บทที่ 2

1593 คำ
  หกปีต่อมา...   อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในเมือง S:   หลังจากจีน่าเซียวทานอาหารเช้าเสร็จ เธอก็เพียงแต่งหน้าบางๆ และขอให้เจ้าตัวน้อยของเธอจูบอวยพรก่อนออกจากบ้าน   “แม่คะ แม่ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อการสอบสัมภาษณ์ในวันนี้นะคะ”   “ไม่ต้องห่วง แม่จะพยายามให้เต็มที่ วันนี้แม่บุญธรรมของหนูจะพาหนูไปโรงเรียนกวดวิชา แม่จะไปรับหนูหลังสอบสัมภาษณ์เสร็จ เป็นเด็กดีนะ”   “หนูจะรอฟังข่าวดีของแม่หนู โปรดอย่าทำให้หนูผิดหวังนะคะ” เรนนี่น้อยเตือนเธอด้วยน้ำเสียงจริงจังราวกับเธอเป็นผู้ใหญ่ในร่างเด็ก   หลังจากพาเรนนี่น้อยไปแล้ว จีน่าเซียวก็นั่งแท็กซี่ไปโรงพยาบาลเอเวอร์ไบรท์ โรงพยาบาลเอเวอร์ไบรท์เป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศ จีน่าเซียวใฝ่ฝันที่จะทำงานที่นี่มาตลอด   เธอสอบผ่านทุกอย่าง และเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการสอบสัมภาษณ์ ที่ต้องผ่านการสอบข้อเขียนมาก่อน จีน่าเซียวเตรียมตัวมาพร้อมแล้วสำหรับการสอบสัมภาษณ์ในวันนี้ เธอจึงมั่นใจว่าเธอจะผ่านฉลุย   จีน่าเซียวต่างจากผู้สมัครคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้านนอกห้องสอบสัมภาษณ์อย่างตื่นเต้น จีน่าเซียวสุขุมกว่ามาก แต่บรรยากาศที่ตึงเครียดอาจเป็นตัวแปรได้ เมื่อใกล้จะถึงคิวของเธอ เธอก็ไปเข้าห้องน้ำมาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน   “ตอนนี้ผมอยู่ในเมือง S... โอเค เจอกันพรุ่งนี้”   เสียงทุ้มลึกที่น่าหลงใหลของชายที่อยู่นอกห้องน้ำนั้นฟังดูคุ้นหูมาก เมื่อจีน่าเซียวได้ยินเสียงนี้ เธอตกตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่า เธออึ้งไปครู่หนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วรีบวิ่งออกไป แต่ก็เห็นเพียงคนร่างสูงหายวับไปตรงสุดทางเดิน   เธอวิ่งไปสองสามก้าวเพื่อจะตามเขาให้ทัน แต่ในวินาทีต่อมา เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง   เป็นไปได้ยังไง   เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง   จีน่าเซียวพยายามสงบสติอารมณ์และกลับไปรอนอกห้องสอบสัมภาษณ์ เมื่อเธอกลับมา สาวๆ ที่กำลังรอสอบสัมภาษณ์พร้อมเธอกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับบางเรื่องอย่างครึกครื้น   “เธอเห็นผู้สัมภาษณ์ที่เพิ่งเข้ามาหรือยัง เขาหล่อมาก!”   “เห็นสิ แต่เขาดูไม่เหมือนหมอเลย เขามาเป็นผู้สัมภาษณ์ที่นี่ได้ยังไง”   “สำคัญด้วยหรือ ตราบใดที่เขาดูดี อย่าลืมมองดูใกล้ๆ ตอนเธอเข้าไปข้างในนะ”   ...   พวกเธอตื่นเต้นมากจนหยุดคุยกันไม่ได้ จีน่าเซียวไม่อยากฟังเลย แล้วในที่สุดก็ถึงคิวของเธอ เธอสูดหายใจลึกๆ แล้วผลักประตูเดินเข้าไป   แต่ทันทีที่เธอเข้ามา เธอก็ต้องฝืนยิ้ม เขาต่างจากผู้สัมภาษณ์คนอื่นๆ ที่สวมเสื้อคลุมสีขาว ในขณะที่เขาสวมสูทสีดำดูสะดุดตาเป็นพิเศษ   เธอมองดูใบหน้าเขาและดูเหมือนว่าไม่เปลี่ยนไปเลย เค้าโครงที่หล่อเหลา ดวงตาสีดำ และริมฝีปากบาง แต่ก็ดูเหมือนว่าทุกสิ่งเปลี่ยนไปเช่นกัน   ชื่อที่เธอเคยคุ้นหู เธอยังติดใจอยู่นานหลายวินาที ก่อนจะประจักษ์แก่เธอ   อีสันลู่...   