ทองทัดมองนารินซึ่งท่าทางกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง เพราะเขาเดินเข้ามาใกล้มากแล้ว แต่นารินก็ไม่ได้สนใจทั้งๆ ที่ปกติสาวสวยคนนี้จะเป็นคนที่หูตาไวมาก หรืออาจจะมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจจนต้องขบคิดเสียจนไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเอาเสียเลย แม้จนกระทั่งทองทัดนั่งลงข้างๆ แต่นารินก็ยังคงนั่งเหม่อมองไปที่แก้วชาที่วางอยู่ตรงหน้า ทองทัดอมยิ้มกับท่าทางครุ่นคิดของแฟนสาวของเขาซึ่งก็ดูน่ารักดี
“นาจะฝึกพลังจิตหรืออย่างไรครับ เห็นจ้องแก้วชาอยู่นานแล้ว คิ้วก็ขมวด จนจะเป็นเกลียวอยู่แล้วนะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า เรื่องงานหรือเปล่าครับ” ทองทัดถามขึ้น แต่ก็ยังคงอดขำไม่ได้กับคิ้วขมวดของนาริน
“คิดเรื่องนิ่มอยู่ค่ะ” นารินบอก
“เรื่องนิ่ม” ทองทัดทำท่าสงสัย เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา นารินไม่เคยแสดงความกังวลใจอะไรเรื่องนิมาให้เขาได้เห็นเลยสักครั้ง เท่าที่ทราบนิมาเป็นน้องสาวที่น่ารักมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน เขารับทราบเรื่องราวทั้งหมดซึ่งเป็นความน่ารักของน้องสาวของนารินโดยคนที่เป็นพี่สาวเล่าให้เขาฟังโดยละเอียดด้วยความรักและความภาคภูมิใจที่มีในตัวน้องสาว
“ใช่ค่ะ เมื่อเช้านิ่มไปวิ่งออกกำลังกาย มีคนขี่รถมอเตอร์ไซค์ราคาไม่น่าจะถูกนักมารับ แต่นาไม่เห็นหน้าค่ะ เพราะสวมหมวกกันน็อกอยู่” นารินบอก
“แล้วนากังวลเรื่องอะไรครับ ถ้านิ่มจะมีหนุ่มที่ไหนมารับไปวิ่งออกกำลังกายก็ไม่เห็นจะแปลก แสดงว่าน้องยังไม่ได้พามาแนะ
นำให้รู้จักใช่ไหม” ทองทัดถาม
“ไม่ได้กังวลค่ะ เพียงแค่สงสัยว่าเป็นใครกัน นิ่มไม่เคยเล่าให้ฟังเลยนะคะ แต่ดูน้องมีความสุขมาก เมื่อคืนคุยโทรศัพท์หัวเราะคิกคัก นายังไปแอบแซว น้องก็มีท่าทีอายๆ สงสัยท่าทางจะได้รู้จักว่าที่น้องเขยเร็วๆ นี้แน่ๆ” นารินอมยิ้มท่าทางที่ขบคิดบางเรื่องอยู่เมื่อสักครู่หายไปในทันที
“เลิกคิดแล้วหรือ ยิ้มสวยเชียวครับ” ทองทัดอมยิ้มกับยิ้มน่ารักๆ ของว่าที่เจ้าสาวของเขา
“อันที่จริงบอกตามตรงนะคะ นาสงสัยและอยากรู้ว่าคนขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นเป็นใครกัน เก่งมากที่ทำให้นิ่มยิ้ม แถมออก
อาการเขินอายให้นาเห็นได้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ แต่นาก็ดีใจที่เห็นน้องมีความสุข” นารินบอกกับทองทัด
“โล่งใจไปแทนหนุ่มนักบิด ตอนแรกนึกว่านาจะหวงน้องสาวเสียอีกครับ เห็นมานั่งหัวคิ้วชนกันอยู่ตั้งนานสองนาน ก็ดีนะ น้องมีคนมาช่วยดูแล” ทองทัดยิ้ม
“รู้ไหมไอ้เจ้ามอเตอร์ไซค์คันนั้น ไม่ธรรมดาเลยนะคะ ราคาน่าจะหกหลักขึ้น คันใหญ่มากสีดำทะมึนเลย แต่ก็ดูสวยนะคะ” นารินบอกสิ่งที่เธอเห็นให้ทองทัดได้รับทราบ
“ทัดนึกภาพไม่ออก สาวหวานของเราซ้อนมอเตอร์ไซค์” ทองทัดหัวเราะ
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่น่าแปลกใจค่ะ นาคิดว่าคนขับน่าจะเป็นผู้หญิง เพราะดูจากรูปร่างถึงแม้จะเห็นไม่ใกล้นัก ดูสูงแต่รูปร่างก็อ้อนแอ้นไปทางผู้หญิงนะทัด”
“ผู้หญิงหรือครับ” ทองทัดทำท่าคิด
“ใช่ค่ะ นาคิดว่าเป็นผู้หญิง” นารินมองสบตากับทองทัด
“นากำลังจะบอกทัดหรือเปล่าครับว่า นิ่มชอบผู้หญิง” ทองทัดถามตามตรงเพราะเขาปะติดปะต่อเรื่องที่นารินเล่าให้ฟังตั้งแต่
ต้น
“ถ้าเกิดว่าใช่ ทัดรังเกียจหรือเปล่าคะ” นารินถามตรงๆ และกำลังรอคำตอบ เพราะเธอก็อยากรู้ว่าทองทัดคิดอย่างไรกับเรื่องนี้
“ถ้าถามทัดนะ ทัดไม่ได้รังเกียจอะไร ถ้าเราสองคนรักน้อง ก็ต้องยอมรับคนที่น้องรักด้วย นิ่มคงคิดอย่างที่ทัดคิดเหมือนกัน ถึงได้ยอมรับทัดและยอมยกพี่สาวให้” ทองทัดหัวเราะเล็กๆ กับสิ่งที่พูดออกไป
“เกี่ยวกันไหมทัด” นารินอมยิ้ม
“นาล่ะ คิดอย่างไร” ทองทัดถาม
“เรื่องของความรัก เจ้าตัวเขาก็ต้องเป็นคนเลือกเอง ตอนเรียนมหาวิทยาลัย นาก็เคยสังเกตเหมือนกันนะคะ ว่านิ่มคบอยู่กับผู้หญิง แต่ยังไม่ได้บอก หรือพามาแนะนำ แต่พอเรียนจบผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนจะหายไป ซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนสักเท่าไหร่นักว่าคบหากันฉันท์เพื่อนหรือคนรัก จนนาลืมไปแล้ว”
“ทัดว่า ท่าทางเหมือนจะหวงน้องสาวนะครับ” ทองทัดแกล้งแหย่
“ห่วงมากกว่าค่ะ ก็นามีนิ่มเพียงคนเดียวนะทัด นารักน้องและก็อยากให้น้องมีความสุข แต่นิ่มยิ้มสวยมากเลยนะคะ เมื่อเช้านี้”
นารินอมยิ้มกับทองทัดที่กำลังยิ้มๆ นึกขำว่าที่เจ้าสาวของเขาที่ดูมีความสุข
“ใครกันนะ ที่ทำให้น้องนิ่มยิ้มสวยได้ขนาดนั้น ชักอยากจะรู้จักเสียแล้วสิครับ หญิงหรือชายก็ได้ ขอให้นิ่มมีความสุขก็พอแล้ว” ทองทัดเห็นนารินยิ้มสวยๆ นั่นคงเป็นเพราะนารินคงคิดไม่ต่างกับที่เขาคิดนัก
สองสาวหลังจากวิ่งออกกำลังกายได้พักใหญ่ๆ จึงนั่งลงตรงพื้นหญ้าสีเขียวใต้ต้นไม้ซึ่งมีบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่ผิวน้ำกำลังเคลื่อนที่ตามแรงลมที่พัดอยู่เป็นระยะดูเหมือนผิวน้ำกำลังเต้นระบำ นิมายิ้มเมื่อได้เห็นคลื่นบนผิวน้ำที่เคลื่อนไหว ทองทิพย์แอบลอบมองก็เห็นยิ้มสวยๆ เข้าพอดี
“คุณนิ่มนั่งรอตรงนี้สักครู่นะคะ เดี๋ยวทิพย์มา”
“คุณทิพย์จะไปไหนคะ” คนที่เธอถามออกวิ่งไปแล้ว คงไม่ทันได้ยินคำถามจากเธอเสียด้วยซ้ำ
นิมาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดรับอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า เสียงของนกที่ส่งเสียงร้องได้ยินเป็นระยะสร้างความสดชื่นให้เธอได้
มาก ลมพัดเย็นสบาย ถ้วยกระดาษสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้า นิมาหันไปยิ้มให้คนที่ส่งถ้วยกระดาษให้กับเธอ
“หอมจังเลยค่ะ” นิมาอมยิ้มให้กับคนที่นั่งลงข้างๆ ซึ่งกำลังเอาไหล่อิงเพียงเบาๆ และขยับนั่งเบียดกับนิมา
“ที่ว่าหอมน่ะ คนถือมา หรือว่าน้ำเต้าหู้ในถ้วยคะ” ทองทิพย์ยิ้มๆ กับสิ่งที่ได้พูดออกไปเธอหันมาสบตากับนิมาอยู่ครู่เดียว และขณะนี้กำลังมองไปทางต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่เธอทั้งสองคนนั่งอยู่
นิมากำลังนึกหาคำตอบกับคำถามที่เพิ่งถูกถามไปเมื่อสักครู่ รอยยิ้มเล็กๆ เกิดขึ้นให้หัวใจโดยที่เธอแทบจะไม่รู้ตัว
“แล้วของคุณทิพย์ล่ะคะ ทำไมถึงมีมาให้นิ่มแค่ถ้วยเดียว” นิมาถาม
“เอาเรื่องจริงเลยหรือเปล่าล่ะคะ” ทองทิพย์หันมายิ้มให้นิมา
“ว่ามาเลยค่ะ”
“มีเงินติดกระเป๋าพอแค่ถ้วยเดียวค่ะ ทิพย์ไม่ได้หยิบกระเป๋าสตางค์มาก็เลยได้มาแค่ถ้วยเดียวที่คุณนิ่มถืออยู่” ทองทิพย์ยิ้มนึกขำตัวเองที่มีเงินติดกระเป๋ามาแค่เพียงเศษสตางค์ไม่กี่บาท
“เราสองคนจะดูน่าสงสารไปไหมคะ แต่นิ่มไม่ใจดำขนาดที่จะดื่มคนเดียวหมดแก้วหรอกนะคะ แบ่งกันก็ได้” นิมาส่งแก้วให้ทองทิพย์ที่กำลังมองจ้องดวงตาคู่สวยของนิมา
“ขอบคุณค่ะ ใจดีมากเลย แต่คุณนิ่มยังไม่ตอบคำถามแรกของทิพย์เลยนะ ไอ้ที่ว่าหอมน่ะ น้ำเต้าหู้หรือคนถือมาให้” ทองทิพย์อมยิ้ม เมื่อได้ถามคำถามไปอีกครั้งเธออยากรู้ว่านิมาจะมีคำตอบอย่างไรให้กับเธอ
“น้ำเต้าหู้น่ะหอมค่ะ คุณทิพย์ลองชิมดูก็ได้ ส่วนคนถือมายอมให้หอมไหมล่ะ จะได้ตอบได้ว่าหอมหรือเปล่า” นิมายิ้มทะเล้นให้
“กล้าหอมหรือเปล่าล่ะคะ” ทองทิพย์ถาม แต่ไม่ทันได้ตั้งตัวจมูกกับปากเรียวบางของนิมาก็แนบไปที่แก้มของเธอเสียแล้ว ทองทิพย์รู้สึกเหมือนเวลากำลังหยุดนิ่งทุกอย่างก็เช่นกัน ความเงียบเข้าครอบงำเธออยู่ชั่วขณะ
“หอมกว่าเยอะเลยค่ะ” นิมายิ้มอายๆ มองออกไปที่ผิวน้ำซึ่งเคลื่อนไหวตามแรงลมอยู่ที่กลางบึงใหญ่
“เล่นทีเผลอ” ทองทิพย์พูดเพียงสั้นๆ และยิ้มอายๆ
“ถ้าบอก” นิมาไม่รู้จะพูดอย่างไร
“ถ้าบอกให้รู้ตัวก่อน ทิพย์จะได้ตั้งใจซึมซับความรู้สึกดีดีไว้นานๆ หน่อย” ทองทิพย์บอกความรู้สึกของเธอ หลังจากได้รับ
สัมผัสอันอ่อนโยนของนิมา
“แทนคำขอบคุณก็แล้วกันนะคะ”
“ต้องไปคิดต่อเสียแล้วว่าจะทำอะไรให้คุณนิ่มอีกดี เผื่อจะได้ขอบคุณทิพย์บ่อยๆ อย่างนี้อีก” ทองทิพย์ยิ้มทะเล้นยักคิ้วล้อนิ
มาที่แกล้งตีเบาๆ ไปที่แขน
“ขอบคุณนะคะ สำหรับเวลาดีดีแบบนี้” นิมาบอกกับทองทิพย์ที่กำลังมองจ้องสายตาคู่สวยไม่วางตา
“ยินดีรับใช้ค่ะ ทิพย์มีเวลาอีกหลายอาทิตย์ก่อนที่จะทำงาน คงจะมีเวลากวนใจคุณนิ่มอีกหลายวัน อย่าเพิ่งรำคาญกันเสียก่อนนะคะ”
“น่ารักขนาดนี้ใครจะรำคาญได้ลงคอล่ะคะ”
“เชื่อไหมสักวันคุณนิ่มอาจจะรำคาญ เพราะทิพย์ชอบแหย่ ชอบยั่ว ชอบกวนโมโห ทิพย์สามารถมากค่ะ เรื่องกวนใจคนอื่น
น่ะ” ทองทิพย์หัวเราะกับคำพูดของตัวเอง
“พูดจริงหรือพูดเล่นกันคะ” นิมาทำท่าแปลกใจ
“เพื่อนเรียกทิพย์ว่า ยัยตัวร้าย ก็เท่านั้นเองค่ะ”
“ร้ายแต่ก็น่ารักนะ” นิมารำพึง ทองทิพย์ยิ้มเพราะเธอได้ยินสิ่งที่คนนั่งอยู่ใกล้ๆ เธอพูดอย่างชัดเจน
“อยากให้คุณนิ่มคิดอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ”
“กลับกันดีกว่าค่ะ นิ่มอยากขอบคุณด้วยอาหารเช้าสักมื้อ” นิมาบอก
“อาหารเช้า คงไม่ใช่ชาร้อนเหมือนเมื่อวานนะคะ” ทองทิพย์หันไปยิ้มทะเล้นให้ นิมามองไปที่ที่เธอได้สร้างรอยแผลไว้ให้คนที่ยิ้มสวยๆ อยู่ตรงหน้า
“ไม่แน่นะคะ นิ่มจัดอยู่ในจำพวกซุ่มซ่ามอาจจะมีแผลฝากให้คุณทิพย์ติดตัวกลับบ้านไปอีกก็ได้ ถ้ากลัวก็เปลี่ยนใจได้นะคะ” นิมาแกล้งพูดแหย่
“ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยกลัวอะไรเสียด้วยค่ะ เป็นพวกความดันทุรังสูง อยากรู้เหมือนกันว่าคนน่ารักจะใจร้ายด้วยหรือเปล่า เอ็นดูทิพย์สักหน่อยก็ได้นะคะคุณนิ่ม บางทีก็คิดเข้าข้างตัวเองบ้างเป็นบางครั้งนะคะ ว่าตัวเองก็น่ารักเอาการอยู่” ทองทิพย์นึกขำที่กล้าพูดออกไปอย่างนั้น นิมาหัวเราะเล็กๆ แต่ก็แอบคิดเหมือนที่ทองทิพย์ได้พูดไปเมื่อสักครู่ ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆ เธออยู่ในตอนนี้น่ารักมากในความรู้สึกของเธอ
“อยากทานอะไรคะ เช้านี้” นิมาถามกลบเกลื่อน รอยยิ้มและแก้มแดงๆ ของเธอ เพราะดูเหมือนว่าคนที่นั่งจ้องมองอยู่จะเห็นอาการเขินอายของเธอเข้าให้แล้วใน เวลานี้
“ชอบเวลาคุณนิ่มยิ้มแก้มแดงแบบนี้จริงๆ” ทองทิพย์หันมายิ้มสวยๆ ให้
“ขอบคุณค่ะ”
“เอาไว้จะทำให้คุณนิ่มยิ้มแบบนี้บ่อยๆ ดีกว่า เพราะทิพย์อยากเห็นทุกครั้งเลยเวลาที่เราได้เจอกัน” ทองทิพย์ยิ้มสวยๆ ให้อีก
ครั้ง แต่นิมาไม่กล้าสบตาด้วยเสียแล้วในตอนนี้ เพราะมันกำลังทำให้หัวใจของเธอเต้นเร็ว อาการของหัวใจเริ่มหวั่นไหวและมีอาการผิดปกติ
“ยังไม่ตอบคำถามเลยค่ะ ว่าอยากทานอะไรเช้านี้” นิมารีบเปลี่ยนเรื่อง
“ทานอะไรดีนะ” ทองทิพย์ทำท่าคิดพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ
“คิดนานไปนะคะ”
“อันที่จริงทานอะไรก็ได้ค่ะ แต่ที่คิดน่ะ กำลังคิดว่าจะขอบคุณคุณนิ่มอย่าง ไรมากกว่า ก็เห็นคนแถวๆ นี้ หอมแก้มแทนคำขอบ
คุณ ทิพย์ก็คงต้องหาวิธีขอบคุณที่น่ารักๆ บ้างสิคะ แบบไหนดีนะ” ทองทิพย์ยิ้มทะเล้นให้นิมาที่ยิ้มอายๆ ลุกเดินหนีไปก่อน รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าและในหัวใจของเธอทั้งสองเหมือนๆ กัน