เซียวหมิงเยว่นางคิดอย่างรางเลือนเต็มทนที่นางเองเริ่มจะสับสนและมึนงงไปมิอาจแจ้งแก่ใจว่าเป็นเพราะจุมพิตที่สูบวิญญาณของนางหรือว่าที่แท้มันเป็นไปด้วยฤทธิ์ยาพิษสลายกระดูกกัน
‘หวานอย่างยิ่ง’ จ้าวไห่เฉิงที่ในยามแรกก็เพียงจะป้อนสุราให้นางเท่านั้นทว่าเพียงได้สัมผัสริมฝีปากอวบนุ่มกลับหลงใหลตื่นเตลิดไปกับรสหวานอย่างที่ชีวิตบุรุษวัยฉกรรจ์ผู้หนึ่งซึ่งไปมาหมดทั้งแดนใต้จรดแดนเหนือกลับมิเคยพบพานสตรีใดมีรสจุมพิตอันหวานสะท้านวิญญาณกันถึงเพียงนี้
‘นี่หรือไม่ที่พวกตาเฒ่าทั้งหลายถึงชอบกินเด็กสาวกันนัก เพราะรสชาติหวานจนยากจะหักใจเช่นนี้นี่เองกระมัง?’
“อื้อ!”
ร่างเล็กที่นางเริ่มรู้สึกว่าตนเองพอจะมีแรงขึ้นมาเล็กน้อยนางจึงส่งเสียงร้องประท้วงอู้อี้เมื่อเซียวหมิงเยว่นางเริ่มจะหมดลมหายใจ ท่านรองแม่ทัพหนุ่มจึงถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่หวานเสียวซ่านดวงใจอย่าบอกใครด้วยความอาลัยอาวรณ์ จนเขาคิดหมายใจเอาไว้แล้วว่าริมฝีปากนี้ต้องเป็นของเขาผู้เดียวนับจากวันนี้เป็นต้นไป
เมื่อถอนจุมพิตออกจากริมฝีปากนุ่มจ้าวไห่เฉิงชายก็ไถลริมฝีปากกดจุมพิตลงไปเรื่อยๆ จนเจอปทุมมาคู่แฝดทั้งสองที่มีขนาดพอเหมาะไม่ยิ่งใหญ่แต่นุ่มหยุ่นดังกับกำลังนวดคลึงก้อนแป้งซาลาเปาเลยทีเดียว เซียวหมิงเยว่นางอยากขัดขึ้นทว่ายากแล้วที่จะฝืนฤทธิ์ร้ายของยาพิษสลายกระดูก
...ก๊อก ...ก๊อก...ก๊อก...
ประหนึ่งเสียงสวรรค์สำหรับเซียวหมิงเยว่ทว่ามันคล้ายกับเสียงแห่งราชาแห่งขุมนรกร้องเรียกหาจ้าวไห่เฉิงมิผิดไปเขายังมิได้เมามายจนเลอะเลือนทว่าจดจำได้แม่นยำว่าพ่อบ้านอู๋คนสนิทของท่านตาผู้ตายจากของเขานั้นบอกว่าเวลาที่จะเคี่ยวยาแก้คือหนึ่งชั่วยามมิขาดมิเกินมิใช่หรือแล้วผ่านไปไม่ถึงสองเค่อเสียงเคาะห้องหอก็ดังขึ้นมันหมายความว่าอย่างไรกันเล่า?!
“เป็นผู้ใดไม่กลัวตายกัน”
จ้าวไห่เฉิง เอ่ยวาจาคล้ายคำรามมากกว่าจะสอบถามเอาความจริงแล้วจึงจำใจต้องผละห่างจากเจ้าสาวตัวนุ่มและหอมไปเปิดประตูจึงพบสาวใช้กับบ่าวชายมาพร้อมน้ำอุ่นจึงนึกได้ว่าเป็นเขาเองที่สั่งคนพวกนี้เอาไว้ตั้งแต่เดินออกมาจากโถงจัดเลี้ยงหวังจะอาบน้ำอุ่นให้คลายอาการมึนศีรษะจากฤทธิ์สุรามงคลหลายจอก
"จัดการเรียบร้อยแล้วราตรีนี้ก็มิต้องมาวุ่นวายที่เรือนนี้อีก..."
