เขา ‘หิว’ หนักกว่าหล่อน เขาเกือบกระอักเลือดตายเมื่อคืน ความต้องการของเขาแทบล้นอก เขาไม่ได้อะไรจากความที่ต้องทรมานตัวเองเลย เขาต้องทนร้อนครั้งแรก ทนนอนบนพื้นที่นอนแข็งๆ สิ่งที่เขาได้รับ คืออาหารมื้อดึกมื้อเดียว
“แหงสิคะ ท้องฉันคงส่งเสียงน่ารำคาญจนคุณตกใจตื่นสินะ” รมิดารับสมอ้าง เธอเดินอ้อมชายตรงหน้า พยายามกุมมือตัวเองไว้ เธอจะแสดงความประหม่าออกมาไม่ได้ เธอคือสาวมั่นปี2023 เชียวนะ
เพื่อนร่วมงานยกให้เธอเป็นสาวไฟแรง ประสบการณ์ช่ำชอง
เธอให้คนเหล่านั้นรู้ไม่ได้ แม้แต่ ‘จูบ’ เธอก็ยังไม่เคยสัมผัส
“ฉันทำข้าวต้มไว้ คุณหิวมั้ยคะ” เสียงตะโกนดังจากทางด้านหลัง
ลูเซียนคำรามเขา ‘หิว’ หิวแทบคลั่ง อาหารมื้อโปรดที่ตัวเองต้องการก็ยังไม่ตกถึงท้องเลย
“ครับผมหิว” เขาตอบเสียงกระแทก เดินลงส้นเท้าแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์
“ถ้าพ่อแม่ฉันยังอยู่ คุณถูกท่านทั้งสองหวดด้วยก้านมะยมแล้วละค่ะ” รมิดาอดเตือนไม่ได้ ผู้ใหญ่ไม่ชอบใจนักการเดินลงส้นแบบนี้เหมือนกำลังไม่พอใจเลยแสดงท่าทางต่อต้าน
“คุณไม่หนาวเหรอคะ?” รมิดายั้งปากไม่ทัน เธอโพล่งถาม หลังพยายามจำกัดสายตาของตนเองอยู่ที่ชามข้าว ไม่อย่างนั้นสายตาของเธอจะวนเวียนอยู่ที่หัวนมของอีกฝ่าย ผิวเขาขาวแบบคนไม่เคยโดนแดด ขาวซีดๆ แต่หัวนมของเขากลับมีสีชมพู เธอเป็นผู้หญิงยังนึกอิจฉาเลย
“ไม่นะ อุณหภูมิแค่นี้ ไม่ระคายผิวผมหรอกครับ”
“แต่ว่า...” รมิดาเหมือนน้ำท่วมปาก เธออยากบอกตรงๆ แต่กลับพูดไม่ออก
ลูเซียนก้มหน้าซ่อนยิ้ม ผิวแก้มที่ขึ้นสีจัดนั่นบ่งบอกบางอย่าง เขารู้ว่าหล่อนคิดอะไรอยู่ ลูเซียนเลยตั้งใจเปิดเผยเนื้อตัว เผื่อบางทีสิ่งที่เขาหวังจะสมหวังขึ้นมาบ้าง
มือของเขาวางไว้บนหน้าตัก พอเขาแสร้งขยับตัว รมิดาก็มักจะสะดุ้ง สายตาของเขากับหล่อนบังเอิญผสานกันกลางอากาศหลายครั้ง อุณหภูมิที่เย็นสบาย เริ่มระอุหน่อยๆ ลมหายใจของลูเซียนเริ่มหอบแรงขึ้น เขาอยากจับหญิงตรงหน้ากดลงบนโต๊ะ และละเลียดชิมเธอช้าๆ
“ยัยดาๆ อยู่มั้ยหะ?”
เสียงใครบางคนตะโกนอยู่หน้าบ้าน รมิดากดสายตาตัวเองลง เธอข่มความรู้สึกหิวน้ำจนคอแห้งลงไปลึกๆ เธอกัดอุ้งปากจนกระพุ้งแก้มเต็มไปด้วยแผล รสชาติเฝื่อนๆ ของเลือดอวลอยู่ในอุ้งปาก ดังนั้นเมื่อมีใครบางคนมาขัดจังหวะที่แสนอันตรายนี่ เธอเลยรู้สึกโล่งใจ
“เหมือนมีคนเรียกฉัน ฉันขอออกไปดูหน่อยนะ” หลังพูดจบ รมิดาก็รีบผุดลุก ชะเง้อคอมองผ่านบานหน้าต่าง
ลูเซียนหรี่เปลือกตาแล้วยิ้มตาม เขาลุกขึ้นยืน เดินมาซ้อนด้านหลัง พร้อมกับชะเง้อมองออกไปด้านนอกด้วย
รมิดาเข่าอ่อนแทบทรุด ไอร้อนจากทางด้านหลังพุ่งปะทะเธอจนเนื้อตัวสั่นยะเยือก เธอพยายามโน้มตัวไปด้านหน้าให้มากขึ้น เพื่อเว้นช่องว่างให้เกิดระยะห่าง ไม่ประชิดกันเกินไป
นันทิสาตาลุกวาว เธอจ้องมองผู้ชายผิวขาวหน้าเข้มที่ยืนเปลือยอกซ้อนอยู่ด้านหลังคู่อริด้วยแววตาลุกโพลง ภาพที่เห็นเธอคิดเป็นอื่นไม่ได้ สองคนนี้คงมีค่ำคืนที่น่าจดจำกันตลอดทั้งคืน รุ่งเช้า...ภาพความสนิทสนมนั่นเลยช่วยตอกย้ำ เธออาจเข้าใจผิดมาตั้งแต่แรก รมิดาไม่ได้ไร้เดียงสา หล่อนกร้าวแกร่งจนเธอเองนั่นแหละที่ตามไม่ทัน
“เช้าแล้ว เธอยังไม่คิดหยุดพักเหรอยัยดา” นันทิสากดเสียงต่ำลง เธอสะบัดค้อนให้รมิดาคอแทบเคล็ด แถมยังรู้สึกอิจฉาคู่อริเพิ่มขึ้น ผู้ชายคนนี้เหมือนที่เธอจินตนาการไม่มีผิด ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามกำลังพอเหมาะ วงแขนนั่นแข็งแรงและทรงพลังจนน่าอิจฉา
“เธอคิดอะไรเลอะเทอะหะยัยนุ่น ว่าแต่...เธอมาหาฉันทำไมตั้งแต่เช้า อากาศดีๆ แบบนี้ เป็นฉัน ไม่มีทางลุกขึ้นมาจากที่นอนแน่ๆ” รมิดาถามกลับ แอบเบ้ปาก แต่เมื่อลูเซียนขยับตัวเข้ามาอีก เป็นเธอแล้วแหละที่ขวัญผวา เธอหลับตาปี๋ พยายามไม่จินตนาการถึงบางสิ่งที่แข็งและร้อนยิ่งกว่าก้อนไฟในเตา
“คือ...ฉันแค่ผ่านมา ฉันไปละ เธอสุขสบายดี ไม่ได้กระอักความสุขตายเหมือนที่ฉันคาดคะเนสักหน่อย”
นันทิสาแดกดัน แล้วก็เดินกระแทกเท้าเดินจากไป
“อึบ!!” รมิดาหมุนตัว ยกมือผลักแผงอกลูเซียนแรงๆ “ไม่อึดอัดหรือไงคะ มาเบียดอยู่ได้ ไปอาบน้ำเถอะ ตัวคุณมีแต่กลิ่นเหงื่อ”
เธอแสร้งพูดปด เพื่อลดความมั่นใจของอีกฝ่าย
ลูเซียนยกแขนขึ้นสูง เขาพยายามสูดกลิ่นที่ระเหยออกมาจากตัวตนเอง “ไม่เห็นเหม็นเลย จมูกคุณมีปัญหาแล้วละดา” เขาตะโกนบอกเสียงลั่น
“เหม็น คุณไม่ได้กลิ่นตัวคุณ แต่ฉันได้กลิ่นนะ” รมิดาตะโกนสวน เธอรีบเผ่นเข้าห้องนอน ไม่อย่างนั้นคนด้านนอกจะจับผิดเธอได้ เธอจงใจโกหก ผู้ชายคนนั้นไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเหมือนที่เธอปรามาส ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาหอมกรุ่น ขนาดไม่ได้อาบน้ำมาทั้งคืน กลิ่นตัวผู้ชายที่รมิดาเคยได้กลิ่นจากเพื่อนเพศชาย แต่บนตัวลูเซียนกลับไม่เคยมีกลิ่นแบบนั้นเลย
“ผมไม่เชื่อหรอก ลูกค้าผม ไม่เคยมีสักคนที่บ่นเรื่องกลิ่นตัวผมเลย” ลูเซียนตะโกนสวน เขาผิวปาก ครวญเพลงรักอย่างคนอารมณ์ดี แถมไม่คิดอาบน้ำเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประงค์ที่รมิดาค่อนคอดตัวเองด้วย
ตอนที่ 5.ตัวตนปลอมๆ
รมิดาหมกตัวอยู่ในห้องเกือบครึ่งวัน เธอพยายามอดทนเพื่อเป็นการบีบคนแปลกหน้าทางอ้อม เขาทนอยู่แบบนี้ได้ไม่นานหรอก อากาศที่อบอ้าวขึ้นเรื่อยๆ จะทำให้คนคนนั้นทนไม่ไหว แต่เธอคิดผิด แผนการที่วางไว้คลาดเคลื่อนทุกอย่าง
ลูเซียนมีความอดทนเป็นเลิศ เขาทนอากาศร้อนๆ ได้ แบบไม่สะทกสะท้านด้วย ความอดทนของรมิดาเสียอีกที่ค่อยๆ หมดลง วันหยุดที่ทั้งอาทิตย์มีแค่วันเดียวนั้น ถูกมารผจญไปเกือบครึ่งวัน
เธอทนไม่ไหว เดินออกมาจากห้อง และถามลูเซียนทันที “คุณไม่คิดจะกลับบ้านหรือไงคะ?”
ลูเซียนยิ้มมุมปาก หรี่เปลือกตามองรมิดาที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า “ผมจะไปไหนได้ ผมไม่มีสตางค์”
รมิดาเบิกตาโต สิ่งที่เธอทำช่างสูญเปล่าเหลือเกิน เธอทนอุดอู้อยู่ในห้องเพื่อบีบชายผู้นี้อ้อมๆ ที่ไหนได้ การที่เขาไม่ยอมไป เพราะเขาไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แม้แต่โทรศัพท์
“ฉันทำไมขี้ลืมแบบนี้นะ” รมิดายิ้มกว้างมากที่สุด เธอเดินย้อนกลับเข้าไปด้านใน และออกมาพร้อมกับแบงก์ใหม่เอี่ยมสีม่วง เธอตัดใจเจียดเงินสำรองค่าอาหารให้เขาแล้วนะ
ลูเซียนเลิกปลายคิ้วขึ้นสูง “แค่นี้เองเหรอ?” เสียงของเขาผสมความเหนื่อยหน่าย แถมเปลือกตาของเขาก็ทำท่าจะปิดลงอีกครั้ง
“ตั้งห้าร้อยเลยนะ” รมิดาแหวเสียงแหลม
ลูเซียนพึมพำตอบ “แค่ห้าร้อยเอง ลูกค้าผม ให้ทิปครั้งละเป็นหมื่น”
รมิดายกมือท้าวเอว กลอกตามองบน ค้อนผู้ชายหล่อเหลือรับคนนี้ประหลับประเหลือก “ฉันไม่ใช่ลูกค้าของคุณค่ะ อีกอย่าง ฉันจน ไม่มีเงินเปย์ผู้ชายหรอกค่ะ”
“มาเป็น ‘เด็ก’ ผมมั้ยละ ผมจะเป็นฝ่ายเปย์คุณเอง” ลูเซียนยื่นข้อเสนอ หากหญิงตรงหน้ารับปาก หล่อนอยากได้อะไร เขาจะสนองให้แบบเกินคาดทีเดียว
“เหอะ!!” รมิดาพ่นลมหายใจออกมาจากช่องจมูก แค่นยิ้มสมเพชตัวเอง ชายตรงหน้าคงอดเวทนาเธอไม่ได้ เขาเสนอตัวที่จะเปย์เธอ เนื่องจากชีวิตของเธอมีแต่ความขัดสน “อย่าเลยค่ะ อาชีพที่คุณทำมันมีช่วงเวลาสั้นๆ เองนะ รีบกอบโกยเอาไว้ แล้วหางานดีๆ ทำ เพื่ออนาคตของคุณดีกว่าค่ะ”
“คุณไม่ได้รังเกียจผมแน่นะ” ลูเซียนลองหยั่งเชิง
“ฉันมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจคุณละคะ รายได้ของคุณวันเดียว มากกว่าฉันทำงานทั้งปีเสียอีก”
“แต่ผู้หญิงหลายคนชอบมองผมด้วยแววตาปนความสมเพชนะ” ลูเซียนแสร้งปั้นหน้าสลด
รมิดาถอนใจ เดินเข้าไปใกล้ เธอวางมือบนหัวไหล่ลูเซียนพร้อมกับลูบขึ้นลงไปมา “อย่าคิดมากสิ คุณเลือกที่จะเดินทางนี้แล้วนะ มั่นใจเข้าไว้เถอะ วันไหนที่คิดว่าพอ... ก็เลิกทำซะ ยังมีวันพรุ่งนี้ให้เริ่มใหม่เรื่อยๆ นั่นแหละ”