ตอนที่ 4 เจอของดี

1731 คำ
เด็กโตเลี้ยงดูเด็กเล็ก พอถึงวัยที่ออกไปทำงานหาเงินกันได้ก็ออกจากอารามดับทุกข์ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และที่อารามดับทุกข์ก็จะมีคนเอาเด็กมาทิ้งไว้เรื่อย ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปมานานหลายปี เด็กเหล่านี้ต้องปลูกพืชกินเอง ซักผ้าทำอาหารดูแลซึ่งกันและกันไปตามมีตามเกิด นักบวชและนักพรตในวัดหนานผูช่วยเหลือเพียงแค่ส่งข้าวสารอาหารแห้งมาให้พวกเขา และช่วยเรื่องที่พักอาศัยเครื่องนุ่งห่มเท่าที่วัดจะได้รับบริจาคมาได้เท่านั้น เด็กที่เติบโตในอารามดับทุกข์บางคนเมื่อพอจะมีรายได้ก็กลับมาส่งอาหารและข้าวของให้น้อง ๆ รุ่นหลังอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงเวลาที่พวกเขามีครอบครัวก็จำต้องทิ้งเด็กเหล่านี้ให้ดูแลกันและกันไปลำพัง จึงไม่มีความแน่นอนว่าเด็กในอารามดับทุกข์จะมีคนคอยส่งเสียเลี้ยงดูไปตลอด ช่วงไหนที่มีรุ่นพี่กลับมาช่วยกันหลายคน พวกเขาก็จะมีช่วงชีวิตดีๆ บ้าง แต่หากไม่มีใครกลับมาเลยก็ต้องสู้ชีวิตกันเอาเอง สิ่งที่ไม่ค่อยจะขาดที่อารามดับทุกข์ก็คือข้าวสาร เพราะมักจะมีชาวบ้านนำข้าวสารมาบริจาคให้วัดเอาไว้ต้มข้าวต้มดูแลคนที่มาทำบุญ นักบวชจึงแบ่งมาให้เด็กในอารามดับทุกข์ได้มีกินอยู่ตลอด มู่หรงฉีและมู่หยวน เคยไปขอแลกข้าวสารจากเด็กที่อาศัยอยู่ในอารามดับทุกข์บ่อยๆ ยิ่งพักหลังมานี้สองพี่น้องไม่มีสิ่งใดไปแลกข้าวสารมาด้วยซ้ำ มีแต่จะไปขอข้าวเด็กเหล่านั้นมากิน มู่หรั่นชิวมั่นใจว่าเด็กเหล่านั้นต้องการเมล็ดพันธุ์ผักของนางเป็นแน่ พวกเขาที่ยังเหลืออยู่ในวัดช่วงนี้ล้วนมีแต่เด็กเล็กๆ เด็กโตได้แยกย้ายออกจากอารามไปหางานทำกันหมดแล้ว นักบวชและนักพรตไม่เดินทางออกไปนอกวัดเพื่อซื้อของ เด็กเหล่านี้ย่อมต้องขาดเมล็ดพันธุ์ผักเอาไปเพาะปลูกไว้กินเองแน่นอน เช้าวันต่อมา มู่หรงฉีรีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เขาใช้ผ้าพันบาดแผลที่มือเอาไว้อย่างง่ายๆ จัดการรื้อค้นพื้นที่เพาะปลูกที่มีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ขุดหัวมันมาได้อีก 5 หัว นำพวกมันมาต้มรอให้พี่สาวคนรองตื่นขึ้นมากิน “หยวนเอ๋อร์หุบปากเอาไว้ก่อน” เด็กชายรีบร้องสั่งน้องสาวที่อ้าปากมองมันต้มหอมฉุยจนน้ำลายไหลยืดลงมา “ข้าไม่หิวหรอกพี่สาม หยวนเอ๋อร์จะให้พี่สาวกินก่อน” เด็กหญิงยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำลายออกจากใบหน้า แต่สายตายังไม่ได้ถอนออกมาจากมันต้ม 5 หัวบนโต๊ะเลยแม้แต่น้อย มู่หรั่นชิวที่เมื่อคืนครุ่นคิดหลายเรื่องเกินไปหน่อย เช้านี้จึงได้ตื่นสายไปเล็กน้อย จัดการล้างหน้าล้างตาเสร็จก็เข้าบ้านมาเห็นเด็กสองคนนั่งจ้องมันต้มอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่กลางบ้าน “หิวแล้วเหตุใดจึงไม่กินกันก่อนเล่า” เด็กสาวเดินมาหยิบมันต้มส่งไปใส่จานให้เด็กสองคนคนละลูก ตัวเองก็หยิบมา 1 ลูกและนั่งลงกับพวกเขา มู่หรงฉีนั่งนิ่งก้มหน้าเงียบไม่กล่าวอะไรออกมา ส่วนมู่หยวนหยิบหัวมันตรงหน้ามาไว้ในมือ แต่ยังไม่ยอมกิน คอยแอบชำเลืองดูว่าพี่สาวเริ่มลงมือกินแล้วหรือยัง พวกเขาเคยกินอาหารก่อนพี่สาวรองแล้วโดนพี่สาวไล่ทุบตี หากมู่หรั่นชิวยังกินไม่อิ่มพวกเขาไม่มีสิทธิ์จะก่อน ในใจจึงได้แต่ภาวนาให้พี่รองกินมันต้มสามลูกนั้นแล้วอิ่ม สองลูกที่เหลือจะได้เป็นของตนเองคนละ 1 ลูก มู่หรั่นชิวพอจะเข้าใจเหตุผลที่เด็กทั้งสองยังไม่ยอมกินมันต้มลงไป นางสงสารเด็กน้อยทั้งสองจับใจ แต่หากจะบอกให้เขากินกันก่อน พวกเขาคงจะไม่ยินยอม จึงยอมกัดหัวมันต้มกลืนลงท้องไปทีละคำ “เมื่อคืนข้ายังอิ่มอยู่เลย วันนี้กินลูกเดียวก็อิ่มแล้ว เจ้าสองคนกินที่เหลือนี่ให้หมดเสียเถิด วันนี้พวกเรามีงานหลายอย่างที่ต้องช่วยกันทำ” มู่หรั่นชิวไม่คิดจะแสร้งทำเฉยเมยกับเด็กทั้งสองตามอย่างนิสัยใจคอของร่างเดิม น้องชายและน้องสาวเพิ่งจะ 8 ขวบและ 6 ขวบ ความสงสัยไม่อาจมาทดแทนความรักของพี่น้องได้ นางจึงไม่คิดจะทำร้ายจิตใจของเด็กๆ มู่หรงฉีและมู่หยวน กินน้อยมานานจนเคยชิน พวกเขากินมันต้มหัวเล็กๆ ไปคนละ 1 ลูก ก็อิ่มเช่นกัน เด็กชายจึงเก็บมันต้มที่เหลือไว้ในหม้อ เอาฝามาครอบปิดเอาไว้อย่างดีแล้วจึงเดินออกมานอกบ้านรอฟังคำสั่งจากพี่สาวคนรอง “เช้านี้เจ้าสองคนต้องดึงหญ้าและต้นมันที่ตายแล้วออกไปทิ้งให้หมด ตอนกลางวันเราจะไปที่วัดหนานผูกัน" เด็กสาวสั่งความก่อนจะถือตะกร้าเดินออกนอกรั้วไม้ไป มู่หรงฉีและมู่หยวนไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับคำสั่งให้พวกตนทำงาน แต่สงสัยเหลือเกินว่าพี่สาวจะออกไปที่ใดแต่ก็ไม่กล้าซักถาม เห็นพี่สาวมีสีหน้าดีก้าวเท้าออกไปอย่างมั่นคงพวกเขาก็เบาใจ มู่หรั่นชิวจำได้ว่าตนเองเคยเห็นมารดาเก็บผลปาโต้วมาจากในป่า นำมาแกะเปลือกออกแล้วเอาเนื้อมาบดเป็นผง ใช้โรยลงบนแผลจะทำให้แผลหายเร็วขึ้นและแห้งสนิทดี นางจึงตั้งใจจะไปเก็บผลปาโต้วเพื่อมาบดเป็นยาโรยแผลให้ตนเองและน้องชาย ในความทรงจำของมู่หรั่นชิวคนเก่านางยังรู้ดีอีกด้วยว่า หากนางไม่หิวจนตาลายไร้เรี่ยวแรง เด็กสาวผู้นี้ไม่ได้เจ็บป่วยอ่อนแอแต่อย่างใด แต่นางเป็นคนขี้เกียจเมื่อรู้ว่าหากตนเองอ่อนแอก็จะไม่ต้องทำงาน จึงแสร้งเจ็บป่วยอยู่ตลอดเวลา บิดาพาไปหาหมอ ไปปัดเป่าเท่าใดมู่หรั่นชิวจึงไม่มีวันดีขึ้น ก่อนหน้านี้ที่ผ่ายผอมและอ่อนแรงนั้นเป็นเพราะน้องชายและน้องสาวไม่สามารถหาอาหารจำนวนมากมาบำรุงนางก็เท่านั้น ยามนี้จึงคิดจะออกกำลังให้ตัวเองแข็งแรงมากยิ่งขึ้น “เจอแล้ว!!" เด็กสาวมองไปยังไม้พุ่มต้นสูงราว 3 เมตรที่เห็นอยู่ไม่ไกลด้วยความดีใจ นางเดินไปสำรวจดูจนมั่นใจว่าผลสีเหลืองอมเทาเหล่านี้เป็นผลปาโต้วจริงๆ จึงได้เลือกเก็บมันใส่ตะกร้ามาหลายผล พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นวัตถุสีนวลตาซุกอยู่ในหญ้าแห้งใต้ต้นปาโต้วกลุ่มหนึ่ง “ไข่ไก่? ไข่ไก่ป่าจริงๆ ด้วย โชคดีเหลือเกินเจอของดีเข้าแล้ว” มู่หรั่นชิวกระโดดโลดเต้นอย่างลืมตัว นางต้องการอาหารแล้วสวรรค์ก็ประทานอาหารมาให้นางจริงๆ หลังจากที่มู่หรั่นชิวเก็บผลปาโต้วและไข่ไก่ป่า 6 ฟองไว้ในตะกร้าแล้ว นางยังไม่เต็มใจจะกลับไปที่กระท่อม เพราะนางรู้ว่าไก่ป่าเหล่านี้มักจะอยู่กันเป็นฝูง ไม่แน่ว่าหากนางค้นหาดูดีๆ อาจจะได้พบไข่ไก่ป่าอีกหลายฟอง อีกด้านทางฝั่งมู่หรงฉีและมู่หยวน พอเห็นว่าพี่สาวรองหายไปนาน ก็เริ่มร้อนใจ “พี่สามไปดูพี่รองก่อนเถิด หากนางล้มไปอีกเล่าพวกเราจะทำเช่นไร” มู่หยวนหัวใจเต้นโครมคราม เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน น้ำตาก็พาลจะไหลออกมาให้ได้ “ข้ารู้ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ น้องเล็กรออยู่ที่นี่นะไม่ต้องกลัวเดี๋ยวพี่รีบกลับมา” เด็กชายทิ้งจอบในมือวิ่งตัวปลิวออกไปทันที มู่หรงฉีวิ่งไปตามเส้นทางที่เห็นพี่สาวมุ่งหน้าไปในป่า ไม่นานเท่าใดก็เห็นร่างเล็กๆ ของพี่สาวคนรองก้มๆ เงยอยู่ที่พื้น หัวใจเขาแทบจะหยุดเต้นเมื่อคิดว่าพี่สาวอาจจะกำลังจะเป็นลมล้มลงไปอีก “พี่รอง!!” เด็กชายตะโกนเรียกเสียงดังลั่น “น้องสาม มาทำอะไรที่นี่” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมามองน้องชายตัวเล็กอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าเขาจะกล้าขัดคำสั่งนาง “พี่หายมานาน พวกเราเป็นห่วง พี่รองกำลังทำอะไรอยู่หรือ ท่านหน้ามืดอีกหรือไม่” มู่หรงฉีตอบเป็นชุด “นี่ เจ้ามาดูทางนี้สิ” มู่หรั่นชิวยิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน กวักมือเรียกให้เขาเข้ามาหา “ไข่ไก่หรือ!! พี่รองเจอไข่ไก่ป่าหรือ” มู่หรงฉีตื่นเต้นจนแทบคลั่ง เขาไม่ได้กินไข่หรือเนื้อสัตว์มานานแล้ว ตั้งแต่พี่ใหญ่มู่เกอจากไปก็ไม่มีคนล่าสัตว์มาให้กิน เขาลองค้นหาไข่นกและไข่ไก่ป่าหลายครั้งก็ไม่เคยพบ ไม่นึกว่าพี่สาวรองที่ไม่ค่อยยอมออกจากบ้านกลับมาเจอพวกมันง่ายๆ เช่นนี้ “ไม่ใช่แค่นี้นะน้องสาม ในตะกร้ามีอยู่ 11 ฟองแล้วล่ะ วันนี้เราจะมีไข่กินกัน ช่วยพี่เก็บเร็วเข้าอีกเดี๋ยวก็กลับบ้านกันได้แล้ว" สองพี่น้องบรรจงเก็บไข่ป่าที่พบใหม่อีก 5 ฟองเข้ามาไว้ในตะกร้า ก่อนที่มู่หรั่นชิวจะจูงมือน้องชายเดินกลับบ้าน เด็กชายเขินอายจนแก้มแดง พี่สาวไม่เคยใจดีกับเขาถึงเพียงนี้ เมื่อคืนก็เพิ่งเช็ดตัวห่มผ้าให้เขา วันนี้ยังจูงมือเขาอีก หัวใจของเด็กน้องพองโตด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม