#วันจันทร์สีชมพู 4
ช่วงเช้าของวันถัดมาหลานชายตัวน้อยยืนยิ้มแฉ่งที่ประตูหน้าห้อง ด้านหลังมีผู้เป็นพ่อยืนถือกระเป๋าเป้ลายการ์ตูนตัวโปรดเอาไว้ด้วยใบหน้าง่วงงุน
“งอแงจะมาตั้งแต่ตื่นนอน กว่าเมียเฮียจะหลอกล่อให้กินข้าวได้แทบแย่”
“ให้มากินกับหนูก็ได้ หนูก็ยังไม่ได้กินข้าว”
“แม่เขากลัวมารบกวนเกินไปน่ะ อ้อ นี่ขนมซ้อเราฝากมาให้” เฮียซันไชน์ยื่นถุงคุกกี้มาให้ ช่วงนี้ซ้อฉันชอบทำขนมฉันเลยได้ขนมอร่อย ๆ มาติดห้องไว้ตลอดเลยล่ะ วันไหนอยู่ห้องทั้งวันก็จะมีขนมกินระหว่างดูหนัง ชีวิตดีสุด ๆ ไปเลยล่ะ
“ไม่รบกวนหรอกน่า ดูสิซ้อเอาขนมมาให้ตั้งเยอะ”
“งั้นฝากด้วยนะ หลังกินข้าวให้แปรงฟันแล้วล่ะ”
“ได้เลยค่ะ ซีวันนี้อยู่กับอานะลูก” ฉันก้มหน้าบอกหลานตัวน้อยที่มีท่าทีตื่นเต้นกับการได้ออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้า
“บ้ายบายครับพ่อ” ซีโบกมือลาเฮียแล้ววิ่งเข้าห้องฉันอย่างตื่นเต้น
“ฮ่า ๆ ๆ ซนแน่ ๆ วันนี้ มีอะไรโทรหาพี่เลยนะ” เฮียไชน์ย้ำ ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยลาผู้เป็นพี่ชาย
“พี่ซี อาขอแต่งตัวแปบนะครับ พี่ซีดูทีวีรออาก่อนนะ”
“ได้ครับ ซีจะนั่งตรงนี้ ๆ ๆ ” เด็กชายตัวน้อยนั่งเด้งดึ๋ง ๆ อยู่บนโซฟาตัวนุ่มด้วยท่าทางสนุก ฉันหัวเราะกับท่าทางของหลานชายอย่างเอ็นดู
เมื่อกลับเข้าห้องนอนมาได้ก็รีบแต่งตัว ไม่ได้แต่งอะไรมากขนาดนั้นหรอกเพราะฉันแค่เปลี่ยนเป็นสวมเสื้อยืดตัวพอดีตัวและกางเกงยีนขาสั้นแค่นั้นเอง ส่วนแต่งหน้าน่ะแต่งเสร็จนานแล้วเหลือแค่เปลี่ยนชุด เมื่อทุกอย่างพร้อมเราสองคนอาหลานก็เดินจับมือกันอออกจากห้อง แต่ในจังหวะที่เราสองคนเดินออกจากลิฟต์ก็เผลอชนกับคน ๆ หนึ่งที่มีท่าทีรีบร้อน
“ขอโทษครับ ๆ ”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันบอกปฏิเสธ และก้มดูหลานว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนไหม
“ซีเจ็บไหม”
“ไม่ครับ อาเจ็บไหมเลือดไหลไหมครับ”
“ไม่มีเลือดครับ อาไม่เจ็บครับ” หลานตัวน้อยส่องตามแขนตามขาฉันไม่หยุด กลัวว่าจะมีเลือดไหล
“เอ่อ คุณเจ้าของร้านกาแฟใช่ไหมครับ?” จู่ ๆ คนที่เดินชนฉันก็เอ่ยถาม ฉันเงยหน้ามองอย่างสงสัย ว่าอะไรทำให้เขาทักฉันมาแบบนั้น เพราะฉันเองก็มั่นใจว่าไม่ได้รู้จักเขาแน่ ๆ
“คะ?”
“ผมหมอที่คลินิกข้าง ๆ คุณไงครับ ที่บอกว่าจะเอาค่ากาแฟไปให้ไง” พอได้แต่ลอบมองหน้าคนตรงหน้า ก็พลันชะงักไป เขาหน้าตาดีนะ จัดได้ว่าดีมาก ๆ เลยล่ะเป็นนายแบบไม่ก็ดาราได้สบาย ๆ เลย แต่ไม่รู้สิ อาจเป็นเพราะคนรอบตัวฉันหล่อล่ะมั้งฉันเลยไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากกับหน้าตาเขา
“ค่ะ” ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบเขาไปยังไงเหมือนกัน
“คือ คุณจะเข้าร้านไหมครับ พอดีรถผมเสียผมเองก็ต้องเข้าคลินิกด้วยขอติดรถไปด้วยได้ไหมครับ”
“เราเพิ่งรู้จักกัน” ฉันเอ่ยขัดประโยคของเขา อีกฝ่ายชะงักไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันเพิ่งบอกไป แต่มันคือเรื่องจริงนะที่ฉันพูดไปน่ะ ฉันเพิ่งเคยพูดคุยกับเขา นับได้จริง ๆ ก็แค่สองวันนั่นแหละแล้วยังไม่ได้รู้จักกันดีขนาดนั้นฉันก็ไม่กล้าให้เขาไปด้วย
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ...” สีหน้าสลดของเขาทำเอาฉันใจกระตุกเล็กน้อย ทั้งที่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย บ้าจริงทำไมถึงรู้สึกผิดแบบนี้กันนะ
“แต่ให้ไปด้วยก็ได้ค่ะ” พูดไปก็อยากจะตีตัวเอง
“ขอบคุณครับ” รอยยิ้มของเขาเผยกว้างขึ้นอย่างดีใจ ไม่เข้าใจทำไมหัวใจฉันถึงเต้นแรงตึกตักแบบนี้ เพียงแค่เห็นรอยยิ้มของเขา
เราเดินออกจากคอนโดโดยมีคุณหมอฟันเดินมาด้วย ท่าทางมีความสุขนั้นของเขาทำเอาฉันอดที่จะหมั่นไส้ไม่ได้จริง ๆ คุณหมออาสาจะขับรถให้ ฉันจึงปล่อยให้เขาได้ทำตามใจ อยากขับเหรอเชิญค่ะ จะนั่งคุยกับหลานตลอดทางอย่างสบายใจเลยคอยดู
“อามันเดย์ ซีอยากทำขนมไปให้ซีนด้วย ให้แม่ด้วย”
“เดี๋ยวอาพาทำเองครับ แต่ว่าเราต้องไปตรวจฟันก่อนนะ แล้วค่อยกลับมาทำขนม”
“ได้ครับ!” หลานตัวน้อยขานรับเสียงแข็งขัน คนที่ทำหน้าที่ขับรถอยู่หัวเราะน้อย ๆ มือก็ยื่นมาปรับแอร์ให้เมื่อเห็นว่าซีเบียดร่างเข้ามากอดฉันแน่นขึ้น
“ไปคลินิกผมไหม เดี๋ยวตรวจให้”
“กะว่าจะพาไปที่นั่นแหละค่ะ ใกล้ร้านดี”
“เดี๋ยวหมอตรวจให้เองครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ตอบรับความใจดีของคุณหมอคนข้าง ๆ
“เจ็บไหมครับ” ซีเอ่ยถามคุณหมอที่ฉันยังไม่รู้จักชื่อทั้งยังมองด้วยแววตากังวลใจ เอาเถอะ เรียกคุณหมอนั่นแหละง่ายดี
“ไม่เจ็บครับ เดี๋ยวอาหมอจะตรวจเบา ๆ ดีไหมครับ?”
“ดีครับ!” ซีนั่งมองข้างทางไปเรื่อยจนกระทั่งเรามาถึงร้านกาแฟ คุณหมอดับเครื่องยนต์เดินอ้อมมาเปิดประตูให้อย่างสุภาพ มือหนายื่นกุญแจรถคืนมาให้พร้อมกับเอ่ยขอบคุณ และคงเป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกเขินกับรอยยิ้มของคนตรงหน้า
“ไปพร้อมผมเลยไหมครับ”
“เดี๋ยวเข้าร้านก่อนค่ะ สักพักก่อนค่อยไป”
“เดี๋ยวหมอเดินไปด้วย จะไปจ่ายค่าเครื่องดื่มเมื่อวานด้วยครับ”
“อ้อ ได้ค่ะ ไปครับซี เราไปร้านกันก่อนนะเดี๋ยวอาจะพาไปตรวจฟัน”
“ครับ เสร็จแล้วซีอยากทำขนม”
“ได้ครับ” ฉันชวนหลานคุยระหว่างเดินไปที่ร้าน ยังเดินไม่ทันจะถึงเฮียซันไชน์ก็โทรมา