ตอนที่ 11

1344 คำ
“เอ ที่บอกว่านัดกับเพื่อนไว้ ผู้หญิงหรือผู้ชายล่ะจ้ะ” คุณหญิงอยากรู้ ทำให้ศิลารัณย์แย้มริมฝีปาก “ชื่อนักสิทธิ์ครับ เป็นเพื่อนสมัยเด็กเรียนด้วยกัน” “ใช่ที่เป็นหลานชายของเจ้าสัวไกรศักดิ์นั่นหรือเปล่า” เรื่องแวดวงในธุรกิจ คุณหญิงทราบดี “ใช่ครับ” “ป้าเพิ่งทราบ เขาออกจะรวยนะ เชื้อสายเป็นขุนน้ำขุนนางเก่าทางพ่อก็เชื้อเจ้าต้นตระกูลน่ะเป็นถึงข้าราชบริพารรับราชการในรั้วในวัง” การรู้ดีของคุณหญิง ทำให้คุณผกาแก้วออกอาการเขม่น หมั่นไส้ในใจแต่นางก็ปั้นปรุงใบหน้ายิ้มรับ และนักสิทธิ์เป็นชื่อที่หมายในใจที่คุณหญิงต้องการให้ลูกสาวคบหา แต่ไม่เป็นอย่างนั้น เกศวลีเอนเอียงมาทางลูกชายคนโตของคุณผกาแก้วการรักลูกทำให้คุณหญิงปล่อยตามใจ แต่นางต้องมาเจ้ากี้เจ้าการเรื่องนี้ล่ะ ในฐานะคนเป็นแม่ ที่ต้องการอำนวยความสะดวกทุกอย่างให้กับลูกสาว นางไม่ต้องการให้ใครมาตำหนิเกศวลี ศิลารัณย์ฟังแล้วเรียบเฉยแต่คุณผกาแก้วสีหน้าตึง ดูเหมือนคุณหญิงผอบเดือนจะยกยอฝ่ายนั้นมากกว่าทางหล่อน ทั้งที่มาอยู่เป็นแขกของบ้านนี้ มาอยู่คุยธุระได้ไม่นานแล้วคุณหญิงกับลูกสาวก็กลับ คุณผกาแก้วไม่ได้ออกไปส่ง ศิลารัณย์รุดออกไปก่อนหน้านั้น คือทานข้าวเสร็จ แล้วเขาไปยังสถานที่นัดพบกับนักสิทธิ์ ช้องม่วงอยู่ที่บ้านวันนี้หล่อนไม่ได้กลับค่ำนักแต่ทว่าน้องสาวยังไม่กลับมาเสียทีหล่อนรู้สึกแปลกใจ กับข้าวที่รสชาติแสนอร่อยของโปรดของน้องสาวคนเล็กอีกทั้งหล่อนซื้อ ข้าวของมาไว้ให้น้องสาวบำรุงครรภ์เป็นพิเศษสำหรับคนท้อง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหล่อนดีใจนึกว่าน้องสาวกลับมาแล้ว เมื่อช้องม่วงก้าวออกไปกลับเห็นชายหนุ่มที่มาหยุดยืนนิ่ง อยู่หน้าบ้าน และเมื่อเจอหล่อนนั้นใบหน้าของเขากลับก้มงุดลง หากแต่โทสะของช้องม่วงแล่นริ้วขึ้นมาทันที กับผู้ชายคนนี้หล่อนไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วย เพราะรู้ว่าเป็นใคร “มาทำไม” “ผมมาขอเจอพบหน้ากับทิชา” “ฉันไม่ต้องการให้ทิชามาเจอคนอย่างนาย กลับไปซะที่นี่ไม่ต้อนรับ” คำพูดคำเดียวคือตัดขาด สีหน้าที่เอาจริงจนสิรามเรศรู้คำตอบ แต่เขายังอยากหาหนทางต่อ กัดฟัน อาจจะเรียกว่าดื้อแพ่งก็ตาม “ทิชายังไม่กลับใช่ไหมครับ” หากแต่ไม่มีคำตอบจากช้องม่วง “งั้นผมจะยืนอยู่ตรงนี้รอจนกว่าทิชาจะกลับ” หล่อนคิดว่า นายสิรามเรศต้องการเล่นสงครามประสาทกับหล่อนมากกว่า และจากนั้นช้องม่วงไม่สนใจมากกว่านี้ นอกจากปิดประตูด้านในเงียบ และไม่ออกมาคุยหรือเจรจากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญอีก สิรามเรศที่ยืนอยู่ตามลำพัง เขาได้แต่เกาะรั้วอยู่ด้านนอกบ้านติดกับถนนในซอย แต่ว่าเปล่าประโยชน์เพราะรออีกนานถึงครึ่งชั่วโมง ไม่มีวี่แวว จนเขาเลือกที่จะผละไป ซึ่งเสียงรถที่แล่นเป็นคำตอบ ช้องม่วงรู้แล้วว่าแขกที่ไม่ได้รับเชิญกลับไปแล้ว หล่อนไม่ต้องการให้มาวุ่นวายกับชีวิตน้องสาวของหล่อน หมอนี่ทำแสบสันนัก จนยากที่หล่อนจะยอมรับและให้อภัยต่อผิดพลาดที่ร้ายแรงครั้งนี้ได้ เนื่องจากว่า การที่เขาคบหาน้องสาวของหล่อนเป็นแฟน แต่กลับไปคบกับผู้หญิงอื่นอีกมันเป็นการคบสำรอง ที่หล่อนเกลียดผู้ชายประเภทนี้ อย่างมาก เพราะมีแต่ความว่างเปล่า เสียเปรียบ ฮึ ไปเสียได้ก็ดีผู้ชายคนนั้น ช้องม่วงถอนหายใจ น้องสาวของหล่อน ยังไม่กลับมาอีก ปกติทิชาจะกลับตรงเวลาไม่เถลไถลที่ไหน แปลกที่ไม่มีการโทร.กลับมาของน้องสาวด้วย และนายสิรามเรศก็มาระรานที่นี่แปลกใจอีกอย่างหนึ่งที่หล่อนกลับมาคิดถึงใบหน้าของเขาอีก ผู้ชายคนนั้นหลายวันแล้วที่ไม่ได้เจอ เขาดูอบอุ่น แล้วภาพก็ลอยมาอยู่ในห้วงคิดตรงหน้า ราวกับตัวตนของเขามายืนอยู่ นี่หล่อนเป็นเอามากถึงขนาดเพ้อ ถึงเลยหรือ ช้องม่วงอมยิ้ม ช่วงนี้หล่อนอยู่จัดการกับชีวิตของหล่อนให้เด็ดขาดไปก่อน อย่างน้อยอนาคินทร์ก็ไม่กล้าเฉียดใกล้มาหาหล่อน อนาคินทร์รู้ว่าหล่อนเป็นคนยังไง หล่อนไม่มีญาติผู้ใหญ่คนไหนหลงเหลืออีกแล้ว หากแต่เชื้อสายทางบิดา นั้นมีแต่คุณหมายจันทร์ ที่ไม่ได้ใคร่แวะไปหามานานแล้ว แต่ก็ได้ทราบว่าคุณหมายจันทร์ไม่สบายหล่อนอยากจะไปเยี่ยม แต่ก็รอน้องสาวว่าจะชวนไป แต่ป่านนี้ก็ยังไม่มีวี่แววที่ทิชาจะถึงบ้าน ไม่อยากคิดว่าทิชาจะเถลไถล หรืออาจจะติดค้างเรื่องงาน แต่เป็นสิ่งที่หล่อนไม่เห็นด้วย เพราะทิชากำลังท้อง เพราะในเวลานี้ ทิชาเลิกงานแล้วไม่ได้กลับเสียทีเดียว นวลนิจชวนไปที่พัก ทิชายอมไปอาจจะเป็นเพราะว่าเหนื่อยเพลีย “นั่งอยู่ก่อนนะ ขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” ทิชาพยักหน้าเข้ามานั่งในห้อง ห้องสี่เหลี่ยมไม่แคบมาก นวลนิจอยู่คนเดียว เห็นนวลนิจถอดเสื้อผ้าตรงนั้น ไม่ได้อายทิชา หล่อนมองเห็นหน้าอกที่แฟบอย่างที่เรียกว่าไม้กระดาน นวลนิจไม่ได้อายหล่อน ทิชารู้สึกแปลกๆเหมือนกัน เบือนไปทางอื่น “ทิชาเขินหรือ” “ไม่” “อ้าว แล้วหันไปทางอื่น” นวลนิจถามเพราะอยากเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวที่แอบคิดอะไรลึกๆในใจ “นวลเหมือนผู้ชายหรือเปล่า” “เหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง” “เอ๊ะทำไม” “นวลถามตัวเองดูเถอะ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วสบายใจไม่เป็นไร” “แล้วรับได้หรือเปล่า ที่เราเป็นแบบนี้” “ไม่เป็นไรหรอก” ทิชาตอบโดยไม่หันมามอง “วันนี้ไม่อยากให้ทิชากลับบ้านเลย เรานัดกับเพื่อนไปเที่ยว” คำว่าเที่ยว” ทำให้ทิชาหันขวับมา มันเหมือนคำพูดนี้มีแรงดึงดูด ที่ทำให้หล่อนโบยบินเหมือนนกที่อิสระ นานแล้วที่หล่อนไม่เคยเป็นอย่างนี้ เพราะเป็นนกที่ขังอยู่ในกรงตลอด แต่นั่นหล่อนก็เข้าใจว่าเป็นความห่วงใยพี่สาว “ต้องโทร.บอกพี่ม่วงก่อน” “แน่ใจหรือว่าพี่ม่วงจะให้ไป” นวลนิจคาดเดา “จะบอกตามตรง” “บอกตามตรงยิ่งไม่ให้ไป” นี่นวลนิจจะให้หล่อนปดพี่สาวงั้นหรือ “ทิชาถามตัวเองว่า อยากไปเที่ยวด้วยหรือเปล่า” ทิชาตอบแบบไม่ต้องคิด “อยาก” แต่หล่อนนึกคิดแล้วถ้าจะไป ต้องใช้คำพูดนี้ นวลนิจหันมายิ้มให้ “พี่ม่วง ทิชาอาจจะกลับดึกนะคะ ไปงานปาร์ตี้เลี้ยงวันเกิดของเพื่อน” ปดพี่สาวแล้วก็กลัวใจตัวเองเหมือนกัน ทิชาทำหน้าเนียนไม่พอ ไม่เก่งในเรื่องแบบนี้ กลัวพี่สาวจับได้ ส่วนพี่สาวของหล่อนก็เข้มงวดจอมสังเกต ทำให้ ทิชารีบวางสาย นั่นคือคำพูดของทิชาน้องสาว ที่ช้องม่วงรับฟังในช่วงเวลาเกือบสองทุ่ม ไม่ได้เอ่ยว่าอะไร แต่เห็นว่าแปลก น้ำเสียงน้องสาวดูลนๆแล้วปิดเครื่อง งั้นช้องม่วงต้องอยู่คนเดียว กับข้าวที่หล่อนซื้อมาเผื่อน้องสาวคงทิ้ง เพราะทิชาคงทานมาจากข้างนอก แล้วตัวหล่อนล่ะเงียบเหงาเหมือนกัน การที่น้องสาวไม่ตัดสินใจเข้าบ้าน หล่อนลืมถามทิชาด้วยว่าจะกลับเข้าบ้านกี่ทุ่ม ทำให้หล่อนอยากขับรถไปเยี่ยมคุณหมายจันทร์ด้วย แต่ก็ตัดสินใจแล้วว่า จะไปหา เพียงดาหวันพี่สาวก่อน ไปเยี่ยมหลานชายอยู่คุย เจอนุดลหล่อนก็จะถามคำถามบางอย่างจากเขาอีก เพื่อจะได้รู้ว่า นุดลได้ทำตามที่หล่อนต้องการไหม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม