“พรุ่งนี้ทำงานมั๊ย” หล่อนถามน้องสาว
“ไม่ค่ะ ทิชาขอลาหยุดสามวัน”
นี่คือปัญหาที่หาทางออกไม่ได้ หรือว่าน้องสาวของหล่อนไม่พาตัวเองออกจากปัญหา
ความรักนี่นะ วัยรุ่น ก้าวพลาด
“พี่เคยบอกเคยเตือนเราแล้วหลายครั้งเรื่องนี้” ช้องม่วงไม่อยากกล่าวซ้ำ
“แต่ตอนนี้ทิชาเรียนใกล้จะจบแล้วนี่คะ”
ทิชาจำได้ว่าหล่อนเคยมาขอพี่สาว ในเรื่องขอมีคนรัก แต่หล่อนมองดูคนผิดไป ไม่นึกว่า สิรามเรศจะเป็นแบบนี้ ห่วงใยปากท้องดีกว่า
“หิวข้าวแล้วหรือยัง”
“ไม่เลยค่ะ” ยังปฏิเสธทั้งๆที่ใบหน้าซีดจมอยู่ที่เก้าอี้ตัวเดิม
“ลุกไหวก็เดินได้นะทิชา ออกกำลังแขนขาไป”
น้องสาวไม่หิวข้าว ช้องม่วงลุกจากตรงนี้ เพื่อขึ้นไปที่ห้องของหล่อน
คุณเพียงดาหวันทราบเรื่องที่น้องสาวกระทำไปแล้วกับสามี เพราะช้องม่วงต้องการช่วยหล่อน หล่อนกลายเป็นคนที่ไม่มีปากมีเสียง เพราะระแคะระคายจากสามีตัวดีนั่นหรอก ถึงต้องทำอย่างนี้ หล่อนอยู่ที่บ้านคนเดียว มีคนใช้อยู่สองสามคน
นุดลไม่ให้หล่อนทำงานทั้งๆที่หล่อนอยากช่วยงานของเขา เหตุเกิดเข้าจนได้ เพราะหล่อนปล่อยปละ เขามักไปที่สนามกอลฟ์บ่อย ที่นั่นกับเพื่อนฝูง แว่วข่าวในระยะหลังเขาไปติดพันผู้หญิงที่นั่นด้วย
หล่อนไม่เคยเห็นหน้า จุดเริ่มต้นที่หล่อนกังวล
แต่หล่อนไม่กล้าโวยวาย หล่อนทำไม่เป็น หล่อนสงบเสงี่ยมเรียบร้อยเกินจะทำเรื่องแบบนี้ แต่ช้องม่วงฟิวส์ขาด ก็ไปจัดการให้ ผลเกิดขึ้นแน่ คอยดูหน้าตาของสามีตัวดีที่เขากลับมาจากที่ทำงาน
หล่อนรู้นี่คือเรื่องครอบครัวไฟในไม่ควรนำออกและไฟนอกก็ไม่ควรนำเข้า
ครั้นเมื่อนุดลกลับจากที่ทำงานเขาหน้าตึงหลังจากลงจากรถตู้คันหรูระบบเปิดปิดด้วยไฟฟ้า เขาไม่มองหน้าหล่อน แต่เขาเดินเลยไปเลย และขึ้นห้องด้วยซ้ำ
*********
ทิชาไปหาหมอตามที่นัดตรวจเมื่อเช้ามีพี่สาวเป็นคนขับรถให้ ช้องม่วงติดตามดูแลตลอดและนึกถึง อนาคินทร์ คือคนรักของหล่อนเขาคงไม่ทำให้หล่อนปวดกะโหลกกับเรื่องแบบนี้ เขาเป็นนายแบบ หล่อนรู้ว่าเขารักหล่อนมาก และหล่อนก็รักเขาไม่น้อย
และคำสัญญาของทั้งคู่ที่หมั้นและจะแต่งงานกันคงอีกไม่นาน ช้องม่วงรู้ตัวว่าหล่อนต้องเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว พอๆกับรีบปรับปรุงบ้านของตัวเองและหล่อนก็มีบ้านของตัวเองแล้วจะใช้เป็นเรือนหอสำหรับรักที่แสนหวานเกิดขึ้น
หล่อนพบเจอใครอีกคนที่ทำให้ตัวเองหน้าเสีย แต่ดีที่ทิชาเข้าไปพบหมอแล้วถ้าจำไม่ผิดมันแน่ทิชาเคยให้ภาพถ่ายแก่หล่อนดูมันไม่ได้มาคนเดียวมีผู้หญิงคนหนึ่งที่จูงมือมาด้วยอย่างระมัดระวัง ผู้ชายคนนี้เจ้าชู้ฉกาจหล่อนเบี่ยงตัวเองหลบมาให้พ้น
“พาแฟนมาหาหมอใช่ไหมคุณกอล์ฟ”
เสียงทักนั่นทำให้รู้ว่าเจ้าหน้าที่รู้จักผู้ชายคนนี้ดีตามที่หล่อนคิดเลยและมีสิริดารายืนเคียงแฟนหนุ่มเขาแค่ต้องการความมั่นใจว่า หล่อนท้องหรือไม่ท้อง แต่เขาก็รับผิดชอบ เขาจะแต่งงานกับหล่อน เพราะตระเตรียมวางแผนไว้แล้วใหญ่โตและอลังการ
“สิเจ็บไหม” เขาถามหล่อนด้วยความเป็นห่วง
“เจ็บนิดค่ะ”
“เดี๋ยวเข้าหาหมอ คงบอกเองว่า สิเป็นอะไร”
“ถ้าเกิดสิ ไม่ท้องล่ะคะ”
“ไม่ท้องก็ไม่สิจ้ะแต่พี่มีปัญญาทำให้สิท้องแน่ไม่ต้องกลัว”
เขาตอบเป็นเชิงเรื่องขำๆ
แต่อีกคนที่นิ่งฟังด้วยกลับไม่ขำหล่อนหมั่นไส้เสียเต็มประดากับอาการหวานจู๋จี๋แบบไร้กาลเทศะของนายกอล์ฟหรือสิรามเรศ พลางนึกถึงใบหน้าของน้องสาวหล่อนที่มันทิ้งขว้างที่บอกว่ารักนักรักหนาจะให้พ่อแม่มาสู่ขอมันก็แค่ลมชั่วๆพ่นจากปากมัน
ช้องม่วงฟังแบบนี้ของขึ้นทันทีเลย เรียวปากของหล่อนเม้มไว้แน่น กำลังหาทางทำอะไรบางอย่าง ที่ทำให้ทั้งคู่เกิดอับอาย
แต่หล่อนเปลี่ยนใจดีกว่าทิชาอยู่ในนี้ด้วยกลัวน้องสาวเกิดความอับอาย หล่อนอยากรู้ ทำไมทิชาต้องมาเจอและนัดหมอที่นี่
รู้มาก่อนหรือเปล่าว่าไอ้ผู้ชายแสนเลวที่ทิ้งขว้างไม่รับผิดชอบ มันมาที่นี่ด้วยหล่อนไม่ต้องการให้มันมาตอกย้ำ ความเจ็บปวดแก่น้องสาวของหล่อน นับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนที่ช้องม่วงจะเลี่ยงไปทางอื่น
“รู้ไหม มันมาที่นี่”
คำถามแรกที่ช้องม่วงให้กับน้องสาว ทิชาผลเช็คจากการอัลตร้าซาวด์ ลูกในท้องเป็นผู้ชายและแข็งแรงดี สีหน้าของทิชาเหมือนคนอ่อนเพลีย อยากจะกลับบ้าน
“แต่มันไปแล้ว”
“แล้วทิชาไม่รู้หรือไงว่ามันเคยมาที่นี่ใครแนะนำทิชามาที่นี่” หล่อนต้องถามน้องสาว คนไม่สบายตอบเสียงแหบแห้ง ราวกับน้ำเสียงไม่หลุดออกมา แต่พอได้ยิน
“เพื่อนค่ะเพื่อน”
“ต่อไป พี่ไม่อยากให้ทิชามาที่นี่อีก”
“ทำไมคะ”
“เหม็นหน้าหมอนั่นพี่ไม่ชอบที่มันทำร้ายทิชาน้องพี่แล้วมายืนลอยนวลอยู่”
ทิชาเจ็บเมื่อพี่สาวพูดเรื่องนี้ มันเกี่ยวด้วยหรือ หล่อนก็ไม่เคยรู้ว่า สิรามเรศจะมาที่นี่ คงเป็นเพราะเพื่อนต่อเพื่อน บอกต่อกันมาว่าบริการที่นี่ด้วย ทิชาปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเพื่อนของหล่อน นั้นเป็นกลุ่มเพื่อนของสิรามเรศ
