~Chapter 6~

1479 คำ
“ฝน แกรู้ปะ ถ้าฉันไม่ได้เลิกกับเหนือ ปีนี้ก็จะคบเจ็ดปีแล้วที่ฉันได้ใช้คำว่าแฟนกับเหนือ” ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถเมล์กับปลายฝน เธอไม่ได้ตอบกลับอะไรฉัน เพราะฉันก็พูดแบบนี้มาเกือบสิบเดือนแล้วตั้งแต่ที่เลิกกับเหนือมา “ในชีวิตหนึ่งเราไม่ได้ถูกกำหนดให้รักได้แค่คนเดียวหรอกนะพาย มีคนเข้ามาแล้วก็มีผ่านไป…เหนือก็เหมือนกัน” ฉันยกฝ่ามือขึ้นปาดน้ำตาที่มันไหลออกมาโดยอัตโนมัติเมื่อได้ยินคำพูดของปลายฝน “แต่ฉัน…รักเหนือมาก” ฉันอิงศีรษะลงที่ไหล่ของปลายฝนพร้อมกับหลับตาพริ้มลง “แต่เราก็ย้อนเวลากลับไปไม่ได้แล้วนะ ฉันก็ไม่อยากพูดถึงมัน เพราะแกก็ไม่รู้ว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง” “ใจที่มันพังไป มันกลับคืนมาไม่ได้หรอก ฉันรู้ ฉันไม่ได้อยากให้เหนือกลับมาคบกับฉัน…ฉันแค่ทำใจไม่ได้กับสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่รู้ ฉันทำใจไม่ได้เลยฝน ฮือออ~” ติ๊ง! อยู่ ๆ เสียงแจ้งเตือนไลน์ในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้ฉันสูดน้ำมูกพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกอย่างลวกๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นน้ำชาเองที่เป็นคนส่งไลน์มาหา “อยู่ไหน” “กำลังกลับ” ติ๊ง! “มาฟรายเดย์ จะให้ดูอะไร” “คือ…พายไม่อยากไป” ฉันพิมพ์ตอบกลับน้ำชาทันที เพราะฉันไม่อยากเห็นน้ำเหนือกับเฌอรีนอยู่ด้วยกัน ติ๊ง! “มา จะให้ดูมือโซโลใหม่” ฉันอ่านข้อความที่น้ำชาส่งมาพร้อมกับถอนหายใจออกมา ฉันไม่อยากให้ใครมาแทนเหนือ เพราะอย่างนี้ฉันเลยให้สัมภาษณ์กับพี่วีเจคนนั้นไปว่าเหนือจะขึ้นเล่น ซึ่งตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงเหนือถึงจะยอมให้สัมภาษณ์ “ฝน ฉันต้องไปฟรายเดย์” ฉันหันหน้าไปพูดกับปลายฝน ก่อนที่เธอจะขมวดคิ้วให้ฉัน เธอคงข้องใจว่าฉันจะไปที่นั่นทำไม เหมือนจะไปให้เจ็บใจเล่น ๆ อย่างนั้นแหละ “คือฉันมีธุระเรื่องวงกับน้ำชาน่ะ แกไปกับฉันนะ” ฉันว่าถ้าฝนไปด้วยมันคงดี แต่ทว่า “คือ…” “ลำบากใจเหรอ อืม โอเค” ฉันพูดตัดบทปลายฝนเพราะว่าเธอกำลังจะพูดว่าลำบากใจ ปลายฝนเข้าไม่ได้กับคนในบ้านสักเท่าไร เธอบอกว่าพวกฉันเป็นลูกคนรวย เธอรู้สึกลำบากใจเวลาต้องคุยด้วย ซึ่งฉันพยายามให้ปลายฝนเข้ากับทุกคนในบ้าน ชวนไปบ้านทุกครั้ง แต่เธอก็ไม่ยอม “ขอโทษนะพาย ฉันอึดอัดจริง ๆ ของที่พวกแกกินฉันก็ไม่มีปัญญาหารด้วย” เดี๋ยววาโยจะจ่ายให้เธอเอง ฉันอยากพูดออกไปแบบนี้หลายครั้งเหมือนกัน แต่ไม่พูดน่าจะดีกว่า “อ๊ะ! ถึงหอฉันพอดี ไปก่อนนะพาย มีไรก็โทรมา” ฉันพยักหน้าให้ปลายฝน ก่อนที่เธอจะเดินลงจากรถเมล์ไป สายตาของฉันมองตามแผ่นหลังบางของปลายฝนก่อนที่เธอจะเดินเข้าซอยซอยหนึ่ง ซึ่งฉันคิดว่าวาโยควรเปย์คอนโดให้ปลายฝนสักห้อง เพราะดูหอพักของปลายฝนมันไม่ปลอดภัยสักเท่าไร... @Friday night -น้ำเหนือ- “ชาแม่งโคตรเท่…” เสียงร้องเพลงร็อกที่ดังกระหึ่มในผับแห่งนี้มันมาจากวงดนตรีของคณะวิศวะที่น้องผมเรียนอยู่ แต่จริง ๆ ยัยนี่เป็นนักร้องนำวงที่ผมเคยอยู่ ผมรู้ว่าน้ำชาแค่อยู่วงนี้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะยัยนี่ชอบเล่นดนตรีมาก แต่หลังจากวงที่ผมเคยอยู่มันแตก เธอก็เลยมาเล่นให้ชั่วคราวมั้ง ถ้าผมคิดไม่ผิด ผมชอบโซนนี้ที่สุดแล้ว แต่ตอนนี้เริ่มไม่ชอบซะแล้วแหละ เพราะวงดนตรีพวกนี้มันกำลังทำให้ผมหวนคิดถึงแต่เรื่องเหี้ย ๆ นั่น “ชาอยู่วงนี้ก็ยังร้องดีเหมือนเดิม มึงอย่าเล่นตัวนานไอ้ห่าเหนือ ถ้าวงแตกมาจริง ๆ มันไม่ดีเลยนะเว้ย กูยังอยากตีกลองให้หายเครียดอยู่นะ” ผมว่าเวลาไอ้ห่าโยเมาแม่งชอบพูดมาก ตอนนี้ผมกับไอ้โยกำลังนั่งอยู่ในมุมมืดของผับแห่งนี้ และน้ำสีอำพันที่ไอ้วาโยเพิ่งยกกระดกไปสองแก้วกำลังเล่นงานมัน สองแก้วจอดคือฉายามันเลยแหละ “มึง เฌอรีนว่ะ” ผมค่อย ๆ หันหน้าไปมองตามสายตาของไอ้โย ชื่อของผู้หญิงคนนี้ทำให้ผมถอนหายใจออกมา และที่สำคัญยัยนี่กำลังเดินมาทางนี้ ชุดที่เธอใส่ มัน…อย่าเรียกว่าชุดเลย “อ่อยมึงเต็มที่ กูว่ามึงอย่าเล่นด้วยดีกว่านะ ยังไงยัยนี่ก็เพื่อนพาย” “...” ผมไม่ตอบอะไรแค่ยกแก้วเหล้าขึ้นกระดก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหลังผับเพราะรู้ว่าเฌอรีนจะตามไป “ไอ้ห่านี่ทิ้งกูตลอด” เสียงของไอ้โยดังไล่หลังผมมา แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ น้ำเสียงแบบนี้ของมัน เชื่อเถอะ นับหนึ่งถึงสิบมันหมอบ... ตามทางเดินมีสายตาหลายคู่มองมาที่ผม แต่ผมไม่ค่อยสนใจใครที่มองมาที่ผมสักเท่าไร เพราะค่อนข้างชินตั้งแต่มาเรียนที่นี่แล้วมีคนรู้จักมากมาย อาจจะเป็นเพราะวงดนตรีที่ผมเคยอยู่ จะบอกว่าดังมากก็ไม่ผิด ผมเพิ่งรู้ก็ตอนเลิกกับยัยนั่น เพราะมันทำให้ผมมองไปที่รอบตัวมากกว่ามองแค่ยัยนั่นคนเดียว “เหนือ…” ตามมาจริงด้วย ผมไม่ตอบอะไรก่อนจะยกไฟแช็กขึ้นจุดไฟใส่ปลายมวนบุหรี่ที่ผมคาบไว้อยู่ในปาก เธอเหมือนจะไม่เร่งรัดอะไรนะ ซึ่งผมก็คิดเอาไว้แล้วว่าเฌอรีนจะตามผมมาที่ผับ ก็ตั้งแต่ที่เธอส่งข้อความมาถามว่าทำไมผมไม่เข้าแล็บ และเย็นนี้ผมจะไปไหน ตอนแรกกะจะไม่บอก แต่พอเกิดเรื่องวันนี้ผมก็เลยคิดว่าจะคุยอะไรกับเธอสักหน่อย “เหนือ…เรื่องเมื่อคืน เหนือยังไม่ตอบเราเลยนะ” ผมปรายสายตามองเฌอรีนก่อนจะพ่นควันสีขาวออกมาให้มันลอยฟุ้งในอากาศ รสชาติขม ๆ กับความรู้สึกผ่อนคลายทำให้ผมไม่หงุดหงิดสักเท่าไร “...” “คือเราไม่ได้อยากให้เหนือรับผิดชอบอะไรหรอกนะ คืออย่างที่บอกเหนือนั่นแหละว่า…” “หึ คิดว่าเพื่อนเธอจะรู้สึกยังไงล่ะถ้ารู้ว่าเธอมาขอฉันคบแบบนี้” “แต่เหนือกับพายก็เลิกกันนานแล้วนะ เราไม่ได้คบซ้อนสักหน่อย” ผมขมวดคิ้วมองใบหน้าของเฌอรีน เธอก็สวยตามฉบับผู้หญิงที่พบได้ทั่วไปในมอนั่นแหละ ไม่ได้โดดเด่นอะไร “เธอคงรอนานเลยสินะ กว่าจะมาพูดกับฉันแบบนี้” เพราะดูแล้วเธอน่าจะรอจังหวะเวลาที่ผมเลิกกับพายแล้วทิ้งเวลาห่างหน่อยถึงมาพูดอะไรแบบนี้ แต่ผมว่าไม่เนียน ยังไงดีล่ะ ผมเป็นคนถูกมองตลอดมั้งเลยรู้สึกว่ายัยนี่ชอบผมแต่ไหนแต่ไรแล้ว “ไม่ใช่สักหน่อย เราเพิ่งมองเหนือมากกว่าเพื่อนเมื่อไม่นานมานี้เอง” เธออมยิ้มให้ผมเล็กน้อยอย่างเหนียมอาย ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่อแล้วอยากปฏิเสธใครก็ได้หรอกนะ แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ผิด เพราะตั้งแต่เกิดมาผมเจอผู้หญิงมาพูดแบบนี้กับผมเยอะมาก ถึงจะรู้ว่าผมมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังมี เพียงแต่ผมมันโง่ ซื่อสัตย์กับยัยนั่นไง หึ พอคิดแบบนี้แล้วอารมณ์คุกรุ่นของผมก็พุ่งขึ้นทันที ผมก็เลยคิดว่า… “เอาไงดีล่ะ ฉันก็อยากคบกับเธอ” “งั้นเรามาคบกันดีไหม” “หึ ฉันว่ามันจะไม่ดีเท่าไรน่ะสิ เธอลองไปถามพระพายดูเป็นไง ว่าจะโอเคหรือเปล่าถ้าเราสองคนคบกัน” ผมพูดออกไปก่อนจะคีบบุหรี่เข้าปากอีกครั้ง ดูแล้วเฌอรีนคงรีบไปถามพระพายแน่ ๆ ซึ่งตอนนี้ผมชักอยากจะรู้ซะแล้วสิว่ายัยนั่นจะรู้สึกยังไง...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม