ชายหนุ่มผิวขาวสะอาดหน้าตาอิดโรยที่กำลังกวาดศาลาตั้งศพหันไปมองตามเสียงรถยนต์ที่แล่นเข้ามาจอดด้านข้างของศาลา ก่อนที่คนโดยสารจะลงมาจากรถทีละคนสองคน และหญิงสาวที่อายุน้อยสุดในกลุ่มซึ่งทำหน้าที่ขับรถเอ่ยทักทายเสียงดัง
“คุณเคนทานอาหารเช้าหรือยังคะ จันทร์ซื้อโจ๊กมาฝาก” แจ่มจันทร์เดินตรงรี่เข้าไปหาพร้อมร้องห้ามและกำด้ามไม้กวาดในมือโดยจงใจกำถูกมือขาวๆ ของชายหนุ่ม
“ไม่ต้องทำค่ะ เดี๋ยวมีคนมาทำเองแหละ ไปทานโจ๊กดีกว่านะคะ”
“ขอบคุณครับ ผมไม่หิว” เคนหรือชยธรปฏิเสธน้ำใจของแจ่มจันทร์อย่างสุภาพ ชายหนุ่มพยายามชักมือกลับเพราะเริ่มรู้สึกถึงการลูบไล้ด้วยปลายนิ้วบนหลังมือเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แจ่มจันทร์ทำเสมือนทอดสะพานให้ท่าเขา ทุกครั้งที่เขาแวะเวียนไปหากนกกรแจ่มจันทร์จะส่งยิ้มแล้วเดินนวยนาดมาทักทาย พยายามมานั่งร่วมวงสนทนาทั้งที่ไม่มีใครเชิญ จนพักหลังๆ ตอนไปหากนกกรเธอจะชวนเขาไปคุยกันข้างนอก เพราะรำคาญแจ่มจันทร์ถ้าไม่มาร่วมวงก็จะคอยแอบมองครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้กระทั่งเมื่อคืนก่อนกลับบ้านหลังพระสวดพระอภิธรรมเสร็จ เขานั่งอยู่ในศาลาเพราะยังไม่มีแก่ใจขับรถ แจ่มจันทร์ที่เหมือนเตรียมตัวกลับก็เข้ามาพูดคุยคำปลอบใจของเธอชวนให้คิดได้หลายแง่
‘คุณเคนขา ยังไม่กลับหรือคะ ทำใจเถอะค่ะเกดเขาไปดีแล้ว ยังไงจันทร์ก็อยู่เป็นกำลังใจให้คุณเคนนะคะ ถ้าเหงามากโทร.หาจันทร์นะคะ จันทร์ยินดี’
ยินดี คำนี้จะให้ตีความหมายไปเช่นไรกัน
ชยธรหลุดจากภวังค์เพราะแรงกดบนหลังมือชายหนุ่มหลุบสายตาลงมองเห็นปลายนิ้วของแจ่มจันทร์ นอกจากกดแล้วเจ้าหล่อนยังหมุนวนบนหลังมืออย่างมีความหมาย ชยธรดึงมือกลับค่อนข้างแรงอยากบอกให้แจ่มจันทร์เป็นนัยว่าเขาไม่ชอบการกระทำเช่นนี้ของเธอ
“เชิญคุณจันทร์ตามสบาย ผมอยากกวาดศาลาครับ” เขาทำตามที่บอกทันทีหลังชักมือกลับมาได้ โดยไม่สนใจว่าแจ่มจันทร์จะยืนอยู่หรือเดินไปแล้ว
แจ่มจันทร์อยากกรีดร้องใส่หูชายหนุ่มที่ทำเมินเฉยกับเธอเสียเหลือเกิน แต่ก็ทำไม่ได้ หญิงสาวจึงเดินหนีออกมาสวนกับนางสายบัวที่เข้ามาหาชยธรชายหนุ่มที่เกือบจะได้เป็นลูกเขยอยู่แล้ว ถ้าหากลูกสาวไม่ด่วนเสียชีวิตไปเสียก่อน
“เคนกินอะไรหรือยัง”
“ผมไม่หิวครับแม่” ชยธรเรียกแม่ของคู่รักว่าแม่อย่างเต็มปากเต็มคำ นั่นเพราะความสนิทสนมเข้านอกออกในบ้านนี้มาร่วมปีก่อนจะตกลงใจแต่งงานกับกนกกร ตระเตรียมงานกันเสร็จเรียบร้อยแต่ว่าที่เจ้าสาวก็มาด่วนจากไปเสียก่อน เขาได้ยินคนพูดซุบซิบกันในงานว่ากนกกรอาภัพนัก หม้ายขันหมากมาครั้งหนึ่งแล้วเพราะน้องสาวแย่งแฟนไป มาครั้งนี้ก็ไม่ได้แต่งงานอีกเพราะประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปก่อน
ชีวิตคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้เสียเลย เช่นเดียวกับความรักของเขาที่มีต่อผู้หญิงสองคนก็มีอันต้องพลัดพราก กนกกรจากไปด้วยอุบัติเหตุที่ไม่มีทางได้หวนกลับมา ส่วนอีกคนแม้ความตายไม่ได้พรากเธอจากไป ทว่าเธอทำเขาเจ็บปวดยิ่งกว่าการตายจากกันเสียอีก นับว่าเขากับกนกกรก็ไม่แตกต่างกันนัก เพราะต่างมีความรักที่ผิดหวังมาแล้วถึงสองครั้งสองครา
“ได้นอนบ้างหรือเปล่า หักใจบ้างเถอะลูก” นางสายบัววางมือบนท่อนแขนของชยธร เห็นใบหน้าชายหนุ่มอิดโรยเป็นอันมาก เขายิ้มให้นางเล็กน้อยดูเป็นยิ้มที่ฝืนๆ เสียเหลือเกิน แต่นางก็ยิ้มตอบแล้วเอ่ยอย่างห่วงใย
“กลับไปอาบน้ำอาบท่ากินอะไรเสียหน่อย หรือจะนอนสักตื่นก็ดีนะ เคน” นางเสนอ แต่ชยธรก็ค้านทันที
“ไม่ดีกว่าครับ ผมอยากอยู่ช่วยแม่ดูแลทางนี้มากกว่า”
“ไม่ต้องหรอก กลางวันคนไม่เยอะเท่าไหร่จะมีก็แต่ญาติๆ กัน ขาดตกบกพร่องเขาไม่ถือสากันหรอก เคนกลับไปอาบน้ำอาบท่าเสียแล้วนอนพักผ่อน เมื่อคืนไม่ได้หลับเลยสินี่ แล้วไอ้ชาติมันกลับมาอยู่เป็นเพื่อนตอนไหน ดึกหรือเปล่า” นางสายบัวถามด้วยความห่วงใย
เพราะงานศพในหมู่บ้านนี้และชนบทอีกหลายแห่ง ในตอนกลางคืนจะมีคนนอนเฝ้าศพที่ศาลา บ้างว่ากันพวกจิตใจต่ำช้ามาขโมยเงินในปากคนตาย บ้างว่าอยู่เป็นเพื่อนกลัวศพจะเหงา บางพื้นที่จะมีวงไพ่ วงไฮโลนั่งเล่นใกล้ๆ เพื่ออยู่เป็นเพื่อนศพจนถึงเช้า บางพื้นที่ก็ตั้งวงดื่มเหล้าพูดคุยกันจนเช้า
แต่ปัจจุบันการดื่มสุราและการเล่นการพนันในวัดเป็นสิ่งต้องห้าม จึงมีแค่นอนเฝ้าจนถึงเช้าเท่านั้น และชยธรก็รับทำหน้าที่นี่มาตั้งแต่คืนแรกแล้ว โดยมีนายชาติและชายฉกรรจ์อีกหลายคนผลัดเปลี่ยนกันมาอยู่เป็นเพื่อนทั้งคนเป็นและคนตายไปในคราเดียวกัน
“ไม่ดึกมากครับ คิดว่าน่าจะกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มาเลย” ชยธรจำเป็นต้องปดเพื่อไม่ให้นางสายบัวเป็นกังวลและตำหนินายชาติที่ได้รับคำสั่งให้มานอนเป็นเพื่อนเขา แต่นายชาติมาเอาตอนใกล้รุ่ง ย่องเข้ามาเบาๆ แล้วนอนห่างจากที่เขานอน คงกลัวเขาตื่นแล้วรู้ว่ามาเอาป่านนี้ แต่หารู้ไม่ว่าเขาหลับตาไม่ลง ปิดตาครั้งใดก็เห็นแต่ใบหน้าของกนกกร
“ทำอย่างที่แม่บอกกลับไปพักก่อน” นางสายบัวคะยั้นคะยออีกครั้งด้วยความหวังดี
“ถ้าอย่างนั้นผมกลับไปอาบน้ำก่อน ค่อยมาตอนใกล้ถวายเพลพระนะครับ” ชยธรเริ่มเห็นชอบตามที่นางสายบัวบอกแล้ว ถึงเขาไม่อยากนอนแต่ร่างกายอาจต้องการการพักผ่อน หรืออย่างน้อยการได้อาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นขึ้นมาบ้างก็ยังดี และเขาก็ไม่อยากล้มป่วยเพราะไม่ได้พักผ่อนก่อนวันส่งกนกกรไปสู่สุคติ การตัดสินใจของเขาทำให้นางสายบัวยิ้มออกคลายความห่วงใยลงบ้างเล็กน้อย ก่อนรับไม้กวาดในมือว่าที่ลูกเขยที่จะเป็นได้แค่ว่าที่ไปตลอดเพราะลูกสาวของนางเสียชีวิตไปเสียแล้ว
“เอ่อ เคน” ความตั้งใจบางอย่างของนางชะงัก มือที่ยกขึ้นหวังกวักเรียกลดลง เมื่อตริตรองอย่างรวดเร็วแล้วรู้สึกเกรงใจชายหนุ่ม ทว่าเขาก็หันกลับมามองด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม แล้วถอยกลับมา
