"บ้าจริงมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย" กษิราบ่นอย่างหัวเสียเพราะกำลังสงสัยว่าอะไร ยังไง ในหัวมีแต่คำถามเต็มไปหมด
แล้วเธอก็ฉุกคิดขึ้นได้ถึงสิ่งแรกที่เธอจะต้องทำ เธอโทรศัพท์ไปเช็คตามสถานพยาบาลต่างๆว่ามีคิวในการนัดตรวจรักษาแม่เธอบ้างหรือไม่
แม้กระทั่งช่วงพักกลางวันหรือเวลางานเธอก็โกหกศษิลันทร์เพื่อแอบไปติดต่อโรงพยาบาลต่างๆ
ทุกที่ปฏิเสธเธอโดยให้เหตุผลว่าคิวเต็ม คิวยาวต้องรออีกนาน บางที่ก็แกล้งบอกราคาค่าผ่าตัดคร่าวๆแบบแพงหูฉี่
แต่เธอยังไม่ยอมแพ้เธอจะลองงัดกับอุณารินทร์ดูสักตั้ง
แต่ทว่าไม้ซีกจะมางัดไม่ซุงมันพาลจะหักเสียเปล่าๆ
"คุณพ่อคะ ษิว่าจะลองหาโรงพยาบาลสำรองไว้ให้คุณแม่ด้วยค่ะ ยังไงคุณพ่อช่วยษิหาข้อมูลหรือโทรไปถามด้วยนะคะ" กษิราบอกธนาวัฒน์ผู้เป็นพ่อเมื่อกลับมาถึงบ้าน
"แล้วไหนษิว่าจะให้รักษาที่โรงพยาบาลที่คุณแม่ของลันทร์ช่วยติดต่อให้ไงลูก" ธนาวัฒน์สงสัยที่ลูกสาวเปลี่ยนใจ
"ษิแค่หาไว้เป็นแผนสำรองเฉยๆไม่มีอะไรค่ะ" กษิราไม่มีทางบอกเรื่องที่ถูกข่มขู่มาให้พ่อกับแม่ไม่สบายใจเป็นอันขาด
"เออ ษิเมื่อช่วงบ่ายมีคนท่าทางแปลกๆมาด้อมๆมองๆที่ร้าน ดูท่าทางน่ากลัวมากเลย พอแม่ทำท่าจะโทรศัพท์เขาก็หนีหายไป สงสัยโรคจิตแน่ๆษิไปไหนมาไหนต้องดูแลตัวเองดีๆนะลูกคนสมัยนี้ไว้ใจยาก ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดีด้วย" ภัทรทิมาเล่าเหตุการณ์ให้ลูกสาวฟัง
"แม่เองก็ต้องระวังตัวเหมือนกันนะคะ พ่อด้วย" กษิรานึกถึงคำขู่ของอุณารินทร์ขึ้นมาทันที
.........................................................................................................................
"ษิลูก พ่อพยายามติดต่อโรงพยาบาลไว้ตามที่ลูกบอกแต่ไม่มีที่ไหนรับเคสเลยลูก บอกว่าคิวยาวบ้าง ไม่มีหมอเฉพาะทางบ้าง มันยากขนาดนั้นเลยหรือนี่" ธนาวัฒน์บ่นให้ลูกสาวฟัง
"ไม่มีเลยหรือคะ ษิก็หาไม่ได้เหมือนกัน เป็นเพราะอะไรกันนะ" กษิราเครียดคิ้วโก่งสวยขมวดเข้าหากัน
"แต่อย่างไรเราก็มีโรงพยาบาลที่คุณแม่ของลันทร์ติดต่อไว้ให้แล้วลูกไม่ต้องคิดมาหรอก เราแค่หาสำรองไว้เฉยๆไม่ใช่หรือ" ธนาวัฒน์ปลอบใจลูกสาวเมื่อเห็นเธอเครียด
"ค่ะพ่อ" เธอฝืนยิ้มเอาหัวซบที่อกพ่อ
"ไปทำงานได้แล้วลูกเดี๋ยวรถติดจะสายเอา อย่าให้ใครมาว่าเราได้ลูกว่าเรามีอภิสิทธฺิ์" ธนาวัฒน์บอกสอนลูกสาวเป็นอย่างดีเสมอมา
"งั้นษิขอตัวไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะพ่อ" เธอลาผู้เป็นพ่อแล้วออกเดินทาง วันนี้ศษิลันทร์ไม่ได้มารับเธอเพราะ กษิราอ้างว่าต้องแวะไปทำธุระที่อื่นก่อนไม่อยากให้ศษิลันทร์สายไปด้วย ที่จริงคือเธออยากแวะไปติดต่อโรงพยาบาลดูอีกสักที่สองที่
เธอตะเวนไปติดต่อโรงพยาบาลตามที่ได้ลองเซิร์ทหาข้อมูลทางอินเตอร์เนทเอาไว้ก่อนแล้ว แต่เธอก็ต้องผิดหวังทุกที่
เธอเดินหน้าเครียดเข้ามาที่ออฟฟิศ เมื่อนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ศษิลันทร์ก็ทัก
"เป็นไงบ้างษิร้อนไหมหน้าเครียดเชียว"
"โอเคค่ะไม่มีอะไรอากาศร้อนนิดหน่อย"
"ก็ผมบอกแล้วว่าจะพาไปษิก็ดื้อ"
..............................................................................
