“ใช่ครับ ผมเป็นคนชอบงานศิลปะ แล้วบังเอิญเห็นคุณกำลังวาดรูปอยู่ นอกจากความรู้สึกชื่นชม ก็ไม่มีเจตนาอื่นจริงๆ ขณะที่ผมมองผ่านเลนส์ไปที่ใบหน้าของคุณ ซึ่งคุณคงไม่รู้หรอกว่ามันเป็นภาพที่สวยงามแค่ไหน หญิงสาวร่างบอบบางบนเก้าอี้ไม้ไผ่ ในมือถือพู่กัน สายตาจับอยู่ที่รายละเอียดของทิวทัศน์เบื้องหน้า คุณคือความงดงามในสายตาของผม เหมือนกับภาพน้ำทะเลที่เป็นความงดงามในสายตาของคุณ ผมอดใจไม่ได้ที่จะเก็บภาพเหล่านั้นเอาไว้เป็นความทรงจำ” ชายหนุ่มสาธยายออกมายืดยาว
“คุณคงลืมไปว่าความทรงจำบางอย่าง เราควรจะเก็บเอาไว้ในใจก็ได้” หญิงสาวแย้ง
แม้จะยอมรับว่าเขาพูดได้น่าฟัง ทั้งน้ำเสียงทุ้มนุ่มที่รู้จักเว้นจังหวะนักเบาอย่างคนพูดเป็น นึกในใจว่านายคนนี้คงเก่งในการพูดจาโน้มน้าวใจคน ถ้าเขาทำอาชีพขายประกัน เชื่อแน่ว่าหน้าตาและคารมของเขาคงทำให้สาวๆหลายคนใจอ่อนได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่เธอ
“ก็อย่างที่บอกครับ มันกะทันหันจนผมไม่มีเวลานึกถึงสิ่งอื่น แม้กระทั่งลืมคิดไปว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับคุณ”
“เอาเป็นว่าฉันไม่ถือโทษคุณ” แม้น้ำเสียงที่พูด หญิงสาวทำเหมือนต้องการตัดรำคาญ ทว่าเหตุผลที่เขายกมาอ้าง จะว่าไปก็พอฟังได้
“ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป…ขอดูผมหน่อยได้ไหมครับ”
“ขอดู…เอ่อ คุณหมายถึงภาพที่ฉันวาด” เธอย้ำเพื่อความแน่ใจ
“ใช่ครับ ผมอยากเห็นภาพที่คุณวาด”
“มันอาจจะไม่สวยอย่างที่คุณคาดหวังว่าจะได้เห็น อีกอย่าง…ฉันยังวาดไม่เสร็จ”
“ไม่เป็นไรนี่ครับ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ผมกำลังมองหาภาพวาดเพื่อจะใช้ตกแต่งรีสอร์ทและโรงแรมอยู่พอดี”
“อะไรนะคะ” มีความแปลกใจและดีใจปรากฏให้เห็นพร้อมๆกันบนดวงหน้าหวาน เขาอาจโกหกออกไปเรื่อยเปื่อย เพียงเพื่อต้องการทำความรู้จัก แต่หน้าตา ท่าทาง และการพูดจาที่น่าเชื่อถือของเขา ก็อาจเป็นได้ ถ้าเขาจะมีตำแหน่งถึงระดับผู้จัดการรีสอร์ต
“ขอผมดูภาพที่คุณวาดหน่อยได้ไหมครับ” เขายังยืนยันว่าอยากเห็น
หญิงสาวนิ่งคิด เพียงเสี้ยวนาทีสำหรับตัดสินใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าจะให้เขาดูภาพที่เธอกำลังวาด หากเขาเป็นผู้จัดการรีสอร์ตจริงอย่างที่เอ่ยอ้าง มันก็หมายถึงรายได้ระหว่างที่เธอกำลังรองาน ถ้าเขาสนใจภาพวาดของเธอขึ้นมาจริงๆ
มินตราเพิ่งเรียนจบปริญญาตรี ครุศาสตร์บัณฑิต ศิลปะศาสตร์ จากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งมาหมาดๆ อยู่ระหว่างรอรับปริญญา ช่วงนี้จึงหางานไปพลางๆ แต่ที่ตัดสินใจมาเที่ยวเกาะเหลาเหลียง เพราะเป็นความใฝ่ฝันเมื่อหลายปีมาแล้ว หลังจากได้ดูสารคดีท่องเที่ยวจากรายการโทรทัศน์ช่องหนึ่ง จากนั้นเกาะเหลาเหลียงซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ก็กลายมาเป็นความใฝ่ฝันว่าสักครั้งหนึ่งในชีวิต…เธอจะต้องมาเยือนให้ได้