เป็นเขาจริงๆ แต่เขาไม่ได้เป็นซีอีโอบริษัทข้ามชาติของตระกูลลู่หรอกหรือ ทำไมเขาถึงมาที่นี่   จีน่าเซียวยืนโง่ๆ อยู่ตรงนั้น แล้วดวงตาของเขาก็ฉายผ่านหน้าเธอไปอย่างเฉยเมย เขาไม่อยากเจอดวงตาสีดำที่เย็นชาและจ้องจับผิดคู่นั้น แต่เธอเจ็บใจเพราะสิ่งอื่น   อย่างไรก็ดี ตรงข้ามกับเธอที่รู้สึกตกใจ ดูเหมือนเขาไม่รู้สึกแปลกใจเลย หลังจากนั้น ดวงตาของเขาช่างเย็นชาเหลือเกิน ดูเหมือนเขาไม่ไยดีที่เธอลำบากใจในตอนนี้ หรือบางทีอาจเป็นธรรมดาอยู่เองที่จีน่า เซียวผู้ที่หายไปหกปีจะเป็นเพียงคนแปลกหน้าสำหรับเขา   จีน่า เซียวค่อยๆ เดินไปตรงกลาง เธอโค้งคำนับพวกเขาและพูดว่า "สวัสดีค่ะ ผู้สัมภาษณ์ ดิฉันชื่อจีน่าเซียว"   การสอบสัมภาษณ์ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว คำถามระหว่างการสัมภาษณ์จะเกี่ยวกับภาคปฏิบัติ อย่างเช่น วิธีรับมือหากเกิดอุบัติเหตุในการผ่าตัด วิธีคิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับผู้ป่วย และวิธีจัดการกับแผนการรักษาในแต่ละเคส   จีน่าเซียวมีความรู้ทางวิชาชีพมากเกินพอที่จะรับมือกับคำถามเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย เธอควรจะตอบได้อย่างคล่องแคล่วและมั่นใจ แต่เธอเสียสมาธินิดหน่อยเพราะมีชายคนนั้นอยู่ด้วย   หลังจากได้ยินคำตอบของเธอ หัวหน้าผู้สัมภาษณ์ก็พยักหน้าและกระซิบให้กันราวกับว่าพวกเขาจำเธอได้ จีน่า เซียวแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอคิดว่าการสัมภาษณ์กำลังจะจบลง แต่อีสันลู่พูดโพล่งขึ้นมาว่า   “ทำไมตอนนั้นคุณถึงเลือกที่จะเป็นหมอ”   จีน่าเซียวมองตรงไปยังดวงตาของเขา หัวใจของเธอเต้นเร็วมากราวกับว่ากำลังจะเด้งออกมา   ทำไมเธอถึงเป็นหมอตั้งแต่แรก   ถ้าเธอบอกเขาว่าเป็นเพราะเขาล่ะ   จีน่าเซียวจับมือที่สั่นเทาของตัวเองไว้แน่น เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ทันทีที่ตอบออกไป เธอจึงแสร้งทำเป็นสุขุม ทั้งๆ ที่ว้าวุ่นใจ   เธอมีคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคำถามนี้ แต่ในขณะนี้ ความคิดของเธอว่างเปล่า เธอไม่สามารถควบคุมใจที่ว้าวุ่นของตัวเองได้   "เพราะ...เพราะ...การเป็นหมอสามารถช่วยชีวิตและรักษาอาการบาดเจ็บได้ค่ะ"   ทันทีที่เธอพูดเช่นนี้ออกไป หัวหน้าผู้สัมภาษณ์หลายคนหัวเราะในมุกตลกนี้ แต่เขาไม่ขำด้วย ดวงตาที่เย็นชาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าซีดเผือดของเธอ ทำให้จีน่า เซียวอึดอัดใจ เขาถามขึ้นทันใดนั้นว่า   “คุณคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นหมอคืออะไร”   จีน่า เซียวกัดริมฝีปากของตัวเองแน่นราวกับว่าเลือดจะไหลออกมา เธอพูดสองคำด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “จรรยาบรรณแพทย์”   "คุณมีสิ่งนั้นหรือไม่"   เขาดุดันมาก เมื่อเขาหลุดพูดออกมาเช่นนี้ บรรยากาศจึงเริ่มอึดอัด ผู้สัมภาษณ์ที่กำลังหัวเราะอยู่ตอนนี้กลับจริงจังและอยู่ฝ่ายเดียวกับเขาอย่างมีสติ   จีน่าเซียวคอตก เธอแอบบิดมุมเสื้อเชิ้ตของตัวเอง เธอตอบคำถามนี้ไม่ได้   อีสันลู่ยิ้มอย่างเย็นชาและโยนโปรไฟล์ของเธอลงในถังขยะ “คนที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอมีจรรยาบรรณแพทย์จะกล้าทำงานเป็นหมอได้ยังไง ไร้สาระ!”   "ฉันมี!" จีน่าเซียวโพล่งออกมา "ฉันสามารถเป็นหมอที่ดีได้!"   "จริงหรือ" อีสันลู่เย้ยหยัน “คุณเซียว คุณคิดว่าคนที่สามารถทอดทิ้งคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้สมควรได้เป็นหมอจริงๆ หรือ”   ประโยคนี้เหมือนเธอถูกกระชากหัวใจ มันเจ็บปวด เจ็บปวดจริงๆ ในช่วงหกปีที่ผ่านมาสิ่งสุดท้ายที่เธอกล้าหวนคิดถึงคือภาพจำตอนที่เขานอนบาดเจ็บสาหัสอยู่บนเตียง   มือของเธอยังคงกำหมัดแน่น แต่เธอยังคงกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เวลานี้เธอแทบรอไม่ไหวที่จะหายตัวไปในบัดดล   บรรยากาศเงียบสนิท ไม่มีใครกล้าส่งเสียง มีแต่ความเงียบงันซึ่งดูเหมือนว่าจะยินเพียงเสียงร่ำไห้ของจีน่า เซียวเท่านั้น   อีสัน ลู่ขมวดคิ้ว เธอร้องไห้ได้ยังไง เธอร้องไห้ตั้งแต่เธอทิ้งให้เขาเกือบตายจากการช่วยชีวิตเธออย่างนั้นหรือ ใจเด็ดขนาดนั้นเลยหรือ   “ผมคิดว่าคุณเซียวเหมาะที่จะเป็นนักแสดงมากกว่า” อีสัน ลู่พูดอย่างไม่เห็นใจไยดี “คนต่อไป!”   จีน่าเซียววิ่งออกไปในสภาพยุ่งเหยิง ก่อนจะมาถึง เธอมั่นใจเหลือเกินว่าจะรับมือกับเหตุบังเอิญต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในการสอบสัมภาษณ์ได้ แต่ปรากฎว่าเหตุบังเอิญทั้งหมดที่เธอคิดถึงก่อนหน้านี้ไม่ได้รวมถึงเขา เขามักจะเป็นตัวเปลี่ยนเกมที่เธอไม่สามารถเอาชนะในเชิงตรรกะได้   จีน่าเซียวเดินโซเซไปยังห้องน้ำ เปิดก๊อกน้ำ และล้างหน้าของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอรู้สึกอ่อนแรงไปทั้งตัวและนั่งพิงกำแพง น้ำหยดลงบนหน้าของเธอทีละหยด เธอไม่รู้เลยว่าเป็นน้ำหรือน้ำตาของเธอกันแน่   จีน่าเซียวอยู่ในห้องน้ำนานมากก่อนที่เธอจะกลับมาเป็นปกติ จากนั้นเธอก็เร่งฝีเท้าและพยายามหนีไปจากที่แห่งนี้ แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งหยุดเธอไว้ขณะที่เธอเพิ่งเดินไปถึงประตูโรงพยาบาล   “สวัสดีครับ คุณนายเซียว ผมชื่อ เว่ยหลินเป็นผู้ช่วยของประธานลู่ ประธานลู่ต้องการคุยกับคุณตามลำพังครับ”   อีสันลู่กำลังมองหาเธออยู่หรือ   “ฉันไม่เล่นเกมต่อแล้ว ไม่จำเป็นอีกต่อไป” ดูเหมือนว่าเธอจะโพล่งออกมาตามสัญชาตญาณ โดยไม่ได้คิดให้รอบคอบ และเธอก็รีบเดินผ่านเว่ย หลินไป   “คุณนายเซียว” เว่ย หลินเรียกเธออีกครั้ง “มันขึ้นอยู่กับประธานลู่คนเดียวว่าจะให้คุณเล่นเกมต่อหรือไม่ ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่ปฏิเสธ”   หมายความว่านี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม