“อื๊อ! ทำอะไรไว้รอเหรอวันนี้”
แม้จะรู้จากปากผู้ช่วยว่าคนตัวเล็กเตรียมจะทำอะไรให้กิน แถมยังเล่าเรื่องไปซื้อห้องในห้างสรรพสินค้าให้เขาฟังโดยละเอียดแล้ว แต่ก็ยังอยากถาม
“หมูย่างเกาหลีค่ะ คุณปาลจะกินเลยมั้ยคะ เดียร์จะได้ตั้งเตา”
หญิงสาวมองเขาเดินหอบของพะรุงพะรัง มาวางตรงโต๊ะอาหารด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อน
“ตั้งรอเลยก็ได้ แต่ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ไม่ไหวๆ ข้างนอกร้อนมาก เหนียวตัวด้วย”
“แล้วทำธุระเสร็จหรือยังคะ”
คนตัวเล็กส่งยิ้มให้แล้วถามแค่นี้ด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่เคยทำตัวหวงเขาเกินขอบเขตด้วยการถามว่าไปไหน กับใคร หรือไปทำอะไร
“อื้ม! เรียบร้อยดี”
ทำให้คนตอบไม่ต้องลำบากใจใดๆ จากนั้นก็เลี่ยงเดินเข้าห้องไปโดยไม่เอ่ยอะไรอีก มือบางเลยขนของจากครัวมาวางไว้บนโต๊ะจนเสร็จ เตรียมน้ำเปล่า น้ำหวานของตัวเองและเบียร์เย็นๆ ของเขามาไว้จนเรียบร้อย
และทำท่าจะติดเตา แต่ก็เห็นข้าวของที่เขาวางไว้เกะกะ เลยตรงไปหอบเอาไปเก็บตรงโต๊ะทำงานให้
หนึ่งในหลายอย่างร่วงลงพื้น พอดวงตาคู่สุกใสก้มมอง ก็เห็นซองสีชมพูนอนแอ้งแม้งรออยู่ เลยรีบหยิบขึ้นมา แม้จะไม่เคยละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวเขาเลยจนนิดเดียว
แต่อะไรบางอย่างบอกว่าซองในมือ คือการ์ดแต่งงานของเขา และแม้จะรู้ดีว่าใครคือว่าที่เจ้าสาวกับว่าที่เจ้าบ่าว แต่ก็ยังอยากเปิดออกอ่านอยู่ดี
ทำให้ได้รู้ว่า วันแต่งงานของเขา ก็คือวันเดียวกับที่ตัวเองจะต้องเริ่มทำงานนั่นเอง ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้น เจื่อนลง จู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบปลาบตรงแผงอก เหมือนมีอะไรมากระทุ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องยกมือขึ้นลูบไปมาเพื่อไล่ความเจ็บ
“อึ๊ม!!!”
ร่างผอมบางสะดุ้งน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงกระแอมไอมาจากทางประตูห้องนอน
“พร้อมเสิร์ฟหรือยังครับแม่ค้า ลูกค้าหิวจะแย่แล้วนะครับ”
แม้จะยากลำบากใจ แต่ปริยกรก็หันไปหาเขาและยิ้มให้เขาได้ หลังวางของในมือไว้บนโต๊ะ ด้วยรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะคิดน้อยใจหรือเสียใจใดๆ ในอิสระของเขา ที่กำลังจะถูกลูกบ้านใหญ่เรียกคืนในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
“ใกล้แล้วค่ะ”
เลยรีบตรงไปยังโต๊ะอาหาร จัดแจงกับงานปิ้งย่างต่อพร้อมกับบอกตัวเองให้ลืม ว่าเขากำลังจะกลายไปเป็นสมบัติของใคร แล้วทำใจให้สบาย ใช้เวลาที่เหลือกับเขาให้คุ้มค่า ก่อนจะถูกเขาโบกมือลาแล้วหันหน้าเข้าสู่ประตูวิวาห์
“สูตรเกาหลีแท้ๆ เลยนี่”
แรกทีเดียวปาลเข้าใจว่าเป็นหมูย่างเกาหลีแบบทั่วๆ ไป มีขายแบบบุฟเฟ่ต์จนเกลื่อนเมือง แต่เห็นของบนโต๊ะเท่านั้นก็เลยอดสงสัยไม่ได้
“ใช่ค่ะ”
“แล้วคุณทำเป็นด้วยเหรอ”
“จะยากอะไรคะ ในยูทรูปมีบอกไว้หมด ลองชิมนะคะ เดียร์เพิ่งหัดทำเป็นครั้งแรก”
“เบื่อจัง! เห็นเราเป็นหนูทดลองยาอีกแล้ว”
เขาบ่นน้อยๆ แต่ไม่จริงจัง เพราะเท่าที่อยู่ด้วยกันมาหลายเดือน สาวตรงหน้าก็มักจะลองทำอาหารจานนั้นจานนี้ ให้กินเสมอ โดยการดูวิธีกับส่วนผสมทางอินเตอร์เน็ท มีทั้งอร่อย ไม่อร่อยหรือพอกินได้ แต่เขาก็ไม่เคยว่าอะไร เพราะเห็นคนทำตั้งใจเสมอมา รวมทั้งตอนนี้ด้วย
“อื๊ห์ม! อร่อยๆ ใกล้เคียงกับต้นตำรับเลย”
คนทำยิ้มร่าด้วยความสดใสเมื่อได้คำชมจากเขา ลืมเลือนความเจ็บปวดเมื่อครู่ไปแทบจะทันที เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ ชั่วโมงกว่าๆ ชายหนุ่มก็ตบพุงแปะๆ เป็นสัญญาณว่า
เอาอะไรลงท้องไม่ไหวแล้ว เลยลุกขึ้นไปนั่งดูหนัง ระหว่างรอให้อีกคนเก็บล้างข้าวของก่อน
“มานั่งกับป๋าเร็วคนสวย”
เขาตบมือลงเบาะข้างกาย เมื่อเห็นเด็กป๋าเสร็จจากงานล้างแล้ว พอสมใจก็สอดแขนไปกับเอวคอด เปลี่ยนท่านั่งตัวตรงเมื่อครู่ เป็นเอน แล้วรั้งเอาอีกคนลงไปนอนแนบแก้มกับแผงอกกว้าง เขาลดเสียงหนังลงและก้มลงมาจูบเรือนผมนุ่มนิ่มที่ยังมีกลิ่นหมูย่างน้อยๆ อยู่
“เหนื่อยมั้ยที่ทำมื้อเย็นให้ผมกิน”
“ไม่ค่ะ” ความเสียใจที่เพิ่งหลุดลอยหายไปตอนนั่งกินหมูย่างด้วยกัน ได้หวนกลับเข้ามาอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงอันนุ่มนวลของเขา
“วันหลังไม่ต้องทำก็ได้ สั่งมากินเอา คุณจะได้ไม่เหนื่อยไง”
แม้ตัวเองจะอยู่ในฐานะคนมาทำให้เขาคลายเหงา แต่ก็ไม่เคยเห็นเขาแสดงท่าทีดูหมิ่นดูแคลนเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามเขากลับห่วงใยและเอาใจใส่เสมอมา
นี่คือเสน่ห์ของเขา ไม่ว่าใครอยู่ใกล้ๆ ก็คงจะหลงรักได้ไม่ยาก มันคงจะรวมไปถึงอลิยาผู้เป็นคู่หมั้นของเขานั่นเอง
“คุณกับแม่มีแผนจะไปอยู่ที่อื่นมั้ย”
นับตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ปริยกรเพิ่งจะเคยได้ยินเขาถามหรือเอ่ยถึงแม่เป็นครั้งแรก เลยงงหรืออีกนัยคืออึ้ง จนไม่รู้จะตอบอะไรออกไปดี
“ว่าไง”
คนรอคำตอบเลยย้ำอีกครั้ง
“เดียร์เคยคิดค่ะ แล้วก็เคยชวนแม่ด้วย แต่แม่ไม่ไป”
“ทำไมล่ะ”
“แม่บอกว่า การจะย้ายไปอยู่ที่อื่นได้ เราต้องมีเงินสักก้อน มีงานทำเป็นหลักแหล่งก่อน ไม่ใช่คิดจะย้ายก็ย้ายโดยไม่ดูหน้าดูหลัง มีแต่จะทำให้ไปตกระกำลำบากกว่าเดิมอีกค่ะ เดียร์ก็เลยเลิกถามแม่ แล้วรอให้มีเงินซื้อบ้านได้ก่อนค่ะ”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”
“ถ้าผมจะซื้อบ้านให้ คุณกับแม่จะย้ายไปอยู่มั้ย”
“คะ”
นี่เป็นคำถามที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินจากปากเขา หญิงสาวเลยอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอีกคำรบ
“คุณได้ยินไม่ผิดหรอก ผมจะซื้อบ้านหลังเล็กๆ ให้คุณกับแม่ จะได้ย้ายออกมาจากบ้านนั้นไง”
แม้ได้คำตอบแน่ชัดแล้ว ปริยกรก็ยังพูดไม่ออก ด้วยไม่คาดคิดว่าเขาจะใจดีและเมตตาตัวเองมากมายขนาดนี้ แต่อีกใจก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมจะต้องอยากซื้อบ้านให้ด้วย ในเมื่ออีกหน่อยก็จะแต่งงานแล้ว และเธอกับเขาก็จะต้องตัดขาดจากกันไปแล้ว เว้นก็เสียแต่ว่า...