ครั้นเห็นสีหน้าจริงจังและเคร่งเครียดของติงอวี้จึงทำให้เกิดความสงสัย ว่าเหตุใดผู้ที่ไม่เคยผิดวาจา ถึงได้กลับคำเช่นนี้ เอ้อร์เหมยหันมองหลินอวี๋ที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยสีหน้าสลดเช่นเดียวกัน นางกระตุกชายเสื้อของสหายเบาๆ ทำให้หลินอวี๋หันกลับมามอง “มีอะไรหรือ” เอ้อร์เหมยจับมือของสหายขึ้นมาแล้วเขียนคำบนฝ่ามือของนาง ‘ถามเหตุผล’ หลินอวี๋พยักหน้าเข้าใจทันที “ท่านป้า หลินอวี๋ขอถามเหตุผลได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านก็รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่เอ้อร์เหมยรอคอยมาตลอด” หลินอวี๋รู้สึกเห็นใจและสงสารสหายเป็นอย่างมาก เนื่องจากนางไม่เคยลงเขาเลยสักครั้งตั้งแต่จำความได้ ราวกับถูกขังอยู่ในกรงที่เรียกว่าสำนักปราบมาร ติงอวี้ถอนหายใจ พลางคิดว่าหากทั้งสองยังเป็นเพียงเยาว์วัย เขาคงไม่ต้องบอกเหตุผลใดๆ แก่พวกนาง และพวกนางก็จะเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข การที่พวกนางสงสัยเขาเช่นนี้ คงเพราะเติบโตขึ้นแล้ว หากปิดบังต่อไป คงกระตุ้นควา