้วก็ต้องตอบไป ด้วยไม่อยากโดนเขม่นตั้งแต่วันแรกที่มาทำงาน
“ยังไม่เคยค่ะพี่”
“โอ๊ย สด ๆ ซิง ๆ อีกต่างหาก ไม่เป็นไรลูก พี่จะช่วยสอนให้เอง” พี่สาวหยิกแก้มน้องใหม่ด้วยความมันเขี้ยว หลังจากนั้นก็มีอีกหลายคำถามที่จานีนต้องตอบ แต่คุย ๆ ไปก็สนุกดี ทุกคนในที่นี้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร ถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ภายนอกจะดูแรงไปหน่อย
จานีนหวังว่างานของเธอจะราบรื่นเป็นอย่างดี ไร้อุปสรรคใด ๆ
……
“กำลังไปที่อะพาร์ตเมนต์ครับนาย ครับ…เรื่องนั้นผมจะรีบจัดการให้”
ระหว่างทางไปอะพาร์ตเมนต์ด้วยรถตู้คันใหญ่ จานีนก็ได้ยินมาร์ตคุยโทรศัพท์ เธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่เพราะนั่งข้างคนขับพอดีก็เลยได้ยินเข้า ด้วยความที่เป็นคนช่างซักช่างถามจึงอดไม่ได้ที่จะชวนคนตัวใหญ่คุย
“ดึกขนาดนี้แล้วคุณมาร์ตยังต้องไปทำงานต่ออีกเหรอคะ”
“งานของผมไม่ได้เข้างานแปดโมงเช้าแล้วเลิกงานตอนห้าโมงเย็นนะ”
พอได้คำตอบมาแบบนั้นหญิงสาวก็รู้สึกเหมือนโดนดุอย่างไรบอกไม่ถูก จานีนกัดปากตนเอง มองคนอื่น ๆ ผ่านกระจกหลังเห็นว่าพี่ ๆ บางคนนอนหลับ บางคนก็เล่นโทรศัพท์มือถือ ไม่มีใครสนใจเขาสักเท่าไร
“เจ้านายของคุณมาร์ตเขาทำงานหลายอย่างมากเลยใช่ไหมคะ” จานีนถามอีก พอเห็นสายตาเคลือบแคลงสงสัยที่จ้องมองตรงมาก็รีบพูดต่อ
“หนูนีนเคยได้ยินพี่คนที่เคยทำงานที่นี่เล่าให้ฟัง คนที่แนะนำงานนี้ให้น่ะค่ะ”
“ก็หลายอย่าง” อีกฝ่ายตอบเพียงสั้นๆ จานีนเลยไม่ได้ถามอะไรอีกเพราะคนตอบดูจะไม่อยากตอบ ร่างเล็กพิงหลังไปกับเบาะรถ ทอดสายตามองออกไปนอกกระจกที่เต็มไปด้วยรถมากมายแม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้วก็ตาม
ไม่นานรถตู้สีดำก็จอดที่หน้าอะพาร์ตเมนต์ขนาดย่อมแห่งหนึ่ง จานีนเงยหน้ามองดูพบว่ามีสี่ชั้น หนึ่งชั้นมีประมาณหกห้อง มองจากภายนอกอายุการก่อสร้างคงจะเกินสิบถึงสิบห้าปีแล้วด้วยซ้ำ รุ่นพี่อธิบายให้คนมาใหม่ฟังว่าห้องหนึ่งจะอยู่กันสองคน มีแค่ชั้นสองกับชั้นสาม ส่วนชั้นหนึ่งและชั้นสี่เป็นชั้นที่เลโอนาร์โดเอาไว้เก็บของ ห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวก่อนจะได้รับอนุญาต
หลังจากทุกคนลงจากรถแล้ว มาร์ตก็ขับรถออกไปทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เขาก็เป็นแบบนี้แหละ เย็นชาไม่แพ้เจ้านายเลย” มอนเน่บอก ก่อนจะเอ่ยชวนรูมเมตคนใหม่ “เข้าห้องกันเถอะ อยากอาบน้ำแล้วอะ”
มอนเน่เป็นสาวหน้าหวาน ตัวเล็กอ้อนแอ้น อายุยี่สิบปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปีสอง เธอเดินนำมายังห้องพักที่อยู่ชั้นสอง แม้ภายนอกห้องจะค่อนข้างเก่าแต่พอเข้ามาในห้องกลับถูกตกแต่งเอาไว้อย่างดี เน้นสีขาวและไม้สีอ่อนตามแบบสมัยนิยม จานีนมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างสนใจก่อนจะทักขึ้น
“กระเป๋าแบรนด์เนมเต็มไปหมดเลย มีชาเนลที่เพิ่งออกใหม่ด้วย”
“รู้จักแบรนด์เนมพวกนี้ด้วยเหรอ ไหนว่ามาจากต่างจังหวัด” มอนเน่ขมวดคิ้ว
จานีนนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมทั้งตอบ “อยู่ต่างจังหวัดก็รู้จักได้ หนูนีนเคยเห็นในเฟซบุ๊ก อยากได้มากเลยแต่ไม่มีเงินซื้อ”
“ทำงานแค่เดือนเดียวก็ซื้อได้แล้ว อยากได้อะไรก็อ้อนแขกเอา” มอนเน่ยักไหล่ นั่งลงที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้า วันนี้มอนเน่รับแขกสองคนได้เงินมาตั้งหลายหมื่น หักเปอร์เซ็นต์ให้ร้านแล้วก็ยังเหลืออีกเยอะ
จานีนนั่งแกว่งขาอยู่บนเตียง มองมอนเน่กำลังทำความสะอาดใบหน้า ระหว่างนั้นก็ชวนคุยไปด้วย
“เออนี่ คุณเลโอนาร์โดเขาเป็นมาเฟียจริงไหม หนูนีนเคยได้ยินพี่สาวพูด”
“เขาทำหลายอย่าง มีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีกาสิโนด้วยละมั้งถ้าจำไม่ผิด” มอนเน่ตอบ
จานีนพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปอาบน้ำ เมื่อได้โอกาสอยู่ตามลำพังหญิงสาวก็ถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความอึดอัด สีหน้าและแววตาใสซื่อเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าที่แสดงถึงความหงุดหงิดขัดใจ
บางคนก็ชีวิตดีเหลือเกิน ไม่ได้รู้เลยว่าคนอื่นต้องเป็นทุกข์ขนาดไหน
จานีนใช้จังหวะที่มอนเน่กำลังอาบน้ำเปิดประตูออกมาข้างนอก จดจำว่าชั้นหนึ่งและชั้นสี่เป็นที่ต้องห้าม สัญชาตญาณของเธอบอกว่ามันจะต้องมีอะไรสักอย่างที่นั่น ใบหน้าหวานเหลียวมองซ้ายขวาไม่เห็นใครอยู่บริเวณนี้ เพราะทุกคนเข้าห้องตนเองไปพักผ่อนกันหมดแล้ว
สองขาเรียวเดินอย่างระมัดระวังไปตามทางเดินเรื่อย ๆ จนถึงบันไดที่ลงไปสู่ชั้นหนึ่ง จานีนอยากจะรู้ว่ามันเป็นความลับขนาดไหนกันถึงขนาดต้องห้ามคนอื่นเข้าออกในชั้นนี้