หลังจากวันนั้นผ่านไปเธอหลบหน้าพี่พอร์ชไปถึงสองอาทิตย์เต็มแล้วก็เป็นโชคดีที่เราไม่มีช่องทางติดต่อสื่อสารกันเลย เธอกลับมาใช้ชีวิตนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบต้องเตรียมตัวพรีเซ็นงานและจัดนิทรรศการ
ไม่มีใครรู้เรื่องของเราเพราะเพื่อนถามว่าเธอหายไปไหนในคืนนั้นก็ได้แค่ตอบว่ากลับก่อนแต่ไม่ได้บอกไปกับใครแล้วทำอะไรบ้าง พี่พอร์ชก็คงจะไปเที่ยวตามปรกติเธอเห็นสตอรี่ของเขาที่อัปเดตในทุกคืนแต่ช่วงกลางวันกลับหายเงียบเหมือนคนที่ใช้ชีวิตกลางคืนอย่างเดียวงั้นแหละ
"ไปช่วยเลือกซื้อของขวัญหน่อยดิ เลือกไม่ถูกอะ" คะนิ้งส่งน้ำให้เพื่อนที่นั่งอมยิ้มมองผู้ชายที่ไกลเกินเอือมแต่ก็ไม่แปลกใจก็เขาเล่นหล่อเกินไปขนาดนั้น
"คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งจนจะจบแล้วแกไม่รู้เหรอว่ามันชอบอะไร?" วันนี้คือวันเกิดของแฟนเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งสี่ปีแล้วยังหวานยังจีบกันแทบทุกวันจนคนโสดอย่างเธอเนี่ยเอียนแทน
"ก็แหม่...นะแก ไปไม่นานหรอกหรือว่าแกมีนัดแล้ว?"
"ไปก็ไป"
เบลนั่งรถมากับคะนิ้งที่ห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากแล้วเดินเลือกดูของขวัญกันต่อหลายร้านจนกระทั่งได้นั่นคือนาฬิกาสีเงินเหมาะกับผู้ชายสายเป๊ะอย่างจิมจากนั้นก็แวะกินขนมกันก่อนที่คะนิ้งจะขับรถแวะไปส่งที่หอพักต่อแต่ว่าสิ่งที่ทำให้สนใจคือผู้ชายหน้าคุ้นกำลังยืนอยู่กับกลุ่มเพื่อนหนึ่งในนั้นก็คือนักแสดงชื่อดังด้วย
เธอมองเขาอยู่นานรู้สึกตัวอีกทีประตูร้านขนมก็เปิดเข้ามาแล้วเขาก็นั่งไม่ไกลมาก นี่เขามองเห็นเธอรึเปล่านะ! เธอก็ทำเนียนกินขนมเหมือนว่าเราไม่เคยรู้จักกัน
"หล่อทั้งแก็งเลยอะแก!" คะนิ้งรีบบอกเพื่อนแล้วหรี่ตาให้เพื่อนรู้ว่าคนดังในโลกโซเชียลอยู่ใกล้แค่นี้เองแถมหนึ่งในนั้นคือพี่พอร์ชผู้ชายที่เพื่อนชอบเข้าไปดูสตอรี่บ่อยๆ
"เห็นแล้ว! แกจะอะไรนักหนาเนี่ย!" ขนาดเธอไม่หันไปมองยังรู้สึกว่าหน้าผาวไปหมดใจก็เต้นแรงหวนนึกถึงคืนนั้นที่เราอยู่ด้วยกัน
"แกชอบพี่พอร์ชไม่ใช่เหรอ?"
"ก็หล่อดี!"
"หล่อมากด้วยแกใครได้ไปเป็นแฟนโคตรโชคดี"
"แกชอบด้วยเหรอ?"
"สูงไปป่ะแก? แฟนเก่าพี่พอร์ชน่ะมีแต่สวยๆทั้งนั้นอย่างเราไม่มีสิทธิ์หรอก"
"มันก็จริง!" คะนิ้งพูดถูกหมดทุกอย่างเลยแล้วเธอก็ไม่คู่ควรสักนิดแต่ก็ไม่แปลกหรอก
พี่พอร์ชเหมือนลูกรักพระเจ้าที่ทั้งหล่อทั้งรวยแถมการศึกษายังดีเลิศอีกด้วย ส่วนเธอเป็นแค่นักศึกษาธรรมดายังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลยส่วนฐานะเราก็ต่างกันมากถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพนะ เสื้อผ้าชุดหนึ่งของเขาเท่ากับเงินที่เธอใช้ทั้งเดือน
ระหว่างเรามันก็แค่คนเมาแล้วเอากันเฉยๆ
พอร์ชนั่งกินขนมกับเพื่อนรักทั้งสามคนที่นานๆทีจะว่างตรงกันแต่ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญหรือว่าอะไรกันแน่ถึงได้เจอกับเบลอีกครั้ง เขาเห็นเธอตั้งแต่อยู่ในร้านแล้วจนเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนแล้วตีสีหน้านิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไร
เบลแอบมองเขาบ่อยมากนะ!
