bc

สาวน้อยหลังอาราม

book_age12+
439
ติดตาม
1.6K
อ่าน
จบสุข
รักเพื่อน
คนใช้แรงงาน
เบาสมอง
นักสืบ
การสร้างอาณาจักร
จากจนกลายเป็นรวย
like
intro-logo
คำนิยม

มู่หรั่นชิวหญิงสาววัย 18 ปี ที่จมน้ำไปเป็นเวลานานจนขาดออกซิเจนและสมองตาย มีชีวิตอยู่ได้เพราะเครื่องช่วยหายใจแต่ไม่รับรู้สิ่งใดมานาน 3 เดือน ในที่สุดนางก็เสียชีวิตวิญญาณทะลุมิติมาอยู่ในโลกใบใหม่ที่ไม่มีอยู่จริง อีกทั้งยังค่อนข้างล้าหลังอีกด้วย

หญิงสาวลืมตามาอีกครั้งในร่างของ มู่หรั่นชิวเด็กสาววัย 13 ปี ที่อ่อนแอ ไร้ความสามารถและยังอารมณ์ร้าย นางหิวจนเป็นลมล้มหัวฟาดพื้นเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน

ทะลุมิติมาทั้งทีคิดว่าตนเองจะมีตัวช่วยดีๆ อย่างคนอื่นเขาบ้าง แต่เปล่าเลย!! นางเป็นเด็กสาวธรรมดาที่อ่อนแอต้องให้น้องชายและน้องสาว วัย 8 และ 6 ปีคอยหาอาหารให้ดื่มกิน เคราะห์ซ้ำกรรมซัด สามพี่น้องต้องมาขออาศัยอยู่ที่อารามดับทุกข์ สถานที่ ที่เปรียบเสมือนโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าย่อมๆ หลังวัดแปลกประหลาด ที่ไม่ได้เต็มใจรับเด็กเหล่านี้มาเลี้ยงดูแม้แต่น้อย

มู่หรั่นชิวมีพี่ชายคนโตที่ทึ่มทื่ออยู่อีกคน แต่เขาถูกคัดเลือกเข้าไปเป็นทหารออกรบ ตลอดระยะเวลา 1 ปี มู่หรั่นชิวคนใหม่พยายามส่งจดหมายติดต่อพี่ชายมู่เกอแต่ก็ไม่เคยได้รับคำตอบใดๆ กลับมา 

หน้าที่พี่สาวใหญ่แห่งอารามดับทุกข์กลายเป็นของมู่หรั่นชิวคนใหม่ไปโดยปริยาย นางผู้ไม่มีตัวช่วยใดๆ จะพาฝูงเด็กหัวโตตัวผอมราวกับไม้ขีดไฟเหล่านั้นเอาชีวิตรอดไปได้อย่างไรกัน?

ความรักความอบอุ่นจากสายสัมพันธ์ของตัวละครในนิยาย สร้างความประทับใจและอบอุ่นในขั้นสุด

นิยายเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นมาโดยสมมติชื่อสถานที่ ตัวละคร ขึ้นมาทั้งสิ้น ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดตรงกับความเป็นจริงแม้แต่น้อย สิ่งของเครื่องใช้ พืช การเกษตร อุตสาหกรรม กฏหมาย ศาสนา ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่สร้างเสริมขึ้นมาทั้งหมด ไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ในช่วงใดช่วงหนึ่ง ขอผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่ 1 ใต้ต้นไม้ใหญ่
ท่ามกลางทุ่งหญ้าโล่งกว้างใกล้หมู่บ้านฝาง ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาเพียงแห่งเดียวในพื้นที่โล่งแห้งแล้งแห่งนี้ปรากฏร่างเด็กชายและเด็กหญิงสองคนกำลังช่วยกันขุดหลุมอยูใต้ต้นไม้ “หยวนเอ๋อร์ ไปนั่งพักก่อนเดี๋ยวพี่ทำเอง” มู่หรงฉีเด็กชายวัย 8 ปี รูปร่างผอมใบหน้าและผิวเหลืองซีด ลูบหัวน้องสาวของตนเบาๆ ด้วยความสงสาร เมื่อเห็นน้องสาวเหนื่อยหอบจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าเล็กๆ ของนาง ส่วนตนเองก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่ไม่ให้ไหลออกมาเกรงว่าน้องสาวจะตกใจเสียขวัญไปมากกว่านี้ แม้ว่ามือทั้งสองข้างที่ถือจอบขุดดินอยู่ในมือของตนเองจะเต็มไปด้วยตุ่มน้ำพองและบางแห่งก็มีเลือดไหลออกมา “พี่สาม ข้าแค่หิวนิดหน่อยเลยไม่ค่อยมีแรงเจ้าค่ะ แต่พวกเราต้องขุดหลุมฝังพี่รองให้เสร็จก่อนที่จะมืด หากมีสัตว์มาแทะกินเนื้อพี่รองจะทำอย่างไร ข้ายังช่วยได้อยู่เจ้าค่ะ” มู่หยวนเด็กหญิงวัย 6 ปี ยกมือเล็กๆ ที่ผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกของนางขึ้นมาเช็ดเหงื่อบนใบหน้า คราบดินที่ติดกับมือทำให้ใบหน้านางยิ่งเลอะเทอะมอมแมม พอๆ กับเสื้อผ้าที่สกปรกเป็นรอยเปื้อนสีดำหลายแห่ง พอกล่าวถึงพี่สาวรองที่นอนนิ่งไร้ลมหายใจอยู่ข้างๆ สองพี่น้องก็น้ำตาไหลซึมออกมากันอีกครั้ง หลังจากที่กอดคอกันร้องไห้ยาวนานตั้งแต่ช่วงกลางวันจนเย็นย่ำ เมื่อเช้ามู่หรงฉีรู้สึกไม่สบายและหลับต่อไปอย่างอ่อนเพลียโดยที่ไม่ได้ลุกขึ้นมาเตรียมทำอาหารให้พี่สาวและน้องสาวได้กิน พอมู่หรั่นชิวตื่นขึ้นมานางก็ตบตีเขาและน้องสาวไปรอบหนึ่งด้วยความโมโหแต่ยามนั้นเขายังวิงเวียนและลุกขึ้นไม่ไหว พี่สาวคนรองจึงจำต้องเดินไปที่วัดหนานผูที่ภูเขาเพื่อขออาหารเช้ามาประทังชีวิต มู่หรั่นชิวไม่เคยก่อไฟ ไม่เคยทำอาหาร ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นพี่ใหญ่มู่เกอคอยดูแลน้อง ๆ เพียงลำพัง แต่เมื่อสี่เดือนก่อนพี่ชายใหญ่ต้องไปเป็นทหาร มู่หรงฉีวัย 8 ปีและมู่หยวนวัย 6 ปีจึงต้องอยู่ในความดูแลของ มู่หรั่นชิวอายุ 13 ปี ที่วันๆ เอาแต่นอนและรอให้เด็กทั้งสองคนออกไปทำงานหาอาหารให้กิน แต่มู่หรั่นชิวก็ไม่ได้เป็นเด็กสาวที่แข็งแรงอันใด สตรีร่างเล็กผอมแห้งไร้เรี่ยวแรงพยายามเดินไปให้ถึงวัดบนภูเขา แต่นางที่ไม่ได้กินอะไรมาทั้งคืน กอปรกับพื้นที่โล่งกว้างแห่งนี้ยามสายหน่อยแดดก็จะแรงจัด