หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ทองทิพย์จึงล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ นึกขึ้นได้ว่าตอนอาบน้ำรู้สึกแสบๆ ที่แผลซึ่งโดนน้ำชาร้อนๆ ไปเมื่อตอนเช้า หลอดยาถูกวางอยู่ที่หัวเตียง เธอจึงกึ่งนั่งกึ่งนอนเพื่อใช้ยาทาแผลให้กับตัวเอง
“ทาเองลำบากเหมือนกันนะ” ทองทิพย์รำพึงกับตัวเอง และนึกถึงคนที่ช่วยทาแผลให้พร้อมกับเป่าเบาๆ จนรู้สึกเย็นวาบ เมื่อนึกถึงก็ทำให้เธอยิ้มได้กับดวงตาคู่สวยที่ดูจริงใจ แต่ก็แฝงไว้ด้วยความเด็ดเดี่ยวในดวงตาคู่นั้น เมื่อทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าที่มาซื้อขนมที่ร้าน ทองทิพย์อมยิ้มเมื่อนึกถึงรอยยิ้มสวยๆ ของนิมา
“สวัสดีค่ะ นิมาค่ะ” นิมาทักทายปลายสายที่โทรเข้ามาหาเธอ ซึ่งเป็นเบอร์แปลกๆ ไม่คุ้นสักเท่าไหร่นัก
“เจ็บแผล ทายาไม่ถนัดค่ะ” ทองทิพย์ยิ้มๆ กับสิ่งที่ตัวเองได้พูดออกไปมันเป็นการอ้อนชัดๆ เธอคิดอยู่ในใจและเผลอยิ้มออกมา
“เจ็บมากหรือเปล่าคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน เดี๋ยวนิ่มรับไปหาหมอดีกว่านะคะ” นิมารีบคว้ากุญแจรถทำท่าจะเดินออกจากห้อง
“แค่โทรมาอ้อนเฉยๆ ค่ะ อันที่จริงนิดหน่อยเอง แต่เวลาทายามันลำบากเหมือนกันนะคะ” ทองทิพย์สาธยายให้นิมาฟัง อันที่
จริงแล้วเป็นแผนที่จะหาเรื่องชวนคุยเสียมากกว่า
“ไปยืนหน้ากระจกค่ะ แล้วค่อยทายา สะดวกขึ้นเยอะ” นิมาหัวเราะเล็กๆ นึกขำกับท่าทางทายาที่ปลายสายบอกกับเธอว่ายาก
“จริงด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ มาก้มอยู่ทำไมกันนี่” ทองทิพย์หัวเราะนึกขำตัวเองที่ปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเริ่ม เรื่องแค่นี้ทำไมคิดไม่ได้
“เจ็บมากไหม” นิมาถาม
“นิดหน่อยค่ะ มันแสบๆ ตอนอาบน้ำ แต่ทายาแล้วก็เย็นๆ ดีค่ะ”
“แน่ใจนะคะ” นิมาถามอีกครั้ง
“แน่ใจค่ะ อันที่จริงแล้ว ที่โทรมาอยากคุยด้วยเฉยๆ ก็เลยเอาเรื่องแผลมานำทางก่อน กลัวคุณนิ่มไม่คุยด้วย มารบกวนเวลา
พักผ่อนหรือเปล่าคะ” ทองทิพย์ถาม
“นิ่มคุยสนุกขนาดนั้นเลยหรือคะ แต่ก็นะ อาชีพแม่ค้าขายขนมก็คงพูดไปเรื่อยค่ะ อยากขายของได้เยอะๆ” นิมาอมยิ้มไม่ใช่กับสิ่งที่ตัวเองพูด หากแต่เป็นสิ่งที่ทองทิพย์พูดกับเธอมากกว่าที่บอกว่าอยากคุยด้วย
“ทิพย์เป็นพวกคุยกับใครไม่ค่อยนานค่ะ ชอบกวนโมโห มีคนบอกแบบนั้น”
“ก็ไม่เห็นกวนนะคะ หรือว่านิ่มยังไม่เจอตอนกวนๆ” นิมาอมยิ้ม
“แอบปกปิดไว้ เดี๋ยวคุณนิ่มรู้ตัวก่อนก็แย่สิ คุณนิ่มเป็นเพื่อนคนแรกที่ได้พูดคุยด้วยหลังจากลงจากเครื่องเลยก็ว่าได้ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ คุณทิพย์ก็เป็นเพื่อนคนแรกที่ลงเครื่องมาแล้ว นิ่มได้คุยเป็นคนแรก” สองสาวหัวเราะขึ้นพร้อมกันหลังจากที่นิมา
พูดจบ
“ฟังดูแปลกๆ นะคะ” ทองทิพย์พูด
สองสาวคุยกันด้วยหลากหลายเรื่องราว แต่ก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไปของผู้หญิงที่คุยกัน เสียงคุยแจ้วๆ ของนิมาทำให้พี่สาวของเธอ
ที่เดินผ่านห้องนอนรู้สึกแปลกใจแอบแนบหูเข้ากับประตูก่อนที่จะเคาะเบาๆ
“คุยกันหนุ่มที่ไหนกัน หัวเราะคิกคักเชียวนะ” นารินแกล้งพูดแซวน้องสาวที่ยิ้มๆ เมื่อเห็นพี่สาวเปิดประตูเข้ามา
“เพื่อนค่ะ สาวค่ะไม่ใช่หนุ่ม” นิมายิ้มให้พี่สาวที่ยิ้มทะเล้นให้ก่อนที่จะยักคิ้วแหย่น้องสาวแล้วเดินออกจากห้องมา
“เพื่อนแน่นะ นิ่ม” นารินเปิดประตูโผล่หน้ามาถามอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะเล็กๆ นิมานึกขำพี่สาว ซึ่งคงกำลังคิดว่าเธอคุยกับ
หนุ่มที่ไหนแน่ๆ พรุ่งนี้เช้าคงจะมีคำถามที่เธอคงจะต้องตอบอีกยาว
“แสดงว่ามีหนุ่มโทรมาหาบ่อยๆ หรือคะ” ทองทิพย์ถามขึ้นหลังจากได้ยินเสียงผู้หญิงอีกคนดังแว่วๆ แต่ก็พอจะจับใจความได้
“แม่ค้าขนมอย่างนิ่ม หนุ่มที่ไหนจะโทรฯ มาคุยด้วยล่ะคะ” นิมาบอก
“จริงนะคะ” ทองทิพย์ถามเพื่อจะได้มั่นใจ แต่ก็นึกถามตัวเองเหมือนกันว่า ตัวเธอไปเกี่ยวอะไรกับเรื่องหนุ่มๆ ที่จะโทรฯ หรือ
ไม่โทรฯ หานิมา
“แล้วคุณทิพย์ล่ะคะ คงมีหนุ่มๆ มาตามจีบเยอะแน่ๆ เลย” นิมาย้อนถามกลับเพราะเธอเองก็คิดไม่ต่างกับทองทิพย์นัก
“โสดสนิท คู่ชีวิตยังไม่พบค่ะ เอหรือพบแล้วก็ไม่รู้นะคะ” ทองทิพย์อมยิ้ม
“ใครกันหนอ คือ ผู้โชคดี เอาไว้แนะนำให้นิ่มรู้จักด้วยนะคะ”
“หวังว่าจะไม่ต้องแนะนำใครให้คุณนิ่มรู้จักน่าจะดีกว่า ไม่กวนแล้วค่ะ ฝันดีนะคะ ถ้าจะให้ดีฝันถึงกันบ้างก็ดีนะคะ” ทองทิพย์
อมยิ้มกับตัวเองไม่รู้ว่าปลายสายเป็นอย่างไรบ้าง เพราะเงียบอยู่สักครู่ เสียงหัวเราะเล็กๆ ก็ดังมาแว่วๆ ทำให้ทองทิพย์รู้สึกโล่งใจเกรงว่าเธออาจจะทำให้คนที่ฟังอยู่รู้สึกอึดอัด
“ถ้าอยากมาอยู่ในฝันละก็ ต้องมาเองค่ะ ฝันหวานนะคะ อ้อก่อนนอนเอาหมอนข้างมาวางไว้ข้างที่เป็นแผลด้วยนะคะ กันไว้จะได้ไม่พลิกตัวไปด้านที่มีแผล พบกันพรุ่งนี้เช้านะคะ” นิมากดวางสายไปพร้อมกับรอยยิ้ม
“นม อุ่นๆ สักแก้วไหมจ๊ะ จะได้หลับสบาย แต่อมยิ้มขนาดนี้ หลังจากคุยโทรศัพท์คงหลับฝันดีแน่นอน ฝันดีนะน้องรัก ใครกันนะทำให้น้องสาวพี่ยิ้มหวานได้ขนาดนี้” นารินอมยิ้มก่อนที่จะกดล็อกประตูห้องให้น้องสาวของเธอและปิดลงเบาๆ
“ฝันดีค่ะ คุณทิพย์” นิมารำพึงเบาๆ ก่อนที่จะกระชับผ้าห่มขึ้นมาห่มให้ความอบอุ่นและไม่นานนักเธอก็หลับไปพร้อมกับรอยยิ้ม
นารินนั่งจิบชาอุ่นๆ พร้อมรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงยิ้มสวยๆ ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของเธอเมื่อคืนที่ผ่านมา เช้านี้เธอจึงรีบแต่งตัวลงมานั่งดักรอและตอนนี้นิมากำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบน และทำสีหน้าแปลกใจเมื่อมองเห็นพี่สาวของเธอลงมาก่อน นิมาจึงมองดูนาฬิกาข้อมือของเธอเอง
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ พี่นา” นิมาทักทายนารินพี่สาวของเธอ
“จะไปไหนแต่เช้า” นารินแกล้งทำเสียงเข้ม และทำสีหน้าเรียบนิ่ง แต่ทำได้เพียงครู่เดียวก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
“นิ่มกำลังถูกจ้องจับผิดอยู่ใช่หรือเปล่าคะ” นิมาถามพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“เปล่าไม่ได้จับผิด พี่ก็แค่ตื่นเช้าเกินไปก็เลยแต่งตัวลงมารอทานอาหารเช้าพร้อมนิ่ม” นารินบอกกับน้องสาวของเธอ
“ไม่ใช่แน่ๆ อาหารเช้าปกติก็ไปทานกับพี่ทัดที่ทำงาน ตกลงอย่างไรกันแน่คะคุณพี่สาว” นิมาถาม
“หวงน้องสาวน่ะสิคะ” นารินยิ้มทะเล้น
“พี่นาคิดอะไรอยู่กันคะ จะมาหวงนิ่มเรื่องอะไรกัน”
“เออใช่ จะหวงทำไม ว่าแต่ลงมาพร้อมชุดกีฬาแต่เช้า มันอย่างไรกันล่ะ”
“จะออกไปวิ่งที่สวนใกล้ๆ นี่ล่ะคะ” นิมาบอกกับนาริน
“วิ่งกับใครกัน มันอันตรายไปนะ” นารินพูดด้วยความเป็นห่วง
“เดี๋ยวมีคนมารับค่ะ ไม่ได้ไปคนเดียว”
“มีคนมารับเสียด้วย เมื่อไหร่จะแนะนำให้พี่รู้จักล่ะ นิ่ม” นารินเริ่มรุกด้วยคำถาม
“แนะนำหรือคะ แต่เดี๋ยวพี่นาก็คงเห็นเองค่ะ ลูกค้าค่ะ คงจะแวะเวียนมาซื้อขนมบ้าง หรือเดี๋ยวมาแล้ว นิ่มพามาแนะนำให้พี่นา
รู้จักเลยดีกว่าค่ะ” นิมาอมยิ้ม
“จริงจังหรือยัง เอาไว้ชัดเจนก่อนก็ได้ว่าใช่แน่ ค่อยแนะนำ พี่ว่าท่าทางคงได้เจอในเร็ววันแน่ เพราะทำให้น้องสาวพี่ยิ้มตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเช้านี้ ท่าทางจะไม่ธรรมดาเหมือนกันนะ” นารินยิ้มทะเล้นแกล้งน้องสาวที่ยืนยิ้มอายๆ
“อะไรจะขนาดนั้นคะ พี่นา”
“ก็ไม่รู้ขนาดไหนสินะ รู้แต่ว่าแก้มเราน่ะ แดงเป็นลูกตำลึงแล้วนะ”
เสียงรถมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่ที่หน้าร้าน สองพี่น้องมองสบตากัน เพราะไม่รู้ว่าเป็นใคร นิมาเดินออกไปมองผ่านประตูกระจกหน้าร้านเห็นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำสนิทพร้อมกับคนขับที่อยู่ในชุดกีฬาสีเทาสวมหมวกกันน็อกสีดำสนิทกำลังหันมามองทางที่เธอยืนอยู่ นิมาอมยิ้มเมื่อคนคนนั้นหันมามองทางเธอ จากรูปร่างที่เห็นคงเป็นใครไม่ได้นอกเสียจากคนที่เธอกำลังรออยู่
“จะมีอะไรให้แปลกใจมากกว่านี้อีกหรือเปล่าคะ คุณทิพย์” นิมารำพึงกับตัวเอง และเดินกลับมาบอกพี่สาวของเธอว่าคนที่จะไปวิ่งออกกำลังกายด้วยกันนั้นมารับแล้ว
“มอเตอร์ไซค์คันใหญ่สีดำ นิ่มจะซ้อนคันนี้ไปจริงๆ หรือ” นารินรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวของเธอ
“ค่ะ ฝากบอกเด็กด้วยนะคะ อีกสักสองชั่วโมงนิ่มกลับค่ะ” นิมารีบออกไปทันทีหลังจากบอกกับพี่สาวของเธอที่เดินตามออก
มายืนมองผ่านประตูกระจกหน้าร้าน น้องสาวของเธอรับหมวกกันน็อกจากคนขับมาสวม และกำลังขึ้นนั่งซ้อนท้าย นารินพยายามเพ่ง
มองไปที่คนขับแต่ก็เห็นไม่ชัดนัก
“ใครกันนะ” นารินกำลังพยายามนึกถึงเพื่อนๆ ของนิมาที่เธอรู้จัก แต่จากที่เห็นก็ไม่คุ้นสักเท่าไหร่นัก
นิมากอดเอวทองทิพย์ไว้เพียงหลวมๆ ด้วยความเกรงใจ แต่คนขับก็จับแขนของเธอให้แนบชิดลำตัวมากขึ้น ตอนนี้เหมือนนิมา
ได้กอดทองทิพย์ไว้แน่นอยู่พอสม ควรซึ่งคนที่ถูกโอบกอดอยู่อมยิ้มเล็กๆ รถมอเตอร์ไซค์ขับวนรอบๆ สวนสาธารณะอยู่สองสามรอบก่อนที่จะจอดลงตรงประตูทางเข้า ซึ่งขณะนี้เริ่มมีคนมาวิ่งออกกำลังกายรวมถึงเดินยืดเส้นยืดสายกันอยู่พอสมควร
“ร้ายนักนะคะ” นิมาพูดหลังจากที่ถอดหมวกกันน็อกส่งคืนให้
“ทิพย์ไม่เคยบอกคุณนิ่มเลยนะ ว่าทิพย์เป็นคนดี” ทองทิพย์ยิ้มมองสบตากับนิมาที่ไม่กล้ามองสบตาด้วย
“ยังมีอะไรอีกไหมที่จะทำให้นิ่มแปลกใจนอกจากเจ้ามดดำคันใหญ่นี่” นิมาถาม ทองทิพย์อมยิ้มเมื่อได้ยินนิมาเรียกรถมอเตอร์ไซค์ของเธอว่าเจ้ามดดำ
“ตั้งชื่อได้น่ารักมากค่ะ ต่อไปนี้ทิพย์จะเรียกเจ้านี่ว่า เจ้ามดดำ ก็แล้วกันนะคะ”
“ตกลงว่ามีอะไรให้แปลกใจอีกหรือเปล่าคะวันนี้” นิมาถาม
“ไม่แน่ใจค่ะ คุณนิ่ม เพราะสิ่งที่ทำทิพย์ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร กับการขี่เจ้ามดดำ แต่กลับเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับคุณนิ่ม”
ทองทิพย์อธิบายพร้อมรอยยิ้มสวยๆ และเดินไปช่วยปัดผมที่ลงมาปรกที่แก้มของนิมาซึ่งกำลังยืนนิ่งๆ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
“ขอบคุณค่ะ” นิมาอมยิ้มแก้มเริ่มเป็นสีชมพูหลังจากที่ทองทิพย์ช่วยปัดผมที่ลงมาปรกที่แก้มไปทัดให้ที่หูของเธอ
“ยินดีค่ะ รองเท้าค่ะ ลองดู น่าจะพอดีนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ” นิมารับรองเท้าจากทองทิพย์แล้วนำมาสวมใส่ พอดีจริงอย่างที่ทองทิพย์บอกกับเธอ
“พร้อมหรือยังคะ”
“พร้อมค่ะ” นิมายิ้มสวยๆ ให้ทองทิพย์ที่กำลังยิ้มให้เธออยู่เช่นกัน
“เราเริ่มจากการเดินเร็ว แล้วค่อยวิ่งนะคะ”
“ช่วยแนะนำด้วยนะคะ” นิมาทำท่าโค้งเหมือนทำความเคารพทองทิพย์ที่จะเป็นผู้ให้คำแนะนำกับเธอ
“ยินดีค่ะ มีคนเคยบอกคุณนิ่มไหม ว่าคุณนิ่มน่ารักมาก” ทองทิพย์มองจ้องไปที่ดวงตากลมโตของนิมาที่กำลังจ้องมองอยู่ เพื่อจะค้นหาอะไรบางอย่างในดวงตา คู่สวยของทองทิพย์เช่นกัน
“มีค่ะ คุณทิพย์บอกไปเมื่อสักครู่ ขอบคุณมากค่ะ” นิมายิ้มอายๆ เดินนำ หน้าเข้าไปในสวนสาธารณะในทันทีโดยไม่กล้าหันมามองคนที่กำลังวิ่งตามมา