“พี่อยากให้ทิชา ย้ายคลีนิก”
“ถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ”
“อย่างนั้นล่ะ” ช้องม่วงมั่นใจ
สองทุ่มอนาคินทร์โทร.มาหาหล่อนวันที่ช้องม่วงเลือกที่จะไม่ไปงานหล่อนตัดงานเพื่อน้องสาวทั้งวันอยู่กับทิชาพูดปลอบโยน จนทิชาเข้าใจ หล่อนต้องการให้ทิชาแข็งแกร่งคิดว่าทำได้สายหลุดไปแล้วเพราะหล่อนไม่รับที่ไม่รับช้องม่วงกำลังอาบน้ำ
ขณะที่ฝ่ายคนรอคอยกระวนกระวาย เป็นแบบนี้บ่อยครั้ง เขารู้ดี กระทั่งอีกสิบห้านาทีถึงโทร.มา ช้องม่วงอาบเสร็จและนุ่งผ้าเช็ดตัว หญิงสาวเดินเลยไปที่มือถือวางไว้บนเตียง หูหล่อนแว่วได้ยินเสียงมือถือ เปิดเช็คเบอร์ ปรากฏว่าเป็นของอนาคินทร์
“คินทร์ ม่วงขอโทษ อาบน้ำอยู่จ้ะ”
คำตอบจากหล่อนเขาค่อยใจชื้น
“นึกว่า ม่วงไม่อยากจะรับสายคินทร์เสียแล้ว”
เขาตัดพ้อแกมน้อยใจ
“ไม่ได้หัวล้านสักหน่อย นี่คินทร์น้อยใจเหรอ”
ช้องม่วงเย้าแหย่ ตามประสาที่หล่อนเอ่ยกับคนรักได้ เป็นทุกครั้ง จะว่าไปอายุวัยของหล่อนมากกว่าเขา ถึงสี่ปี นี่เป็นรักข้ามรุ่น แต่หล่อนก็พยายามลด และทำตัวเองให้เด็กหน้าตาของหล่อนเด็กได้แต่วัยไม่ยอมเด็กด้วยยิ่งความสูงของหล่อนมากกว่าเขาด้วย ไม่งั้น หล่อนจะเป็นนางแบบเหรอ
“ว่าง อยากจะชวนม่วง”
หล่อนเหลือบมองดูนาฬิกา
“ม่วงเพลียดึกแล้วนะคะ สองทุ่ม”
เป็นอันว่าหล่อนปฏิเสธเขา เขาเงียบไป
“วันหลังได้ไหมคะ” แค่นี้เขาก็ได้คำตอบ
“ได้ครับ”แล้วเขาปิดสายหล่อนไม่รู้ความคิดเขาเป็นอย่างไร หล่อนอาจจะผิดที่ปฏิเสธคนรัก แต่ว่าหล่อนก็เคยไปไหนมาไหนกับเขาหลายครั้งชวนกันไปทานอาหารหรือชายทะเล แถมด้วยการช็อปปิ้งแต่ช่วงหลังนี้หล่อนมีเรื่องรับผิดชอบคนในครอบครัว น้องสาวที่หล่อนจะปล่อยทิ้งไม่ได้พี่สาวอีกล่ะทำให้ต้องเป็นแบบนี้ เขาควรจะเข้าใจหล่อนถึงถูก
เมื่อช้องม่วงปฏิเสธ เขาจึงมาที่สถานที่แห่งนี้ หล่อนรอเขาอยู่นานแล้ว พอเขาตกปากว่าจะมาหล่อนเตรียมรอท่าชุดสีน้ำเงินของหล่อนอยู่เบื้องหน้า อวดสีผิวขาวปลั่ง ซึ่งเขามองจ้องแทบจะมองเห็นอะไรที่อยู่ข้างใน หล่อนเดินเข้ามาคลอเคลียเขา กอด
“นึกว่าจะไม่มาเสียแล้วค่ะ”
“ไม่มาไม่ได้ คิดถึงนีน่า”
เขายิ่งกอดหล่อน มองเข้าไปถึงดวงตาสัมผัสรัดรึงของเสน่หาที่ลุกโชนกายมากกว่าเสน่หาธรรมดาแต่มันกลายเป็นความใคร่ที่ต้องการตอบสนอง นันทิกากระหยิ่มยิ้มหล่อนพอใจกับคำตอบและที่ได้ผู้ชายคนนี้มาศิโรราบแทบเท้า