“มีอะไรครับแม่”
“ไม่มีอะไรจ้ะ ไปเถอะ” นางสายบัวปฏิเสธ แต่ดูเหมือนชยธรจะไม่เชื่อเสียแล้ว เขายังจ้องหน้านางเหมือนรอคำตอบแล้วถามย้ำ
“มีอะไรครับ”
นางสายบัวระบายลมหายใจช้าๆ ไม่อยากรบกวนก็คงต้องรบกวนเสียแล้วในเมื่อกำลังเหมือนถูกคาดคั้นจากท่าทีอ่อนน้อมของชายตรงหน้า
“ขามาช่วยแวะรับคนที่บ้านด้วยได้ไหม จะได้ไม่ต้องให้แจ่มจันทร์ย้อนกลับไปอีก”
“ใครหรือครับ”
“ก้อย” คำตอบเบาๆ จากปากนางสายบัวหยุดคำถามทุกสิ่งจากชายหนุ่ม เขาพยักหน้ารับทราบแล้วขอตัวทันที
เสียงเครื่องรับโทรทัศน์ส่งเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ในโถงกลางบ้าน ประตูหน้าบ้านเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย ส่วนในโถงนั้นมีแค่ร่างกระจ้อยร่อยที่นั่งจุมปุ๊กส่งเสียงเหมือนอยากได้อะไรสักอย่างอยู่บนผ้าที่ปูกับพื้น รอบข้างเป็นตุ๊กตาและหมอนใบเล็กๆ
“แป๊บนึงนะลูก เดี๋ยวก็ได้หม่ำๆ แล้ว”
กณิศาส่งเสียงมาจากหลังบ้านซึ่งเป็นส่วนครัว เธอชะโงกมองเด็กน้อยที่ยังนั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่เดิม แม้จะส่งเสียงเร่งเร้าเพราะถึงเวลาอาหารมื้อเช้าของแม่หนูแล้ว ก่อนหันกลับมาปิดเตาแก๊สแล้วตักข้าวต้มเละๆ ใส่ชามใบเล็ก เพราะการมากระทันหันและคนที่บ้านยุ่งกับงานที่วัด สิ่งที่พอจะหาได้ในตู้เย็นสำหรับปะกอบอาหารให้ลูกก็มีแค่เนื้อหมูดิบที่เธอสับจนละเอียดกับฝักทองชิ้นไม่ใหญ่ที่คงเหลือจากการประกอบอาหารในวันก่อนๆ นำมาใส่ลงไปในข้าวต้มเพื่อเพิ่มสารอาหารให้เด็กน้อย
กณิศาบดฝักทองผสมกับข้าวกลายเป็นข้าวสีเหลืองทองดูน่ากิน และยังมีหมูสับที่บดให้ละเอียดคลุกเคล้าผสมกันอยู่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย หญิงสาวยกขึ้นมาใกล้จมูกแล้วสูดกลิ่นก่อนยิ้มด้วยความภูมิใจ ที่สามารถทำอาหารให้ลูกได้ถึงขนาดนี้
“มาแล้วลูก” กณิศาเดินออกมาแล้วชะงักเมื่อเด็กหญิงรวงข้าวไม่ได้นั่งเล่นตุ๊กตาอยู่ที่เดิม
“รวงข้าว รวงข้าว หม่ำๆ ลูก” เธอเดินแกมวิ่งจนมาถึงโถง วางชามข้าวแล้วเหลียวหา เพราะคิดว่าลูกน้อยคงลุกแล้วเดินเตาะแตะไปที่ไหน แต่ไม่เห็น
กณิศาเรียกเสียงดังขึ้น เริ่มใจไม่ดีเพราะปกติแล้วลูกสาวตัวน้อยจะว่านอนสอนง่าย ให้นั่งเล่นตุ๊กตาหรือของเล่นคอยเวลาเธอทำอะไรต่ออะไรก็จะเชื่อฟังไม่คลานหรือเดินไปไหนไกล แต่เวลานี้รวงข้าวไม่ได้อยู่ที่ซึ่งให้คอย กณิศากวาดตามองทั่วห้องอีกครั้งสายตาไปสะดุดตรงประตูที่เปิดกว้างกว่าเดิม ไวเท่าความคิดว่าลูกน้อยจะเผลอเดินออกไปสำรวจพื้นที่ตามนิสัยอยากเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ หญิงสาวรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที
“รวงข้าว...” กณิศาชะงักเมื่อออกมาพบว่าลูกอยู่หน้าบ้านจริงๆ แต่ไม่ได้อยู่ตามลำพัง รวงข้าวอยู่ในอ้อมแขนของใครคนหนึ่ง