...มะ...หมายความว่าเช่นไรกัน?...
คนที่ยังพูดก็ไม่ได้ขยับกายจึงได้อย่าหมายใจว่าจะทำได้เริ่มใจคอไม่ดี ต่อให้ทำใจมาอย่างดีแต่...ผู้ใดไม่มาเจอสถานการณ์เช่นนางย่อมยากจะเข้าใจว่าหัวใจสาวน้อยอายุอานามสองชาติรวมกันได้สิบเก้าปีนั้นมันหวาดกลัวต่อราตรีเข้าหอมากมายเพียงใด
ยิ่งสายตาของนางมองเห็นผู้เป็นเจ้าบ่าวเดินกลับมาหาตนเองด้วยกิริยาเนิบช้าคล้ายพญาราชสีห์เดินตรงเข้าหาเหยื่อเนื้อโอชาซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นนางผู้เดียวนั้นจะเป็นผู้อื่นไปไม่มี พอเดินมาถึงยังโต๊ะกินข้าวกลางห้องหอ
จ้าวไห่เฉิงเขาก็ก้มลงมองมามองคนร่างเล็กที่ตอนนี้ยังนั่งนิ่งเพราะถูกฤทธิ์ยาสลายกระดูกเล่นงานยังไม่คลาย จนเจ้าสาวคนน่ารักนั้นมิอาจขยับตัวไปที่ใดไหว เขาใช้มือข้างขวาจับคางเล็กเอาไว้แล้วออกแรงบังคับให้แหงนเงยขึ้นในลำดับที่พอเหมาะก่อนจะจุมพิตนางนิ่งนานจวบจนเสียงสาวใช้และบ่าวชายปิดประตูห้องหอให้เวลาเจ้าบ่าวและเจ้าสาวได้ใช้เวลาของราตรีเข้าหอให้คุ้มค่า
"มาเถิดเหล่าโผเราไปอาบน้ำกัน"
สุดท้ายเมื่อแลเห็นว่าหากยังช้าไปล้วนเป็นเขาที่ใจเย็นไม่พอจนอาจไม่ได้อาบน้ำเสียเป็นแน่ ซึ่งแน่นอนว่าคนสิ้นพลังขาดแรงกำลังนางหรือจะไปขัดขืนเขาที่ปกติก็ตัวโตกว่านางถึงสามในสี่ส่วนอยู่แล้ว
กายของเจ้าสาวถูกจับหันซ้ายพลิกขวาอยู่ไม่นานทั้งกายน้อยก็เหลือเพียงเอี๊ยมบังทรงกับกระโปรงซับในตัวบางสองชิ้นเท่านั้นเพราะแม้แต่กางเกงตัวในสุดท่านรองแม่ทัพก็แสนจะเชี่ยวชาญเหลือแสนปลดนิดกระตุกหน่อยล้วนหลุดออกจากกายเจ้าสาวว่องไวกว่าในยามที่นางสวมเองเสียอีก
...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...
"ท่านรองแม่ทัพ เป็นฝ่านเสียนเองขอรับ"
อีกกว่าครึ่งชั่วยามไม่ขาดไม่เกิน เสียงของพ่อบ้านอู๋...อู๋ฝ่านเสียนบุรุษหนุ่มใหญ่วัยสามสิบห้าหนาวก็ดังขึ้นที่ด้านหน้าห้องหอ
จ้าวไห่เฉิงเขาจึงจัดการนำผ้าเช็ดตัวที่ถูกเตรียมเอาไว้รอมาพันเอวสอบของตนเองหมิ่นเหม่จากนั้นจึงห่อกายเล็กที่สัดส่วนไม่ได้เล็กด้วยผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวอีกผืน แล้วจึงอุ้มคนเป็นเจ้าสาวมาวางไว้บนเตียงแล้วไปเปิดประตูรับเอาถาดซึ่งบรรจุตัวยาเอาไว้ครบถึงแปดถ้วย!
...มิผิด...มันคือถ้วยบรรจุยาถึงแปดถ้วย...
เซียวหมิงเยว่กลอกดวงตามองไปจนสายตาปะทะเข้ากับสิ่งที่เจ้าบ่าวถืออยู่ในมือ นางก็เสียขวัญยิ่งกว่าเมื่อครู่ที่ตนเองถูกเขานั้นปล้ำปลดอาภรณ์ไปสองส่วน
...บัดซบมันเถอะ!...ก่อนนางจะหายคาดว่านางอาจจะท้องระเบิดตายไปก่อนเพราะกินยาเกินขนาดหรือไม่เล่า?! คงไม่ต้องเอ่ยไปถึงรสชาติยาสมุนไพรในภพชาตินี้เลยว่ามันขมติดลำไส้เพียงใด
“มาดื่มยาถอนพิษกันก่อนเหล่าโผ”
เห็นถ้วยที่บรรจุยามามีถึงแปดถ้วยดวงตาเจ้าสาวกลับเบิกโพลงค้างคา หนักแล้วยังต้องมาทนดูกล้ามท้องแปดลูกกระแทกสายตาเข้าไปอีก เกรงว่าบัดนี้ดวงตาของเซียวหมิงเยว่จะโตเท่าดวงจันทร์ดังนามของตนเองไปแล้วหกส่วน!
…คุณพระ! ...
ก่อนพิษจะถูกถอนนางมิสำลักยาจนตายไปก่อนไม่พอราตรีนี้นางจะรอด ไปหรือไม่ในเมื่อ...ท่านพี่ของนางค่อนไปทาง...แน่นกำยำชวนให้นางขวัญเตลิดถึงเพียงนี้
“ไม่ชอบยาหรือ?"
‘ท่านรองแม่ทัพก็ช่างถามไม่คิดผู้ใดมันจะชอบยาขมบาดลำไส้กัน!’ เซียวหมิงเยว่นางพูดไม่ไหวและขยับไม่ได้ก็จริงทว่าภายในสนองนั้นยังคงตื่นตัวคิดทุกสิ่งได้ดีอยู่
ส่วนจ้าวไห่เฉิงนั้นพอเขาแลเห็นว่าผู้เป็นเจ้าสาวนางส่งสายตาตำหนิมาเด่นชัดเจนเช่นนั้นเขาก็จึงเปิดรอยยิ้มหวานละมุนจนเซียวหมิงเยว่ที่คิดว่าตนเองมีภูมิคุ้มกันความหล่อเหล่าของบุรุษถึงกับดวงตาพร่าเลือนไปชั่วครู่
…นางมีภูมิต้านทานคนหล่อเหล่าทว่าภูมิต้านทานคนงามยิ้มสวยนางนั้นแสนจะต่ำอย่างยิ่ง! ...
ถูกต้องแล้วท่านรองแม่ทัพจ้าวผู้อยู่ตรงหน้านางนี้ปกติเขาวางสีหน้าสงบนิ่งนั้นดูดุดันค่อนไปทางน่ากลัวประกอบเขาตัวโตสูงใหญ่มากจึงยิ่งน่ากลัวทว่าเขาเปิดรอยยิ้มกลับดูอ่อนโยนหล่อเหล่านั้นหกส่วนทว่างดยามคล้ายสตรีไปเจ็ดส่วน
“มาเถิด ข้าป้อนเจ้าเองเหล่าโผ” (เหล่าโผ-ไท่ไท-ฟูเหริน/ภรรยา) แล้วนางหรือจะทำอันใดได้นอกจากปล่อยให้ท่านรองแม่ทัพจ้าวนั้นป้อนยาให้แก่นางถ้วยแล้วถ้วยเล่าอย่างมิอาจต่อต้านอันใดไปได้จนสิ้น
เซียวหมิงเยว่นางทำได้แค่เพียงมองดูถ้วยบรรจุยาที่พร่องไปทีละถ้วยก็ลุ้นว่ายามใดอาการหมดเรี่ยวหมดแรงขยับร่างกายตนเองมิได้จะดีขึ้นเสียที ก็การที่นางนั้นไม่สามารถบังคับร่างกายของตนเองได้นั้นมันสุดแสนจะทรมานแทบเสียสตินี่นายิ่งต้องมาอยู่กับบุรุษแปลกหน้าเช่นนี้ถึงนางจะรู้ฐานะของจ้าวไห่เฉิงคือใครมีบ้านช่องตั้งอยู่หนใดแต่สำหรับบางก็มองว่าเขาคือบุรุษแปลกหน้าอยู่ดี
พอมาถึงถ้วยที่หกแล้วโดยแท้แต่นางกลับยังไม่รู้สึกดีขึ้นแม้แต่ปลายนิ้วตนเองที่นางพยายามจะฝืนกระดิกมันแต่ก็ยังไม่สำเร็จเลยสักน้อย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนสุกใสคล้ายสีทองอร่ามก็ขยับไปมองว่ามันไม่เห็นจะได้ผลเลยเพราะนางยังไม่อาจขยับส่วนใดของร่างกายได้เลยแม้แต่ปลายนิ้วของตนเอง
“มันต้องใช้เวลาสักราวหนึ่งชั่วยามกว่ายาถอนพิษจะเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่อ้ายเหรินคิดว่ากลืนลงท้องปุ๊บแล้วเจ้าจะหายเลยหรือไรกัน”
ท่านรองแม่ทัพจ้าวเอ่ยกับคนตัวเล็กที่ดูจะพยายามอย่างยิ่งที่จะขยับปลายนิ้วของตนเองให้ได้ ทว่านางกลับไม่สาสมดังใจคิดซึ่ง...บางทีนางขยับไม่ได้ก็ล้วนมีผลดีต่อเขาไม่น้อย...หึ...หึ...หึ...
“ข้าช่วยเจ้าแล้วต่อไปเจ้าก็สมควรตอบแทนบุญคุณช่วยข้าบ้างแล้วเหล่าโผ”
คนตรงหน้าจับจ้องเขานิ่งถึงสีหน้าของนางแสดงอารมณ์ใดมิได้ทว่าดวงตาคู่สวยกลับบอกความคิดของนางได้ทั้งหมดแล้ว แต่เขานั้นแต่เดิมก็ไม่ใช่บุรุษที่ดี
ก็ถึงไม่ได้เลวร้ายจนต้องไปฉุดคร่าสตรีมาข่มเหง ทว่าสตรีซึ่งเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตรงหน้าจะให้เขาละเว้นนางเกรงว่าจะยากสักหน่อยก็อย่างที่กล่าวคนเช่นจ้าวไห่เฉิงมิใช่บุรุษที่ดีเป็นเพียงบุรุษธรรมดาทั่วไปผู้หนึ่งเท่านั้น
และไม่ทันที่เซียวหมิงเยว่นางจะได้ขยับปากร้อง...ก็แน่ละว่าไอ้ย***ายาชั่วนั้นมันยังคง ไม่หมดฤทธิ์จืดจางดังนั้นคงต้องคิดไปถึงว่านางจะเอากำลังใดมาต่อสู้ หรือแม้แต่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายหนีได้เช่นในซีรีส์ที่เคยดูเคยชมสมัยยังคงเป็น'นิดา'เลย เมื่อร่างใหญ่โถมทับหญิงสาวจนจมลงไปกับฟูกนอน พอจะอ้าปากร้องก็เป็นอีกครั้งที่เด็กสาวแช่งชักป่นกระดูกคนสกุลหลิ่วพวกนั้นไปอีกหลายเล่มเกวียน
แต่พอถูกคนมากประสบการณ์ก็จัดการปิดริมปากจิ้มลิ้มด้วยริมฝีปากแกร่งของตนเองเท่านั้น คนซึ่งยังไม่เคยมีแม้แต่แฟนในภพชาติเดิมจวบจนมาอยู่ในภพชาติใหม่นี้นางก็ถึงกับมึนงงไปชั่วครู่เลยเปิดโอกาสให้จ้าวไห่เฉิงได้สอดลิ้นเข้าไปชิมพิสูจน์ความหวานละมุนละไมอีกครั้งว่าที่แท้จุมพิตที่ได้ชิมไปแต่แรกมิใช่เพราะเขาถูกฤทธิ์สุรามงคลหลอกลวงไปเท่านั้น
…ให้ตายเถอะ!...
ยิ่งจุมพิตไยจึงยิ่งหวานล้ำเลิศแต่ยิ่งเขาลูบไล้ไปตามร่างกายอรชรกลับยิ่งยากจะหักห้ามใจเพราะทุกสัดส่วนของเจ้าสาวตัวแทนผู้นี้นั้นพอเหมาะพอเจาะไปหมดกับฝ่ามือแกร่งของเขาย่างยิ่ง
จ้าวไห่เฉิงนึกไปถึงในยามที่ตนเองจับนางนั้นอาบน้ำชำระร่างกายเกรงว่าคงเป็นเขาที่รีบเพราะไม่อยากลุแก่เพลิงราคะ’ จัดการ’ เจ้าสาวตนเองครั้งแรกที่ถังอาบน้ำจึงไม่ทันได้มองว่าสัดส่วนแห่งอิสตรีนั้นงดงามเพียงใด
แต่ที่เขาสัมผัสลูบไล้นั้นเต็มไม้เต็มมือเขาอย่างยิ่งจ้าวไห่เฉิงจึงแทบจะอดใจโลมเล้าเจ้าสาวของตนเองให้ผ่านช่วงเวลา’ แรก’ ของนางไปอย่าง’ บาดเจ็บ’ ให้น้อยที่สุดไม่ไหว
ใบหน้าหล่อเหลานั้นไถลลงไปจุมพิตลงไปที่ลำคอระหงอีกมือก็เคล้นคลึงปทุมถันงดงามที่กอบกุมลงไปยามใดก็คล้ายสวรรค์นั้นปั่นแต่งมาเพื่อฝ่ามือของเขาโดยเฉพาะทำเอาท่านรองแม่ทัพจ้าวนั้นถึงกับโมเมไปแล้วว่านับจากราตรีนี้แม่เจ้าสาวตัวแทนผู้นี้คือคนของเขาแล้วต่อให้เป็นองค์ไท่จื่อผู้เป็นนายเหนือเกล้าคิดมาทวงคืนให้ตายเขาล้วนไม่ยินยอมคืนนางกลับไปให้ผู้ใดอีกเด็ดขาด!
ริมฝีปากร้อนระอุกดลงต่ำจุมพิตหนักเบาสลับกันไปจวบจนเขาพบพานเข้ากับปลายยอดเกสรปทุมมาอวบอั๋นที่กอบกุมเคล้นคลึงลงไปทั้งนุ่มทั้งเด้งหนึบหนับสู้มือ จ้าวไห่เฉิงเขาจึงสิ้นสุดความยับยั้งช่างใจไม่สนสี่สนแปดเข้าครอบครองผลอิงเถาน้อยรวบดูดดึงปาดเลียลูกลูบไล้ระรัวปลายลิ้นด้วยความลุ่มหลงมัวเมา
กายบอบบางอรชรที่ต่อให้สิ้นไร้เรี่ยวแรงฤทธิ์ร้ายของยาพิษยังมิสลายไปแต่เมื่อถูกกระตุ้นเร้าถึงเพียงนี้ดรุณีน้อยผู้มิเคยสัมผัสอะไรเช่นนี้มาก่อนถึงสองชีวิตจึงสั่นระริกไปด้วยความวาบหวามผสานไปด้วยอารมณ์เสน่หาดำมืดซึ่งถูกปลุกโลมเล้าจากบุรุษผู้ชำนาญมากชั้นเชิงเช่นจ้าวไห่เฉิงเข้าไปเต็มที่ยิ่งเขาส่งอีกมือไปทั้งบีบทั้งเคล้นคลึงบดขยี้ยอดที่ปลายยอดปทุมถันอย่างทราบดีว่าจุดใดที่จะโน้มหนาวให้สาวน้อยตัวหอมเนื้อหวานนางนี้สยบสมยอมพร้อมใจไปกับตนเองได้เซี่ยวหมิงเยว่นางก็รู้สึกหายใจลำบากอึดอัดไปหมด
เห็นใบหน้างดงามขึ้นสีเข้มผสานไปกับแสงเทียนมงคลจ้าวไห่เฉิงเข้าก็ยิ่งพยายามล่อหลอกเล้าโลมให้เด็กสาวยิ่งตื่นเตลิด หลงเตลิดไปกับเพลิงเสน่หาที่เขาเองเป็นจุดให้นางเร่งคล้อยตาม เขาไปโดยไวผสานกันไปไม่หยุดทั้งฝ่ามือแกร่งและริมฝีปากร้อนร้ายที่ต่างช่วยกันปรนเปรอให้สาวร่างน้อยที่ไม่เคยเจอะเคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อนแทบแดดิ้นสิ้นใจ
“อ๊ะ อา...”