"กริ๊งงงงง" เสียงโทรศัพท์สายในบนโต๊ะกษิราดังขึ้น
"ยอมรับเงื่อนไขของฉันได้แล้วหรือยัง" เสียงที่กษิราคุ้นเคยดังมาในสาย
"คุณแม่!"
"ใช่ฉันเอง อย่าคิดนานนักนะเพราะคงไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้ารับรักษาแม่เธอหรอก" อุณารินทร์พูดหน้าตาเฉย
"นี่อย่าบอกนะว่าที่ไม่มีโรงพยาบาลไหนตอบรับการรักษาเลยเพราะเป็นฝีมือคุณแม่"
"หึๆๆๆ" อุณารินทร์หัวเราะแทนคำตอบ
"ก็ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ามาสู้กับฉัน อยากให้แม่เธอรอดก็มีแค่ทางเดียว ทำตามที่ฉันบอกซะ!"
กษิราวางสายด้วยความรู้สึกที่ฝังแน่นในอก
"นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องเป็นเรา" กษิราคิดในใจ
"ก็อกๆๆๆ" เสียงเคาะประตูหน้าห้องอุณารินทร์ดัง
"เข้ามาได้" อุณารินทร์บอกอนุญาติ
"ถ้าคิดจะมาต่อรองก็กลับไปได้เลยนะ เพราะดูเหมือนเธอจะไม่อยู่ในสถานะที่เลือกได้" อุณารินทร์ข่มขวัญกันก่อนทุกทาง
"ค่ะ ษิจะทำตามที่คุณบอก แต่คุณต้องรับปากว่าแม่ขอษิจะต้องได้รับการรักษาอย่างแน่นอน"
"ฉันไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำอย่างนั้นหรอกน่า" น้ำเสียงอุณารินทร์ยียวน
"ช่วยบอกได้ไหมคะว่าทำไม ษิทำอะไรให้คุณแม่เกลียดษิ"
"จะว่าเกลียดเธอก็ไม่เชิงหรอกแม่ษิ เอาเป็นว่าทำตามที่ฉันสั่งแล้วแม่เธอจะรอด ส่วนเหตุผลถ้าไม่รู้แล้วจะอกแตกตายก็ตายไปซะ!"
"ฮัลโหลนิรา เช็คคิวคุณหมอเคสแม่ของกษิราให้ฉันด้วยนะว่ามีคิวว่างเมื่อไร" อุณารินทร์ทำทีหลอกล่อให้กษิราเชื่อว่าเธอจะไม่บิดพริ้ว
"ษิต้องเริ่มทำตามที่คุณบอกเมื่อไรและทำจนถึงเมื่อไรคะ" กษิราถามน้ำตาใสคลอเอ่อ
"เริ่มตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ส่วนถึงเมื่อไรนั้นก็...จนกว่าฉันจะพอใจ"
"และฉันขอย้ำนะอย่าคิดได้บอกเรื่องนี้กับตาลันทร์ไม่งั้นฉันไม่รับรองว่าพ่อกับแม่เธอจะปลอดภัย" อุณารินทร์ตอกย้ำไม่หยุด
ความรู้สึกสับสนอัดแน่นอยู่เต็มอกของกษิมา ที่ร้ายยิ่งกว่าคือการที่ไม่สามารถบอกใครได้ จะไม่ทำก็ไม่ได้
ให้อยู่ใกล้ๆกับคนรักแต่ห้ามรักและต้องทำให้เขาหมดรักเราให้ได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน
..............................................................................................................
เวลาที่กลับไปบ้านอุณารินทร์ก็จะคอยหลอกถามลูกชายอยู่เป็นเนืองๆถึงความสัมพันธ์กับกษิรา และในเย็นวันหนึ่งบนโต๊ะอาหารค่ำ
"งานที่บริษัทเป็นอย่างไรบ้างลูก เข้าที่เข้าทางดีแล้วหรือยัง"
"ก็ดีแล้วนะครับคุณแม่เริ่มอยู่ตัวแล้ว คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไม่ทำให้คุณแม่เสียชื่อแน่นอน"
"แล้วหนูษิล่ะลูก เรียนรู้งานเป็นยังไงบ้างติดขัดอะไรไหม"
"ราบรื่นดีครับษิเขาช่วยผมได้เยอะเลยบอกแล้วว่าษิเขาเก่ง"
"แล้วแม่หนูษิเป็นยังไงบ้างดีขึ้นแล้วหรือยัง"
เอ...อันนี้ผมยังไม่เห็นษิเล่าอะไรนะครับน่าจะไม่มีปัญหาอะไรถ้ามีษิต้องรีบบอกผม"
เมื่อลูกชายยังพูดถึงคนรักได้อย่างมีความสุขอุณารินทร์จึงรู้ได้ทันทีว่ากษิราดื้อแพ่งกับเธอ เธอกำช้อนทานข้าวแน่นและปล่อยร่วงลงมาที่พื้นแบบขัดใจ
"คุณแม่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เดี๋ยวผมให้แม่บ้านเอาช้อนมาให้ใหม่นะครับ"
"ไม่ต้องตาลันทร์แม่รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเสียเฉยๆแม่ขอตัวก่อนนะ คนแก่ก็แบบนี้" อุณารินทร์เดินตัวแข็งทื่อขึ้นไปบนห้องนอน
"นังกษิรา!" เธอกัดฟันแน่น
................................................................................................................