"นั่นเด็กที่มึงพาออกไปคืนนั้นนี่ ไม่ทักทายหน่อยเหรอวะ?" ไนท์ปลายตามองอีกโต๊ะที่ไม่ไกลกันมากเห็นชัดว่าเด็กคนนั้นแอบมองเพื่อนอยู่แล้วมันก็รู้ตัวแต่ตีเนียนเฉยๆ
"ใครวะไอ้ไนท์?" ว่านถามด้วยความสงสัยเพราะคืนนั้นเขาเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ไป
“ก็…”
"ทำไมกูต้องไปทักด้วยไม่เห็นจำเป็นเลย" เบลนิ่งขนาดนี้เขาก็ควรจะนิ่งสิอีกอย่างนะระหว่างเรามันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยนอกจากเอากันเฉยๆพอน้ำแตกก็แยกทางแค่นั้นเอง
"แอบมองมึงบ่อยนะไอ้พอร์ช กูว่าน่าจะชอบมึงวะ" อาร์เธอร์ออกความเห็นบ้างแต่ก็ไม่ค่อยแปลกใจหรอกที่จะมีคนชอบเพื่อนเพราะด้วยรูปร่างหน้าตาหรือแม้แต่ฐานะไม่ได้เป็นรองใคร
"เลิกเสือกเรื่องกูแล้วแดก!" บางทีเพื่อนมันก็อยากรู้อยากเห็นเกินไป
"มึงไม่ชอบเหรอ?" ว่านพอจะเดาเหตุการณ์คร่าวๆออกถึงได้ถามเพื่อน
"กูไม่แน่ใจ" ก็ไม่รู้ว่ารู้สึกอะไรกันแน่แล้วนี่เราก็ไม่ได้เจอกันมาหลายวันแล้วแต่รู้ว่าเธอติดตามชีวิตเขาเงียบๆถึงได้ขยันอัปเดตเรื่องราวในชีวิตลงในสตอรี่บ่อยมากขึ้น
"งั้นกูขอ?" ว่านพูดตบท้ายแล้วตักขนมมากิน
"แดกตีนกูแทนไหม?" ก็บอกอยู่ว่าไม่แน่ใจว่ารู้สึกอะไรมันก็ควรจะรู้บ้างว่านั่นเป็นของเขาไม่ใช่คนที่มันจะมาของ่ายๆแบบนี้
"มึงหวง!"
"กูเปล่าเว้ย"
"แล้วทำไมกูขอถึงไม่ให้?"
"ก็เบลเป็นของกูมึงอย่าเสือกมาแดกต่อ"
"ทำอย่างกับว่าไม่เคยงั้นแหละ"
"คนนี้คือข้อยกเว้นเว้ยไอ้ว่าน!"
ไนท์ตักขนมเล่นพร้อมกับยิ้มกว้างเหมือนว่าจะเจอคนไม่รู้ใจตัวเองเข้าแล้วแถมยังพึ่งเลิกกับแฟนได้ไม่นานคงจะสับสนอยู่มั้งแต่คืนนั้นน่ะคงไม่ได้ออกไปแค่คุยกันหรอกเขารู้ดี ตอนนี้มันก็แค่เก๊กเข้าไปเพราะยิ่งถูกไอ้ว่านยั่วเท่าไรยิ่งไม่เนียนโกรธหน้าดำหน้าแดงกันเลยทีเดียว
เดี๋ยวเถอะมึงขึ้นอย่างสิงห์จะลงอย่างหมา!
อาร์เธอร์มองไปทางโต๊ะนั้นแล้วยิ้มกว้างให้กับคนที่เป็นประเด็นในครั้งนี้นึกอยากจะยั่วโมโหเพื่อนมากขึ้นเลยลุกขึ้นมองหน้าไอ้พอร์ชแล้วเดินไปหาเด็กของมันทันที
"ไม่ทราบว่าเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าครับ?" อาร์เธอร์ตั้งใจยิ้มหว่านเสน่ห์ให้ก่อนจะก้มเข้าไปใกล้กว่าเดิมเล็กน้อยไม่ได้ คุกคามจนเกินไปเพราะเท่านี้คนตัวเล็กก็มองหน้าเขาค้างแล้ว
"มะ...ไม่เคยค่ะ เบล...เอ่อ…" ไม่รู้ว่าทำไมถึงประหม่าขนาดนี้ยิ่งใบหน้าเขาเข้าใกล้ยิ่งรู้สึกว่าหน้าร้อนผาวไปหมด
คนอะไรหล่อขนาดนี้เนี่ย?
"พี่ชื่ออาร์เธอร์นะครับ น้อง…" เขากำลังจะพูดจบแต่กลับมือใครบางคนมาจับไหล่บีบแรงมากแล้วดึงออกห่างจากคนตัวเล็กน่ารักตรงหน้า
"เลิกเล่นตลกได้แล้วอาร์เธอร์ พี่ขอโทษด้วยนะครับที่เพื่อนของพี่มารบกวน" พอร์ชบอกด้วยน้ำเสียงเรียบแล้วลากเพื่อนรักเดินออกมาจนมันเกือบจะล้มหัวฟาดพื้น
อาร์เธอร์ตีหน้าซื่อแล้วตักขนมกินเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งที่ตอนนี้ไอ้พอร์ชมันนั่งจ้องตาเขียวปั๊ดแล้วถ้าที่นี่ไม่ใช่กลางร้านขนมนะเชื่อได้เลยว่ามันคงถีบเขากระเด็นแน่
"กูไม่ได้ทำอะไรผิดเลิกจ้อง กูกดดัน!" จากขนมหวานกลายเป็นยาขมเพราะสายตาเพื่อนนี่แหละ
"กูไม่ได้พูดอะไรมึงก็อย่าร้อนตัวสิ" เขาแค่นั่งกอดอกเองยังไม่ได้ทำอะไรใครเลยนะ
"จ้องขนาดนี้ถ้าเป็นปลากัดคงท้องแล้วไอ้สัตว์พอร์ช!"
เบลนั่งกินขนมรู้สึกแปลกๆกับสายตาของพี่พอร์ชจนอยากจะเร่งเพื่อนให้รีบกินรีบกลับแต่เดี๋ยวคะนิ้งจะสงสัยแล้วทีนี้คนที่ลำบากจะตอบมันคือเธอ
น่าแปลกที่พี่พอร์ชคุยกับเพื่อนอยู่ไม่ได้มองกันอีกเลยแต่กลับรู้สึกเหมือนว่ากำลังถูกจ้องมองตลอดเวลาคล้ายจะโดนประทุษร้ายจนรู้สึกอึดอัดเหมือนอากาศในร้านขนมกำลังลดน้อยถอยลงทุกนาทีที่ผ่านไป
กว่าจะผ่านช่วงเวลากดดันไปได้เวลาก็ผ่านเกือบยี่สิบนาทีคะนิ้งถึงได้ชวนออกมาแล้วขับรถมาส่งที่หอพักก่อนจะขับออกไปหาคนรักต่อ เธอยังไม่ได้กินข้าวเย็นแต่ก็ซื้อมาอยู่เผื่อดึกๆตอนทำงานหิวจะได้อุ่นกินได้เลย เธอรูดการ์ดเปิดประตูหอแต่หางตากลับเห็นใครบางคนยืนกอดอกมองกันอยู่
"พี่พอร์ช!!" มาได้ไงเนี่ยแล้วทำไมถึงมาละ
"ตกใจอะไร?" เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงมาที่นี่แต่พอเห็นปากเล็กอ้าค้างเพราะตกใจแล้วอยากจะงับสักทีแล้วดูดจากนั้นก็ฟัดเหวี่ยงกันบนเตียงให้เหงื่อชุ่มจนนอนหมดแรงกันบนเตียง
"แล้วพี่พอร์ชมาทำไม?" ลงทุนหลบหน้าตลอดสองอาทิตย์แต่ทำไมเจอกันแค่ไม่กี่นาทีใจถึงเต้นแรงแบบนี้ด้วยนะ
"ทำไมกลับช้าแวะไปไหนมา?" เธอออกจากร้านขนมมาก่อนอีกแต่นี่เขากลับต้องเป็นฝ่ายมายืนรอ
"เบลโตแล้วจะกลับกี่โมงก็ได้" ทำไมถึงรู้สึกกลัวแววตาคู่นี้ของเขาจังนะ
"มานี่พี่มีเรื่องจะคุยด้วย"
"เรื่องอะไรคะ?"
"จะให้พี่คุยตรงนี้จริงๆเหรอ แน่ใจเหรอ?"
"จะคุยที่ห้องเบลเลยไหมละ?"
"ไปคอนโดพี่ดีกว่าห้องเบลมันไม่เก็บเสียงเดี๋ยวคนข้างห้องจะตกใจนึกว่าเราจะฆ่ากันตาย"
เธอจะเลือกอะไรได้ละนอกจากเดินตามพี่พอร์ชไปเพราะอะไรดก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เธอไม่เคยคิดว่าเขาจะมาหาหลังจากที่เราไม่ได้ติดต่อกันนานเกือบครึ่งเดือน
พี่พอร์ชขับรถออกมาเงียบๆไม่แม้แต่จะพูดหรือปลายตามองเธอเลยสักนิดจนรู้สึกว่าอึดอัดมากอยากจะให้ถึงคอนโดไวๆ แล้วเสียงข้อความจากโทรศัพท์เขาดังมาถี่ๆอดจะสงสัยไม่ได้ว่าจะเป็นผู้หญิงของเขารึเปล่า
"แฟนเก่าพี่น่ะไม่ต้องสนใจหรอก"
"...แล้วบอกทำไม?"
"ก็เห็นว่าอยากรู้เลยบอกไง พอดีจีน่ามาขอคืนดีพี่"
"แล้ว…"
"ยังหรอก"