คาดว่าฤทธิ์ของยาถอนพิษคงเริ่มแผ่กระจายคนตัวน้อยจึงหลุดน้ำเสียงแสนหวานดังออกมาให้ท่านรองแม่ทัพหนุ่มนั้นได้ยินได้ฟังเป็นครั้งแรก ส่วนคนที่หลุดเสียงร้องที่ตนเองยังจำเสียงแปลกหาดชวนอับอายของตนมิได้เลยถึงกับร้อนใบหน้าไปหมด แต่แค่เพียงปลายลิ้นร้อนร้ายกระดกถี่ละรั่วที่ตรงปลายยอดปทุมมาร่างน้อยก็พ่ายแพ้ให้แก่ความเสียวสะท้านจนปลายนิ้วเริ่มขยับได้
จนจ้าวไห่เฉิงนั้นผละถอยห่างเพื่อปล่อยให้คนใต้ร่างนางได้มีช่วงเวลาพักหายใจหายคอบางก็ถึงกับตื่นตะลึงกับภาพงดงามเย้ายวนโดยไร้จริตมารยาปรุงแต่งเข้าก็ให้กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ นางช่างงดงามซ่อนรูปเหลือเกินก็ในยามพบเห็นนางในอาภรณ์เจ้าสาวนั้นนางตัวเล็กนิดเดียวทว่าบัดนี้…
บนเตียงวิวาห์นี้นางช่างเป็นสตรีผู้คู่ควรอย่างยิ่งกับคำว่า’ ศรีภรรยา’ ในความหมายของเขาเองอย่างยิ่งเพราะฮูหยินของเขานางเป็นเด็กสาวที่มีสัดส่วนที่ควรใหญ่ นางนั้นก็ช่างน่ารังแกยิ่งนักเพราะขนเอามาเสียล้นหลามมากมายจนเขาเองยิ่งมองก็อดนึกเป็นห่วงเป็นใยภรรยาตัวน้อยแต่สัดส่วนนั้นไม่น้อยอย่างเกรงกลัวแทนว่าเอวอันแสนจะบอบบางคอดกิ่วอาจจะต้านทานแบกรับน้ำหนักสองเต้าทรงอวบอั๋นนั้นไม่ได้เอาแล้วสุดท้ายช่วงเอวอรชรนั้นจะมิอาจรับน้ำหนักไหวหักกลางเข้าสักวัน
“เจ้าเริ่มดีขึ้นแล้วใช่หรือไม่?…เช่นนั้นช่วยเอ่ยนามของเหล่าโผให้เหล่ากงได้ฟังสักนิดเถิดหือ...เอ่ยสักหน่อยนะ...”(เหล่ากง-เซี่ยงกง-ฟูจวิน/สามี)
เอ่ยคำจบรองแม่ทัพหนุ่มก็มิอาจหักห้ามใจที่จะเชยชมคนงามตัวน้อยไปได้หรือบางทีแท้จริงเขาอาจมิเคยมีคำว่า’ หักห้ามใจ’ อยู่ในมโนสำนึกกับนางมาตั้งแต่แรกที่เปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนั่นแล้วก็เป็นได้จ้าวไห่เฉิงจึงวนเวียนลงไปกดปลายจมูกสูดเอากลิ่นกายเนื้อนางเข้าสู่ลมหายใจภายในอกอย่างไม่รู้จักอิ่มรู้จักพอ
ยิ่งเขาสูดดมอารมณ์ของบุรุษวัยฉกรรจ์ก็พลันยิ่งร้อนแรงปะทุเดือดยิ่งจุมพิตก็ยิ่งเพิ่มพูนอารมณ์พิศวาสให้พุ่งทะยานสูงล้ำขึ้นมาอีกรอบ จนเขาลืมจะรอฟังคำตอบที่ตนเองสอบถามนามอันแท้จริงของนางออกไปเมื่อครู่นี้เข้าเสียแล้ว