บทที่ 3 หมั่นไส้
/ที่นาราได้ข่าวมามันจริงหรือเปล่าเคล/
เสียงหวานถามมาตามสายทันทีที่เคลลี่กดรับโทรศัพท์ เหลือบมองดูนาฬิกาก็เพิ่งจะ 8 โมงเช้า ทำไมแฟนสาวถึงได้โทรมาตอนนี้
/เรื่องอะไรเหรอนารา เคลไม่เห็นรู้เรื่องเลย/
น้ำเสียงงัวเงียบตอบออกไปพร้อม ๆ กับหยัดตัวลุกขึ้นนั่งบนที่นอน
/ก็เรื่องที่ว่าเคลกำลังกิ๊กกับเด็กปี 1 คณะเดียวกันน่ะสิ ใครต่อใครพูดกันให้ทั่วไปหมดว่าเคลกับเด็กนั่นนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด/
เรื่องที่นาราถามนั้นเขาฟังแล้วก็ไม่ตกใจเท่าไหร่ เพราะพึ่งเปิดเทอมมีกิจกรรมใหม่ ๆ เข้ามาหลายอย่างเลยทำให้ยังไม่ได้เจอหน้าเธอมาเกือบอาทิตย์แล้วตั้งแต่มหาวิทยาลัยเปิด คงจะมีข่าวแว่วไปเข้าหูเธออยู่บ้างเรื่องที่ตัวเองต้องไปรับไปส่งตะวัน
/นารา ถ้าเรื่องนั้นสบายใจได้เลย ยัยเด็กตะวันนั่นเป็นลูกของเพื่อนสนิทพ่อเคล แล้วบังเอิญย้ายมาอยู่ข้างบ้านเมื่อไม่นานนี่เอง พ่อเคลเห็นว่าเด็กนั่นยังไม่มีรถก็เลยให้เคลไปรับไปส่งก่อน/
เคลลี่อธิบายเหตุการณ์ไปตามความเป็นจริง อีกอย่าง ในสายตาของเขาไม่เคยมองตะวันเหมือนอย่างมองนาราเลยสักครั้ง มันจะไปกิ๊กกันได้ยังไง
/เคลพูดจริงนะ/
หญิงสาวปลายสายยังคงถามย้ำเพื่อความแน่ใจ
/จริงสิ เคลรักรานาแค่คนเดียวนะ เอางี้ งั้นเลิกเรียนเคลไปรับนาราดีไหม แต่ต้องพาตะวันไปด้วยนะเพราะเคลต้องมาส่งยัยนั่นที่บ้านน่ะ/
/ก็ได้ นาราเชื่อเคลก็ได้ ถ้างั้นเย็นนี้นารารอเคลที่หน้าตึกนะ/
/ได้เลยครับ/
หลังจากวางสายเคลลี่ก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อที่จะไปมหาวิทยาลัย วันนี้เขานัดตะวันไว้ 9 โมงเช้าเพราะทั้งคู่มีเรียนตอน 11 โมง
9 โมงเช้า
“ตรงต่อเวลาก็เป็นนี่”
ตะวันพูดขึ้นเมื่อเธอยัดตัวเองเข้ามานั่งในรถของเคลลี่เรียบร้อย เพราะตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่ว่าเขาจะนัดเธอไว้กี่โมง หรือเธอนัดเขาก็ตาม ไม่เคยมีสักครั้งที่เคลลี่จะมาตรงเวลา
“เป็นแค่คนอาศัยรถคนอื่นมีสิทธิพูดด้วยเหรอ”
ดวงตากลมโตเหลือบมองคนที่ประจำอยู่ที่นั่งคนขับด้วยสายตาที่ไม่พอใจ ผู้ชายอะไรปากเสียชะมัด..