จนทำให้เด็กสาวหน้ามืดล้มลงศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง กว่าที่มู่หรงฉีจะลุกไหวและพาน้องสาวมู่หยวนเดินตามมาถึง นางก็แน่นิ่งไปแล้ว สองพี่น้องร่ำไห้ปลุกพี่สาวคนรองอย่างไรนางก็ไม่ตื่น มู่หรงฉีลองเอามือไปอังใกล้ๆ จมูกของมู่หรั่นชิวก็รู้ว่านางไม่มีลมหายใจไปแล้ว เขาได้แต่กอดน้องสาวตัวเล็กที่หวาดกลัวจนเสียขวัญร้องไห้อยู่ด้วยกันจนล้มตัวหลับอยู่ข้างๆ ร่างมู่หรั่นชิวที่ไร้ลมหายใจไปด้วยความอ่อนเพลียและหิวโหย ตื่นมาอีกทีก็เป็นช่วงเวลาเย็นแล้วเขาจึงให้มู่หยวนนั่งเฝ้าร่างของพี่รองเอาไว้ ส่วนตนเองก็วิ่งกลับไปเอาจอบที่บ้านกลับมาขุดหลุมหมายจะฝังศพพี่สาวก่อนที่จะถูกสัตว์ป่ามาลากเอาร่างนางไป กระท่อมที่พวกเขาพักอาศัยอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านฝาง หากจะเดินไปตามหาคนมาช่วยเคลื่อนย้ายร่างพี่สาวกลับไปที่กระท่อมเด็กตัวเล็กไร้เรี่ยวแรงอย่างมู่หรงฉีก็ต้องเดินทางอีกราวครึ่งวัน กว่าจะกลับมาถึงก็มืดค่ำแล้วเขาจึงไม่อาจปล่อยร่างพี่สาวทิ้งไว้ลำพังได้ แม้ว่าพี่รองมู่หรั่นซิวไม่เคยสนใจดูแลพวกเขาสองพี่น้อง แต่นางก็เป็นที่พึ่งเดียวของเด็กทั้งสองที่เหลืออยู่คนเดียวในเวลานี้ ขาดมู่หรั่นชิวไปมู่หรงฉีก็ไม่อาจทำตัวอ่อนแอต่อหน้าน้องสาวคนเล็กได้ เขาจึงพยายามเข้มแข็งตั้งใจจะดูแลน้องสาวตัวน้อยให้ดี รอจนกว่าพี่ชายมู่เกอจะกลับมา มองเห็นว่าหลุมดินที่ขุดเอาไว้กว้างพอสมควรแล้ว สองพี่น้องจึงหยุดมือช่วยกันลากร่างของมู่หรั่นซิวลงไปในหลุม “หยวนเอ๋อร์ หลุมมันยังเล็กเกินไป” เด็กชายทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง พวกเขาลากร่างของพี่สาวลงหลุมได้แล้ว แต่ปรากฏว่าศีรษะของนางและช่วงขาก็ยังยาวเกินหลุม มีเพียงช่วงลำตัวเท่านั้นที่ถูกหย่อนลึกลงไปในดิน “อย่างนั้นเราช่วยกันดึงพี่สาวขึ้นมาใหม่ก่อน แล้วขุดหลุมให้ใหญ่ขึ้นแล้วกันเจ้าค่ะ” เด็กหญิงเสนอความคิด ร่างเล็กๆ ของมู่หรงฉีและมู่หยวน ทั้งดึงทั้งลาก ออกแรงกันเท่าใดก็ไม่สามารถดึงร่างของมู่หรั่นชิวขึ้นจากหลุมได้ เด็กสองคน ทั้งกลัว ทั้งหิว ทั้งหมดแรง จะเดินกลับบ้านก็ต้องทิ้งพี่สาว นั่งอยู่ต่อก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่นั่งร้องไห้เสียใจกันอย่างหมดหนทางทำอะไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น “ข้าจะนอนข้างพี่สาวอยู่ตรงนี้ ข้าไม่อยากไปไหนแล้วพี่สาม” เด็กหญิงงอแง นางไม่รู้ว่าพี่สาวเป็นคนดีหรือไม่ดี แม้ว่าพี่สาวจะดุ จะตีนาง แต่ยามนี้พี่ใหญ่ก็ไม่อยู่ นางกับพี่สามเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ จะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร นางไม่อยากฝังพี่สาวลงไปในหลุมด้วยซ้ำ อยากจะนอนกอดร่างพี่สาวอยู่ตรงนี้ไปทุกวัน มู่หรงฉีก็เป็นเพียงแค่เด็กอายุ 8 ปี แม้จะพยายามทำตัวเป็นพี่ใหญ่ แต่ความคิดของเขาก็ยังเป็นเพียงแค่เด็กเล็กๆ เมื่อเห็นน้องสาวร้องไห้หนักเข้าก็ร้องตาม “ก็ได้หยวนเอ๋อร์ ถ้าหิวมากๆ เราก็จะลุกไม่ไหวอยู่ดี พวกเรานอนหลับให้ตายไปใกล้ๆ กับพี่รองนี่ล่ะ ไม่ต้องไปไหนแล้ว” เด็กชายทั้งเจ็บมือ ทั้งเหนื่อย กระหายน้ำจนปากคอแห้งผาก จะให้เขาเดินกลับกระท่อมไปในเวลานี้เขาก็เดินไม่ไหว ตัดสินใจดึงน้องสาวไปนอนข้างร่างมู่หรั่นชิวที่เกยหลุมลึกอยู่เล็กน้อย ส่วนตัวเองก็ล้มตัวลงนอนข้างมู่หยวนอีกฝั่งหนึ่ง กล่อมเด็กหญิงให้นอนหลับไปพร้อมๆ กัน มู่หรั่นชิวค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความสับสนมึนงง สิ่งที่นางเห็นเป็นอย่างแรกดูเหมือนจะเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน มีแสงจันทร์และดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ที่ส่องแสงให้ความสว่าง “นี่มันที่ไหนกัน?” มู่หรั่นชิวรำพันออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งเบาหวิว หญิงสาวรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตและร่างกาย แต่มองไปเบื้องบนก็ไม่มีฝ้าเพดาน ไม่มีสายน้ำเกลือระโยงระยางและนางก็ไม่ได้ใส่เครื่องหายใจ? หญิงสาวคิดขึ้นได้ก็ยกมือคลำหาสายน้ำเกลือ และลูบหน้าลูบตาตนเอง ก็พบว่าไม่มีอุปกรณ์ช่วยชีวิตใดๆ อยู่บนร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ก่อนหน้านี้นางรู้ตัวว่าตนเองได้เสียชีวิตไปแล้ว วิญญาณของนางลุกออกมาจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล นางเห็นหมอคุยกับบิดาและมารดาของนางที่ร่ำไห้แทบขาดใจกอดร่างไร้วิญญาณของนางเอาไว้ มู่หรั่นชิวเป็นตะคริวและจมน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำตอนกลางคืนที่กว่าจะมีคนมาพบก็หลายนาทีผ่านไปแล้ว ถูกนำส่งโรงพยาบาลและมีชีวิตอยู่ได้ 3 เดือนโดยต้องใช้เครื่องหายใจช่วยอยู่ตลอด แต่หมอบอกว่านางสมองตายไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป หากบิดามารดาทำใจได้หมอก็จะถอดเครื่องช่วยหายใจออกให้นางได้จากไปอย่างสงบ แต่บิดามารดาก็ยังสู้โดยมีความหวังว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ย์ขึ้นมากับบุตรสาว และสุดท้ายยังไม่ทันที่พวกเขาจะตัดสินใจถอดเครื่องหายใจออกมู่หรั่นชิวก็จบชีวิตจากไปเอง เวลานั้นเกิดพายุที่มองไม่เห็นพัดร่างของนางให้ลอยละล่องออกมาจากโรงพยาบาล หญิงสาวหลับตาลงเพื่อรอเผชิญหน้ากับชีวิตหลังความตายที่ไม่รู้ว่าพายุลูกนั้นจะพัดพานางไปสวรรค์หรือนรก ลืมตาขึ้นอีกทีก็กลายเป็นว่านางอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดนี้แล้ว พร้อมกับความทรงจำของมู่หรั่นชิวคนเก่าก็ค่อยๆ ถ่ายทอดเข้ามาสู่สมองของหญิงสาวทีละเล็กละน้อย

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
7.9K
bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
6.1K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
13.2K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
1.8K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K
bc

ป๊ะป๋าผมเป็นมาเฟีย

read
1.2K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook