หลังจากวางสายจากเจ้าลูกชายแล้ว อดิราชที่กำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็เอาแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี เขาใช้ข้ออ้างจากอาการป่วยของตัวเองเรียกอัคนีกลับบ้าน เพื่อกลับมารับตำแหน่งและบริหารงานแทนเขาด้วยความรู้ที่ร่ำเรียนมาเป็นสิบปี พลางหวังว่าหลังจากนี้จะไม่ได้ยินว่าเจ้าลูกคนนี้จะไปก่อเรื่องที่ไหนอีก
“คุณพ่อคะ ถึงเวลาทานอาหารแล้วค่ะ” เสียงหวานของฟ้าใสเอ่ยเรียกหลังจากเดินมาถึงห้องนั่งเล่น ก่อนจะช่วยเลื่อนรถเข็นที่อดิราชนั่งอยู่ไปยังห้องอาหาร โดยมีนางพยาบาลพิเศษคอยเดินตามหลัง
ฟ้าใสเข็นรถของอดิราชมาจนถึงห้องอาหาร โดยอาหารมื้อนี้มีหลากหลายชนิดที่เธอลงมือทำเอง ส่วนใหญ่เป็นอาหารโปรดของอดิราชในแบบรสอ่อนสำหรับคนป่วย
“ลูกสาวพ่อทำเองหมดเลยรึเปล่าเนี่ย” อดิราชถามแม้จะรู้อยู่แล้วว่าอาหารมื้อนี้เธอเป็นคนทำเองหมดทุกอย่าง
“ค่ะ ฟ้าทำอาหารที่คุณพ่อชอบทั้งหมดเลย แต่ว่าทำแบบรสไม่จัดมากนะคะ คุณหมอบอกให้เลี่ยง” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงสดใส
“แล้ววันนี้ฝันไม่มาทานด้วยหรือ ก่อนหน้านี้ยังเห็นกลับมาแล้ว” อดิราชถามหาเพื่อนคนสนิทของลูกสาวที่มักมาร่วมรับประทานอาหารกับเขาอยู่บ่อยๆ และเขาเองเอ็นดูปลายฝันอยู่ไม่น้อย ด้วยเพราะเป็นหลานของแม้นที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก
“ฝันกลับมาแล้วค่ะ แล้วก็เพิ่งออกไปอีกรอบ ได้ยินว่ามีงานเลี้ยงต้อนรับเจ้านายที่มาจากอังกฤษน่ะค่ะ ก็เลยต้องไปร่วมงานด้วย” ฟ้าใสตอบเสียงหวาน จากนั้นตักกุ้งที่ปอกเปลือกผ่าหลังเรียบร้อยแล้วจากถ้วยต้มยำ มาวางไว้บนจานข้าวของอดิราชอย่างรู้ใจ
“ขอบใจจ้ะลูกสาวพ่อ” อดิราชยิ้มให้กับความเอาใจใส่ของฟ้าใส จะกี่ปีเด็กคนนี้ก็ยังคงเป็นเด็กดีในโอวาท ไม่เหมือนอัคนีที่แหกคอกจนน่าปวดหัว
“ทานเยอะๆ นะคะ จะได้หายไวๆ” ฟ้าใสยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ
“พรุ่งนี้เจ้าไฟก็จะกลับมาแล้วนะ” อดิราชพูดเสียงเรียบพลางเหลือบมองสีหน้าของเด็กสาวตรงหน้าเขา
ฟ้าใสชะงักเมื่อได้ยินบางอย่างจากคนตรงหน้า หญิงสาวค่อยๆ เงยหน้ามองผู้เป็นพ่อแล้วถามย้ำอีกครั้ง
“ใคร... จะกลับมานะคะ”
ฟ้าใสภาวนาให้สิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านั้นไม่เป็นความจริง เธอแค่หูฝาดไป แต่ทว่าอดิราชกลับดับฝันเธอกลางโต๊ะอาหารเลยทีเดียว ด้วยคำตอบที่ชัดเจนกว่าเดิม
“พ่อบอกว่า พรุ่งนี้เจ้าไฟจะกลับมาแล้วน่ะ น่าจะมาถึงตอนเย็นๆ อยากให้ฟ้าช่วยไปดูห้องพี่เขาหน่อยว่ามีอะไรขาดตกบกพร่องไปบ้าง จะได้จัดการให้เรียบร้อย” อดิราชบอก ครั้นเห็นสีหน้าซีดเผือดของฟ้าใส ก็เริ่มสงสารและละอายใจที่เรียกอัคนีกลับมา ทั้งที่รู้ว่าลูกชายของตนได้ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยกับเด็กคนลงนี้ลงไป
ร่างกายของฟ้าใสสั่นเทิ้มขึ้นมาในทันทีเมื่อคนที่เธอหวาดกลัวที่สุดกำลังจะกลับมา แถมมาชนิดที่ว่าเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วย เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอเขาเลยสักนิด เพราะว่าภาพทรงจำในวันนั้นยังติดตาเธออยู่เลย
แม้จะผ่านไปถึงยี่สิบปีแล้วก็ตาม และต่อให้บาดแผลที่เกิดจากฝีมือของเขาจะจางลงแล้วก็ตาม
หลังจากที่อิ่มกับอาหารมื้อใหญ่แล้ว ฟ้าใสจึงขอตัวออกไปเดินเล่นในสวนเพื่อย่อยอาหาร ขณะที่อดิราชต้องพักผ่อนตามที่แพทย์สั่ง เพราะช่วงนี้เขามีความเครียดสะสมจากงานมากเกินไป ทำให้อาการกำเริบ ทางที่ดีควรจะพักผ่อนให้มาก แต่หลังจากที่อัคนีมาถึงก็ถึงช่วงพักร้อนยาวของเขาแล้วล่ะ
“เฮ้อ...” ฟ้าใสถอนหายใจออกมาเมื่อคิดว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่อาจเลี่ยงการเผชิญกับอัคนีไปได้ตลอดชีวิต ตราบใดที่เธอยังต้องอยู่ที่นี่เพื่อทดแทนบุญคุณอดิราช ทว่าครู่หนึ่งกลับมีความคิดหนึ่งบังเกิดขึ้นในหัว อย่างไรที่ร้านเบเกอรี่ก็มีห้องให้เธอได้พักผ่อนและค้างคืนได้ เหตุใดช่วงที่อัคนีกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เธอถึงไม่หาข้ออ้างในการค้างข้างนอกเล่า เท่านี้ก็สามารถเลี่ยงได้แล้ว
“ฮัดชิ่ว!” หากแต่ในระหว่างที่กำลังคิด ลมหนาวยามค่ำคืนกลับพัดผ่านร่างจนขนลุกซู่ จึงคิดได้ว่าเธอควรจะกลับเข้าห้อง ก่อนจะไม่สบายจนไม่มีแรงจะไปทำงานได้ ร้านเพิ่งเปิดได้ไม่กี่เดือน เธอจะทำให้อดิราชผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด
ว่าแล้วก็รีบเดินกลับเข้าบ้านทันที เรื่องของอัคนี ต่อให้เขากลับมาก็คงไม่เกี้ยวข้องกับเธออยู่แล้ว เธอก็แค่ใช้ชีวิตต่อไปจนกว่าอดิราชจะเบื่อเธอก็เท่านั้น
ฟ้าใสเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จเตรียมล้มตัวลงนอน แต่ขณะที่เช็ดตัวอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง สายตาก็เหลือบไปเห็นรอยแผลเป็นกลางหลัง แผลเป็นที่เริ่มจางถ้าหากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่เห็น
บาดแผลเมื่อยี่สิบปีก่อนหลังจากที่นายหญิงของบ้านได้ลาโลกนี้ไป ทำให้เด็กชายอัคนีที่เคยเป็นพี่ชายที่แสนดี กลับกลายเป็นคนโมโหร้าย อารมณ์รุนแรง ส่วนแผลเป็นนี้เกิดขึ้นในขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ในสวนกุหลาบ อัคนีที่กำลังโมโหกับเรื่องอะไรสักอย่างเดินมาเห็นเธอเข้า คงเพราะเขาต้องการระบายอารมณ์จึงได้ผลักเธอไปชนกับรั้วกุหลาบอย่างแรง หากเพียงแค่หนามกุหลาบคงได้แค่แผลถลอกเท่านั้น ทว่ารั้วนั้นเป็นรั้วลวดหนามที่ยังไม่ได้จำกัดทิ้ง ทำให้เหล็กแหลมเหล่านั้นบาดลึกลงไปถึงเนื้อต้องรักษาตัวอยู่หลายเดือนกว่าจะกลับมาเป็นปกติได้
หลังจากเหตุการณ์นั้นฟ้าใสได้ถูกความหวาดกลัวเข้าครอบงำ จนไม่สามารถพูดคุยกับผู้อื่นได้เป็นปี จนกระทั่งอดิราชทนเห็นเด็กน้อยเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ด้วยความรู้สึกผิดอดิราชจึงส่งตัวอัคนีไปเรียนที่อังกฤษ จนถึงตอนนี้ก็ครบยี่สิบปีพอดี และตอนนี้เขากำลังกลับมา มันรวดเร็วเกินไปจนฟ้าใสตั้งตัวไม่ทัน
“เฮ้อ…” คนตัวเล็กถอนหายใจอีกครั้งพร้อมกับทิ้งตัวลงบนเตียง
พรุ่งนี้แล้วสินะที่เธอจะได้พบเขาอีกครั้ง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะเปลี่ยนไปมากน้อยเท่าไหร่ แต่ความรู้สึกที่เธอได้ให้กับเขานั้นไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยในระยะเวลายี่สิบปี เพียงแค่ความหวาดกลัวเท่านั้นที่ยังจดจำได้อย่างชัดเจน และถ้าหากเขาคิดจะทำร้ายเธออีกครั้ง เธอจะหนีไปจริงๆ
ฟ้าใสคิดมากจนปวดหัว รู้ตัวอีกทีความอ่อนเพลียก็กัดกินไปทั้งร่างเสียแล้ว ทำให้หญิงสาวอย่างจะพักผ่อนและตื่นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่ฝันร้าย
ทว่าหลังจากตื่นขึ้นมาแล้วก็ต้องพบกับความจริงที่ว่า อัคนีใกล้จะมาถึงสนามบินแล้ว เขากำลังจะกลับมาแล้ว ฟ้าใสจึงต้องทำหน้าที่ดูแลต้อนรับตามคำสั่งของอดิราชอย่างปฏิเสธไม่ได้ ส่วนร้านคาเฟ่ก็ปล่อยให้พนักงานจัดการไปก่อนชั่วคราว ทำให้เจ้านายอย่างเธอรู้สึกผิดจริงๆ
“รู้สึกว่าฝุ่นจะเยอะขึ้นนะคะ แล้วก็อับด้วย หลังจากทำความสะอาดแล้ว เอาสเปรย์ปรับอากาศมาฉีดด้วยนะคะ” ฟ้าใสเอ่ยกับแม่บ้านหลังจากเข้ามาดูห้องเก่าของอัคนีตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ แม้ว่าในห้องนี้จะได้รับการทำความสะอาดอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังมีกลิ่นอับอยู่ดีเนื่องจากไม่มีการระบายอากาศ