มินตราจึงขออนุญาตแม่ ให้เหตุผลว่าอยากให้รางวัลชีวิตตัวเองที่เรียนจบ แม้ยุพาผู้เป็นแม่จะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะในชีวิตของมินตราที่ผ่านมา การไปเที่ยวแล้วได้ค้างคืนที่ไหนสักแห่ง เกิดขึ้นแทบนับครั้งได้สำหรับเธอ ทว่าครั้งนี้ที่ยุพายอมอนุญาต เพราะเห็นว่ามินตราก็ไม่เคยนอกลู่นอกทาง อีกทั้งยังมีเพื่อนสนิทมาด้วย ซึ่งก็คือดาริน
ก่อนจะก้าวตามหญิงสาวมา ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะหันไปคว้าเสื้อเชิ้ตที่ถอดแขวนเอาไว้กับกิ่งไม้ เอาพาดบ่าแล้วรีบก้าวยาวๆตามมินตรา ลัดเลาะโขดหินตะปุ่มตะป่ำ ย่ำทรายจนมาถึงเก้าอี้ไม้ไผ่เก่าผุที่มีอุปกรณ์วาดรูปวางทิ้งเอาไว้ ใกล้ๆกันมีร่างของดารินกำลังนั่งวาดรูปอยู่
“ฝีมือไม่ธรรมดาเลยนะครับ คุณใช้สีได้เก่งมากครับ สีใส จับแสงเงาแม่นมาก”
ทันทีที่เห็นภาพที่มินตราวาด ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงชื่นชม เขามองเห็นความงดงามทางศิลปะ รับรู้ได้ถึงบรรยากาศและความมีชีวิตชีวาของภาพเขียนตรงหน้า พินิจพิจารณาด้วยสายตาราวจะเพ่งลึกเข้าไปในชีวิตของคนวาด รู้สึกได้ในความละเอียดอ่อนของจังหวะพู่กัน ความหนักเบาที่สร้างสรรค์ขึ้นจากน้ำหนักมืออันนุ่มนวลของเธอ ยังมีความละเมียดละไมที่สังเกตได้จากเงาใต้ใบไม้ ที่ร่วงลงทับถมอยู่บนเนินทราย หรือแม้กระทั่งสีเหลืองอ่อนของยอดไม้ที่ผลิพ้นผืนป่าเขียวทึบของเทือกเขาหินปูนกลางผืนน้ำ ล้วนสะท้อนถึงตัวตนที่เข้าถึงสรรพสิ่งได้อย่างลึกซึ้งของคนวาด
“สีของผืนน้ำกับท้องฟ้า สดใสมากครับ” เขายังไม่หยุดชม สายตาจับอยู่ที่ท้องฟ้าซึ่งถูกแต่งแต้มขึ้นจากสีฟ้าระบายบาง บ่งบอกว่ามินตรารู้จักธรรมชาติของสีน้ำเป็นอย่างดี
“สีน้ำที่ดีไม่ควรระบายทับจนทึบ แสงและสีขาวจะถูกแทนที่ด้วยความว่างเปล่าของหน้ากระดาษ เสน่ห์ของสีน้ำจึงอยู่ที่ความโปร่งใส แต่ความสามารถในการสร้างสรรค์ย่อมแตกต่างกันไปตามความชำนิชำนาญและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล” มินตราเสริม แววตาภาคภูมิใจฉายชัด เมื่อรู้ว่าเขาพอใจฝีมือของเธอ
“ผมชอบครับ” เขาตะลึงมองภาพตรงหน้า แล้วหันมามองเธอ มินตรารู้สึกได้ว่าในยามนั้น ดวงตาของเขายิ้มได้
ภาพที่มินตรากำลังวาด จะไม่สวยได้อย่างไร เพราะเคยได้รับรางวัลจากการประกวดวาดภาพสีน้ำมาแล้วหลายครั้งเมื่อตอนเรียน
“ผมชื่อกันย์นะครับ”
“จำได้ว่าคุณบอกแล้วค่ะ” เธอว่า
“บอกอีกที เดี๋ยวคุณลืม” เขาถือโอกาสแนะนำตัวอีกครั้ง หันไปส่งยิ้มเป็นมิตรให้ดารินที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ดารินค่ะ” เจ้าของชื่อรีบแนะนำตัว
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” เขาระบายยิ้มบางๆ แลเห็นไรฟันขาวเรียงแนวสวย โค้งลึกเข้าไปประกอบเป็นแนวกรามได้รูป ริมฝีปากของเขาบางสวย จมูกโด่งเป็นสัน แสงแดดที่ส่องพาดลงมา ทำให้แลเห็นเงาจมูกทาบทับลงบนโหนกแก้มอีกด้านชัดเจน
“แล้วคุณชื่อ…” ชายหนุ่มชำเลืองมาทางมินตรา เขายังไม่รู้จักชื่อเธอเลยด้วยซ้ำ และมินตราก็ไม่มีท่าทีว่าอยากจะบอกชื่อของเธอให้กับเขา ทว่าคนที่โพล่งออกมากลับเป็นดาริน
“อ้าว! ที่คุยกันได้สักพัก นี่ยังไม่รู้จักชื่อกันเลยหรือคะ งั้นถือโอกาสแนะนำให้นะคะ เพื่อนของดิฉันคนนี้ชื่อมินตราค่ะ” ดารินรีบแนะนำแทนเจ้าตัวที่ยืนทำหน้าเรียบนิ่ง