เกิดความเงียบระหว่างหญิงสาวต่างวัยขึ้นหลายนาทีก่อนที่คุณเต็มเดือนจะยกปลายนิ้วขึ้นนวดขมับตนเองไม่รู้จะพูดหรือทำอะไรเพราะตนนั้นถือเป็นคนกลาง
“สาเคารพคุณเดือนนะคะ สารู้ว่าคุณเดือนพยายามทำทุกอย่างเพื่อคุณเมฆมาโดยตลอดแม้เขาจะไม่ยอมรับในตัวคุณเดือนเลยก็ตาม สาอยากบอกให้คุณเดือนรู้ไว้ว่าสาไม่เคยทิ้งคุณเมฆอย่างที่ใครเข้าใจผิดเลยสาแค่อยากเรียนให้สูงๆ เพื่อที่เวลามีสายืนเคียงข้างเขาจะได้ไม่อายสายตามใคร แต่...”
เสียงวารสาสั่นเครือหนักถึงขั้นต้องเม้มเรียวปากไว้แน่น
“สาก็มาช้าเกินไป...”
“...”
“ไม่เป็นไรค่ะ...”
หายใจลึกกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลหลั่งไปมากกว่านี้ “สามาช้าแต่ก็ยังไม่ช้าเกินไป อย่างน้อยคุณเมฆก็ยังไม่ได้หมั้นหรือแต่งงานกับใคร”
คุณเต็มเดือนนวดขมับแรงมากกว่าเดิม เปิดใจคุย “ฉันเข้าใจนะว่าหนูสารักกับตาเมฆมาก่อน ฉันไม่ไล่หนูหรอกเพราะฉันไม่ใช่เจ้าของที่นี่ สิทธิ์ทุกอย่างผูกขาดอยู่ที่ตาเมฆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากบอกหนูสาคือหนูปัดเป็นคนดีมาก ดี... และรักตาเมฆด้วยใจจริง หนูปัดดูแลตั้งแต่ตาเมฆยังลืมหนูสาไม่ได้เลยด้วยซ้ำแต่ตอนนี้ตาเมฆเกือบจะลืมหนูสาได้แล้ว”
“ไม่มีวันค่ะ คุณเมฆรักสาเขาจะลืมสาได้ยังไง”
“หนูสา...”
“สาจะไม่ฟังไม่เก็บคำพูดของคนอื่นมาใส่ใจหรอกนะคะ เพราะสาเคยเก็บคำพูดคนอื่นไปคิดมากถึงต้องเจ็บปวดแล้วโง่ทิ้งคุณเมฆไปแบบนี้ เพราะฉะนั้นต่อจากนี้สาจะไม่ยอมเสียเขาไปอีก ไม่ยอม... ขอตัวก่อนนะคะ”
“หนูสา โธ่...”
คุณเต็มเดือนโอดครวญมองตามกายบอบบางของวารสาไปจนสุดสายตา ดวงหน้าเคร่งเครียดมองไปรอบกายก็เห็นว่าอัศวเมฆินทร์นั้นกำลังยืนอยู่หลังวอร์คเกอร์ช่วยเดินแอบฟังอยู่พอดี แล้วไม่นานก็เดินจากไป
สามชั่วโมงต่อมาปาริฉัตรมาถึงก็แปลกใจที่เห็นรถยนต์ของนักกายภาพบำบัดขับออกไป
หลายสัปดาห์แล้วที่อัศวเมฆินทร์ไม่ยอมให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวายอ้างว่าตัวเองเดินได้แล้วแต่ก็ไม่ยอมเดินสักทีคอยแต่ใช้ชีวิตเสมือนคนเดินไม่ได้อีกครั้ง หล่อนบอกคนขับให้จอดเทียบด้านหน้าเรือนแล้วถือของกินพะรุงพะรังลงไป ยิ้มหวานเดินเข้ามาเป็นประจำดั่งทุกครั้งทว่าต้องช็อกหนักขึ้นขั้นปล่อยข้าวของในมือให้ร่วงลงพื้นเพราะภาพตรงหน้า
ขอบตาปาริฉัตรร้อนผ่าว
“คุณเมฆ...”
เรียกชื่อชายที่ตนเองหลงรักมาหลายปีแผ่วเบารอคอยกระทั่งริมฝีปากของเขาผละออกจากริมฝีปากของใครสักคนเชื่องช้าดวงใจก็แทบขาดรอนๆ
เจ้าของนัยน์ตาคมกริบปรายสายตามามองชั่วขณะ เมื่อเห็นเป็นปาริฉัตรก็จับเอวอ้อนแอ้นของสาวปริศนาลุกจากหน้าตัก วางทีท่าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและไม่ได้สนใจจะอธิบายอะไรให้ผู้มาใหม่ได้เข้าใจ
“คุณเมฆ นะ... นี่มันอะไรคะ ผู้หญิงคนนี้คุณไล่หล่อนไปแล้วไม่ใช่เหรอทำไมหล่อนยังดื้อด้านกลับมาที่นี่อีก”
“...” เขาไม่ตอบ
ท่าทางจะมีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว วารสาจึงออกตัว “เชิญคุยกันตามสบายเลยนะคะ ฉันขอตัว”
“...” เขาไม่พูดอะไรอีกตามเคยแต่เอื้อมมือมาจับหล่อนไว้ไม่ให้ไปไหน ปรายสายตามองไปยังข้าวของที่ตกหล่นเชิงคำสั่ง วารสาเม้มปากแน่นแต่ก็ยอมทำตามคำสั่งก้มเก็บของตรงแทบเท้าปาริฉัตร ฝ่ายนั้นกัดฟันกรอดแกล้งเหยียบถุงผลไม้หนักยามวารสาหมายมั่นปั้นมือจะเก็บ
โชคดีที่จากมุมนี้วารสาหันหลังให้เขาจึงไม่สามารถมองเห็น ปลายเล็บแหลมเอื้อมไปจิกข้อเท้าของสาวร้ายเงียบเต็มแรงจนสาวร้ายเงียบอุทานเสียงห้วน
วารสาหยิบถุงผลไม้ขึ้นมาถือไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับกระตุกรอยยิ้มมีชัยไปข่มจากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไปเอาของไปเก็บ
“กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้!”
ปาริฉัตรไม่ยอมจะตามไปเอาเรื่องแต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่เดิม
“ต่อไปนี้วารสาจะเข้ามาเป็นคนดูแลผม ผมสั่งแล้วว่าห้ามเข้ามายุ่งวุ่นวายกับคุณ”
“หมายความว่ายังไงคะ”
“ผมก็หมายความตามที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่”
“แล้วลูกปัดล่ะคะ คุณเมฆไม่ให้ลูกปัดมาดูแลแล้วใช่ไหมคะถึงได้ทำแบบนี้ ฮึก... ลูกปัดทำอะไรผิดทำอะไรให้คุณเมฆไม่พอใจหรือเปล่าคะ” ปาริฉัตรน้ำตาไหล
“ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาพยายามทำใจให้เย็นมากกว่านี้ ไม่อยากเห็นน้ำตาของผู้หญิงที่ดีกับเขามาตลอดสองปี
“คุณก็ยังทำเหมือนเดิมที่คุณเคยทำและเข้ามาที่นี่ได้ตลอด ส่วนวารสาอยู่ในฐานะคนดูแลเท่านั้น”
ผู้หญิงคนนั้นอยู่ในฐานะผู้ดูแล แต่ดูแลประเภทไหนกันถึงได้ทำกิริยาระริกระรี้เหมือนอยากดูแลเขาถึงบนเตียง!