“ถ้างั้นหนูไปพูดกับลุงคาร์ลดีกว่าว่าพี่มารับหนูช้าทุกวัน เกือบจะทำให้หนูไปเรียนสายตลอด”
คำขู่ของคนตัวเล็กทำเอาเขาต้องตวัดสายตาคมกริบลงมามองอย่างหัวเสีย ก็เพราะพ่อของเคลลี่เอ็นดูตะวันยิ่งกว่าอะไร ถ้าขืนรู้ว่าเขามารับเธอสายตลอดมีหวังโดนบ่นจนหูชา
“เย็นนี้โทรบอกพ่อกับแม่เธอด้วยว่าจะกลับช้านิดหน่อย”
“ทำไมอะ”
“แล้วทำไมต้องอยากรู้เหตุผล”
“เอ้า! หนูก็ต้องมีเหตุผลไปบอกพ่อกับแม่หรือเปล่าว่าทำไมถึงกลับช้า เผื่อพี่มีแผนจะพาหนูไปฆ่าทิ้ง พ่อกับแม่จะได้ตามหาได้ทันเวลา”
เป็นอีกครั้งที่ชายหนุ่มเจ้าของรถตวัดหางตามามองคนที่นั่งข้าง ๆ ด้วยความหงุดหงิด ตั้งแต่เธอย้ายมาอยู่ข้างบ้านชีวิตเขาก็ไม่เคยได้พบเจอความสงบอีกเลย
“ฉันจะไปรับแฟน เธอก็ต้องไปด้วย ไปส่งแฟนฉันเสร็จแล้วค่อยกลับบ้าน”
“อ๋อ..ติดหญิงนี่เอง”
ตะวันมักจะชอบกวนให้เขาโมโหอยู่ตลอด บางครั้งก็ไม่อยากถือสา แต่บางครั้งก็อยากเขกหัวลงไปแรง ๆ สักที
“จะติดใครมันก็เรื่องของฉัน ดีกว่าผู้หญิงอย่างเธอก็แล้วกันแหละ ชาตินี้จะมีคนมาจีบหรือเปล่าก็ไม่รู้ อายุ 19 แต่ตัวเท่าเด็กประถม เห็นโตอยู่อย่างเดียวนั่นแหละ”
คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยสายตาเอาเรื่อง แต่ตะวันกลับเห็นว่าเคลลี่กำลังจ้องมองบางส่วนในร่างกายของเธออยู่ ซึ่งไม่ใช่ใบหน้า
“ลามก มีสิทธิ์อะไรมามองนมคนอื่น”
ตะวันพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือขึ้นมาปิดส่วนนูนของร่างกายตัวเองเอาไว้
“ก็มันเด่นกว่าส่วนอื่น”
ระหว่างทางตะวันกับเคลลี่ก็เถียงกันไม่หยุดจนมาถึงมหาวิทยาลัย ร่างเล็กเปิดประตูลงจากรถด้วยความเร็วแสงแล้วก็เดินกระทืบเท้าปึงปังเข้าไปในตึกคณะ ส่วนทางด้านชายหนุ่มดูท่าจะชอบใจที่วันนี้สามารถยั่วโมโหเธอได้สำเร็จ
4 โมงเย็น
“ใครให้เธอนั่งตรงนี้ ลงไปนั่งเบาะหลังนู่น บอกแล้วไงว่าฉันจะไปรับแฟน”
เสียงทุ้มพูดจาไม่เข้าหูคนฟังพูดขึ้นเมื่อเห็นตะวันนั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ
“ชิ ทำตัวน่าหมั่นไส้ชะมัด”
“ถ้าเธอว่าฉันอีก ฉันจะให้เธอกลับเอง”
ตะวันบ่นมุบมิบกับตัวเองเพียงเบา ๆ แต่ว่าคนข้าง ๆ กลับหูดีขึ้นมาซะงั้น
“ถ้านาราขึ้นมาบนรถแล้วก็ช่วยนั่งเงียบ ๆ สงบปากสงบคำด้วยนะ ถ้าไม่อย่างนั้น..”
“ถ้าไม่อย่างนั้น ฉันจะให้เธอกลับเอง รู้แล้วล่ะน่า ย้ำอยู่ได้”
สองคนนั่งรอนาราอยู่ในรถสปอร์ตสีดำเหลืองของเคลลี่ ไม่นานหญิงสาวผู้เป็นที่รักของชายหนุ่มก็เดินนวยนาดมาขึ้นรถ
ตะวันมองดูนาราอย่างไม่ละสายตา เธอทั้งสวยและเซ็กซี่ ไม่แปลกที่คนอย่างเคลลี่จะไปหลงรักเธอ จะว่าไปสองคนนี้ถ้าดูจากภายนอกก็เหมาะสมกันดี แต่ถ้าภายในแล้ว ไม่น่ามาหลงกลอิตานี่เลย
“ชื่อตะวันเหรอจ๊ะ”
นาราถามขึ้นระหว่างทางที่กำลังไปส่งเธอที่บ้าน
“ใช่ค่ะ ชื่อตะวันค่ะ”
ตะวันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าตอนที่พูดกับเคลลี่อย่างเห็นได้ชัด
“ตะวันจ๊ะ รู้ใช่ไหมว่าเคลลี่กับพี่ เราสองคนเป็นแฟนกัน”
คำถามของหญิงสาวทำเอาตะวันชักไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์คืออะไรกันแน่ แต่เธอก็พยายามเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
“รู้ค่ะ พี่เคลบอกหนูแล้วว่าพี่นาราเป็นแฟนพี่เคล”
เธอตอบไปตามความเป็นจริง แต่เหมือนมีแวบหนึ่งที่ตะวันเห็นใบหน้าสวย ๆ นั้นยกยิ้มมุมปากอย่างคนที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเธอนัก
“รู้แล้วก็ดีจ้ะ แล้วพี่ก็จะบอกไว้อีกอย่างนะ ว่าเคลเขารักพี่มาก ผู้หญิงคนอื่นนี่หมดสิทธิ์ที่จะมาแย่งเลยล่ะจ้ะ”
ฟังมาถึงตรงนี้ทำให้ตะวันเริ่มมั่นใจว่า ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับนั้นกำลังคิดว่าเธอจะไปแย่งอิตาพี่เคลนี่มาจากเธอ
“หนูว่าพี่นาราไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ คงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะสร้างเวรสร้างกรรมติดตัวเหมือนพี่แล้วล่ะค่ะ โดยเฉพาะหนู”
พูดเสร็จตะวันก็เบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่างรถแทน ปล่อยให้เคลลี่พูดสงบสติอารมณ์ของแฟนสาวที่กำลังจะเดือดใส่เธอแทน
“คืนพรุ่งนี้อย่าลืมมารับนาราตามนัดนะเคล”
เมื่อรถจอดหน้าคอนโดใจกลางเมือง นาราก็พูดกับแฟนหนุ่มก่อนที่จะลงจากรถ
“ไม่ลืมแน่นอน พรุ่งนี้นาราแต่งตัวสวย ๆ รอเลยนะ”
เมื่อร่ำลากันเสร็จตะวันก็ย้ายมานั่งข้างหน้าคู่คนขับแทน รถของเคลลี่วิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ก็แน่ใจ แต่มันเร็วมาก เร็วกว่าทุกวันที่ตะวันเคยนั่ง จนเธอต้องเอ่ยปากทักท้วง
“นี่พี่จะขับเร็วอะไรขนาดนี้ เบา ๆ ลงหน่อย มันน่ากลัวรู้มั้ย”
“แล้วใครใช้ให้เธอไปต่อปากต่อคำกับนาราล่ะ”
อ่อ..ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่นี่คือโมโหที่เธอไปต่อล้อต่อเถียงกับแฟนสาวสุดเอ็กซ์ของตัวเองสินะ
“แล้วใครใช้ให้แฟนพี่พูดจาไม่เข้าหูก่อนล่ะ หวงอย่างกับหมาหวงกระดูก ไม่รู้ใครมันจะไปอยากได้ กวนตีนขนาดนี้”
“ตะวัน!”
คนตัวเล็กไม่ได้ใส่ใจกับการที่เขาตะคอกเรียกชื่อเธอเลยสักนิด คนอย่างตะวันไม่ใช่ว่าอยากพูดอะไรก็พูด เพียงแต่ว่าเธอเป็นคนไม่ยอมคนแค่นั้นเอง
คติประจำตัวก็คือดีมาดีกลับ ร้ายมาร้ายกลับ 10 เท่า