ซู่เสวียอี้ยืนกางแขน รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากของชายหนุ่ม เขาอารมณ์ดียิ่งนัก เมื่อเห็นพวงแก้มขาวขึ้นสี จางลั่วชิงกำลังช่วยสามีแต่งกาย ซู่เสวียอี้ตัวสูง บางครั้งนางต้องเขย่งปลายเท้าเพื่อช่วยเขาจัดระเบียบเสื้อผ้า ช่วงแรกย่อมมีเขินอาย หยิบจับอะไรก็เก้กังไปหมด ทว่าพอเวลาผ่านไปจึงค่อยคุ้นชิน แต่มาวันนี้ จางลั่วชิงกลับรู้สึกเขินอายเขาขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าร้อนวูบวาบ หวนคิดถึงเมื่อคืน รู้สึกว่าตนเองนั้นช่างน่าอายเหลือเกิน ซู่เสวียอี้กระแอมครั้งหนึ่ง “ต้องเดินทางไปสืบคดีที่เมืองซินเกียง ครั้งนี้คงหลายสิบวัน รบกวนเจ้าช่วยเตรียมของให้ข้าด้วย” จางลั่วชิงตาลุกวาว ขณะเดินตามหลังเขาออกมาด้านนอก “เมืองซินเกียงหรือเจ้าคะ” “อืม” ร่างสูงเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร กำลังรอให้สาวใช้ยกสำรับเช้าเข้ามา จางลั่วชิงขยับเก้าอี้ไปทางชายหนุ่มเล็กน้อย นางช้อนตามองเขาแล้วอ้าปาก คล้ายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอลองคิดทบทวนก็เ