บทที่ 1 ชมรมผู้สูงอายุ
วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2563 เวลา 8.46 น.
เสียงพูดคุยอย่างออกรสของชายหญิงกลุ่มใหญ่ดังชัดเจนผ่านประตูและหน้าต่างห้องประชุมออกมา ผู้กำลังต่อแถววัดความดันกับอสม.[1]บริเวณม้าหินอ่อนด้านนอกร่วมหัวเราะไปกับบทสนทนาที่คนในห้องต่างสรรหามาคุยขณะรอเวลาเริ่มการประชุม“ชมรมผู้สูงอายุ” ซึ่งจัดทุกวันศุกร์แรกของเดือนที่หอประชุมเล็กของโรงพยาบาลประจำตำบลห้วยกระทบ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี แต่สำหรับคราวนี้เลื่อนมาเป็นวันศุกร์ที่สองของเดือนมกราคมเนื่องจากสมาชิกทุกบ้านต่างติดงานปีใหม่ ซึ่งผู้เกี่ยวข้อทุกฝ่ายลงมติเห็นชอบ
การประชุมของชมรมผู้สูงอายุที่ก่อตั้งโดยกลุ่มอสม.ร่วมกับบุคลากรของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและเจ้าหน้าที่อบต.[2] เป็นการขานรับนโยบายของรัฐบาลระดับชุมชนที่ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ คณะผู้ดำเนินการประกอบด้วยประธาน รองประธาน และกรรมการตำแหน่งต่างๆ
ห้วยกระทบเป็นตำบลเล็กๆ มีพื้นที่ครอบคลุมสี่หมู่บ้าน คือ หมู่ 1 โคชนะ หมู่ 2 ดอนกรวด หมู่ 3 โคกตาล และหมู่ 4 บ้านซ่วง โดยมีหมู่บ้านโคชนะเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น โรงพยาบาลประจำตำบล ที่ทำการอบต. สถานีตำรวจ และร้านค้าสามคูหาที่มีสินค้าทุกอย่างที่ชาวบ้านต้องการ
ชมรมผู้สูงอายุที่มีรายชื่อสมาชิกประมาณหนึ่งร้อยคนนั้น ที่ผ่านมาในการประชุมประจำเดือนแต่ละครั้งมีผู้มาร่วมประชุมเพียง 10-20 คน เนื่องจากเหตุผลสามสี่ประการ เช่น สมาชิกส่วนใหญ่ไม่มีพาหนะรับส่ง ตัวประธานไม่เคยมาเข้าร่วม มีแต่รองประธานที่วิ่งเต้นทำงานให้หลายกลุ่มหลายชมรมเพื่อหวังค่าเบี้ยเลี้ยง ไม่ค่อยมีกิจกรรมอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าประชุม มีแต่ข่าวสารข้อมูลที่รู้ๆ กันอยู่แล้วจากวิทยุและโทรทัศน์ วิทยากรที่สรรหามาไม่เคยแนะนำเรื่องการเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิก เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการบอกให้ทำท่าออกกำลังกายอยู่กับที่ เล่นเกมลับสมองประลองเชาว์ที่ผู้ดำเนินรายการคิดค้นขึ้นเพื่อให้คนแก่สามารถตอบคำถามง่ายๆ พร้อมกับเสียงตบมือเชียร์ซึ่งไม่ใช่เรื่องสนุกสำหรับทุกคน อีกทั้งความไม่โปร่งใสในการเลี้ยงอาหารกลางวันที่เบิกจ่ายมากกว่าจำนวนคนที่มาประชุม ปริมาณและคุณภาพอาหารกล่องที่ผู้ร่วมประชุมได้รับนั้นก็ค้านกับจำนวนเงินต่อชุดที่มีการชี้แจง นานวันเข้าจึงมีผู้มาร่วมน้อยลง นอกจากคนที่สนิทชิดเชื้อกับผู้จัดซึ่งขอร้องแกมบังคับให้มาโดยมีข้อแลกเปลี่ยนแล้วแต่จะตกลงกัน
แต่สำหรับวันนี้คาดว่าจะมีสมาชิกจากหลายหมู่บ้านมาประชุมโดยพร้อมเพรียง เนื่องจากมีการบอกต่อกันไปว่ามีของขวัญปีใหม่ที่คุณหมอและคุณพยาบาลหลายคนรวมทั้งร้านค้าต่างๆ บริจาคมา และเมื่อจบการประชุมในเวลาเที่ยงแล้ว พวกเขาจะได้รับอาหารกล่องชนิดพิเศษที่คราวนี้ร้านพิมพ์ใจเบเกอรี่ส่งขนมปังอบกรอบมาให้ผู้สูงอายุพร้อมทั้งคูปองลดราคา อีกทั้งป้ามาลีจะทำข้าวต้มมัดมาแจก
วันนี้ผู้ที่มาเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งส่วนใหญ่เป็นสตรีสูงอายุต่างสวมผ้าถุงยกดอกงามตา ผัดหน้าขาวผ่อง หวีผมติดดอกไม้สด สวมเสื้อผ้าไหมกลัดเข็มกลัดแพรวพราวและห่มสไบผ้าลูกไม้ สอดรับกับห้องประชุมที่ตกแต่งด้วยริ้วลายสายรุ้งห้อยระย้า โต๊ะยาวหน้าห้องเต็มไปด้วยกล่องของขวัญมากมายผูกโบว์เป็นรูปดาวระยิบระยับ
เสียงพูดคุยในห้องประชุมยังดังเฮฮาอยู่
“เอ่อ นิ มีคนมาซื้อบ้านเ**กกิมไปแล้วนะ” นายอำนวยผู้มีร่างกายผอมสูงหาเรื่องใหม่มาคุย เขาพูดด้วยสำเนียงเหน่อแบบชาวเขาย้อยเช่นเดียวกับผู้สูงอายุคนอื่นๆ
“อ้าว เรอะ คนที่อื่นมั้งถึงไม่รู้เรื่อง” เสียงหนึ่งพูดตอบ
หญิงร่างท้วมอีกคนรีบเติมข้อมูลให้อย่างทันท่วงที “นั่นหนะ คนซื้อเป็นผู้ชาย ยังหนุ่มอยู่เลย มาจากกรุงเทพฯ อายุสักสามสิบห้า น่าจะยังไม่มีครอบครัว”
“หรือมีแล้วแต่ไม่พกมาด้วย” ชายสูงอายุอีกคนส่งเสียงมาจากที่นั่งด้านหลัง
“โฮ้ย เขาไม่เหมือนแกหรอกตาแสง” ป้าตุ้มหญิงวัยหกสิบกว่าค้อนควัก
ลุงอำนวยเล่าให้คนที่นั่งอยู่ในห้องซึ่งส่วนใหญ่เติบโตเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เล็กได้รู้เรื่อง
“ต้นเดือนที่แล้วข้าเห็นเขาขับรถถามทางตาอู๊ดไปบ้านผู้ใหญ่สมจิต แล้วเขาก็รับผู้ใหญ่ออกไป คงไปดูบ้านกัน”
ป้าเที่ยงพูดแซงขึ้นมา
“แหม่ ไอ้หมู่บ้านจัดสรรโครงการแรกของเมียผู้ใหญ่น่ะ ตอนนี้เห็นปิดประกาศขายเป็นแถว แกยังกล้าลงทุนโครงการสองนะ”
“ยายเพ็ญเขารู้จักกับนายธนาคาร เขาก็กู้ได้ซิ อย่างแกอย่างข้านี่ไม่มีทาง แค่จะกู้สหกรณ์นี่ยังยากเลย” ลุงอำนวยตอบกลับ
“สหกรณ์เขากลัวแกจะตายก่อนได้ใช้หนี้เขาน่ะสิ”
“ตานวยอย่านอกเรื่อง เล่าต่อหน่อยซิว่าไอ้หนุ่มนั่นทำไมถึงซื้อบ้านเ**กกิมไปเสียล่ะ แค่จะมาหาบ้านเช่าไม่ใช่เรอะ นี่แกแอบไปคุยกับผู้ใหญ่เมื่อไร ข้าไม่เห็นรู้ มีอะไรก็ไม่ยอมคุยให้ข้าฟัง อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ” เสียงป้าเล็กถามและว่าให้ลุงอำนวยผู้เป็นสามีที่กำลังเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“เออ นั่นสิ” จ่าแสงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับควักยานัตถุ์ออกมาเป่าเข้าจมูก “เวลาแกรู้อะไรมานะตานวย แกต้องรายงานให้เมียแกฟังเป็นคนแรกจะปลอดภัยที่สุด ขนาดมือปืนเหรียญทองอย่างข้ายังต้องรายงานตัวอยู่ทุกวัน ไม่งั้นไม่มีใครตั้งข้าวให้กิน”
คนที่อยู่ในห้องนั้นพากันหัวเราะครืนด้วยรู้ดีว่าป้าตุ้มมักมีเรื่องตะบึงตะบอนกับจ่าแสงอยู่ทุกบ่อยตั้งแต่ครั้งที่เขายังเป็นหนุ่มรับราชการเป็นตำรวจชั้นหมู่ แต่เลื่อนยศขึ้นเป็นจ่าได้เพราะเป็นนักกีฬาแม่นปืน ทำชื่อเสียงให้จังหวัดที่เขาเคยย้ายไปรับการอยู่
“ก็ยายเที่ยงนั่นหนะ ทำให้ข้าเขว เอ้า เล่าต่อ คือพอเขาขับรถผ่านบ้านเ**กกิม มีคนเห็นเขาจอดรถดู ทำท่าอยากจะเข้าไป”
“เดี๋ยวงูเงี้ยวเขี้ยวขอได้กัดตายกันพอดี รกซะขนาดนั้น มีแต่พงไม้ล้อมตัวบ้าน ต้นไม้ก็สูงเอาๆ”
“งูเงอไม่เท่าไรหรอก แต่ไอ้ที่ไม่ใช่งูน่ะสิ เวลาข้าขี่รถผ่านยังไม่กล้าเหลียวดูเลย”
“โหย มันผ่านมาสามสี่ปีแล้ว ไปเกิดกันแล้วละมั้ง”
“มันก็ไม่แน่นา”
ลุงอำนวยรอให้เสียงคุยที่แทรกมาเงียบลงแล้วจึงเล่าต่อ
“นั่นหนะ ผู้ใหญ่สมจิตคงห้ามไว้แล้วรีบพาเจ้าหนุ่มกรุงเทพฯไปดูทาวน์เฮาส์ยายเพ็ญ เขาก็ดูไปงั้นๆ ยายจ่อยที่ชะโงกหัวจากบ้านตรงข้ามออกมาสังเกตุการณ์บอกว่าสองคนนั่นเปิดบ้านดูกันแพ่บเดียวแล้วก็กลับไป”
“เขาไปส่งผู้ใหญ่ แล้วก็แวะกลับไปจอดรถบ้านเ**กกิมอีกที ไอ้ต้อมมันขับมอไซค์ผ่านเห็นพอดี” ป้าฉายเล่าเสริมเพื่อเรียกความสนใจ
“เอ๊อ แกรู้เรื่องดีก็เล่าต่อเองเฮอะ แหม่” ลุงอำนวยพูดฉุนๆ “อันไหนไม่สำคัญข้าก็เล่าข้ามๆไป แกมันก็ชอบลงรายละเอียด เมื่อไรจะรู้เรื่องกัน”
“เอาๆๆๆ แกก็ช่างว่าเนาะ ตาน้วย” ป้าฉายหัวเราะคิก
“เอาย่อๆ เหอะ ข้าเห็นประธานลงรถมาโน่นแล้ว” เสียงหนึ่งเตือน
ลุงอำนวยเหลียวไปทางหน้าต่างทันเห็นหญิงผู้หนึ่งทำผมตั้งทรงกระบังสูงกำลังลงจากรถกระบะ เขาเร่งความเร็วในการบอกเล่า
“เออ เอา ทีนี้เมื่อสองสามวันที่แล้วมีคนเห็นเจ้าหนุ่มนั่นขับรถตู้มาจอดบ้านเ**กกิม เขาลงไปเลื่อนเปิดประตูแล้วเอารถเข้าไปจอดข้างในเลยละ”
“เขาไปเจรจาซื้อขายกันตั้งแต่ปลายเดือนธันวาแล้ว หลานข้าทำงานที่ดินบอกว่าเขานัดกันไปโอนโฉนดจ่ายเงินกันสักสองสามวันก่อนปีใหม่นั่นแหละ” ป้าฉายอดไมได้ที่จะเล่าแทรกอีกครั้ง
“เอ๊อ แล้วไม่มีใครบอกเขาหรือว่าบ้านนั้นน่ะเป็นยังไง”
“นั่นน่ะสิ จะอยู่ได้สักกี่วันกัน”
นาฬิกาที่ผนังห้องบอกเวลา เวลา 9.17 น. ซึ่งเลยเวลานัดหมายมาสิบเจ็ดนาทีอันเป็นเรื่องปกติ
“เริ่มประชุมกันได้แล้วค่ะ”
พยาบาลหนิงชะโงกตัวมาบอกก่อนที่ประธานชมรมผู้สูงอายุแห่งตำบลห้วยกระทบจะก้าวเดินอย่างสง่าผ่าเผยเข้ามาในห้อง ผ้าถุงสีกลีบบัวและเสื้อลูกไม้สีเหลืองนวลกลัดช่อดอกกล้วยไม้ดูสวยอร่าม ใบหน้าที่แต่งเข้มมีรอยยิ้มกว้าง เธอยกมือรับไหว้สมาชิกทุกคนอย่างนอบน้อม
เมื่อประธานจุดเทียนไหว้พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสูงมุมห้องและทำความเคารพพระบรมสาทิสลักษณ์แล้ว นายอำนวยทำหน้าที่นำกลุ่มสวดมนต์ประมาณสิบห้านาที จากนั้นรองประธานประกาศเชิญนายแพทย์ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมากล่าวคำอวยพรให้ผู้เข้าประชุมมีอายุยืนนานเป็นขวัญใจของลูกหลานตลอดไป
เมื่อจบคำปราศรัยและคำอวยพรจากนายแพทย์ใหญ่ สมาชิกทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
“สาธุ”
หลังจากผู้อำนวยการคล้อยหลังออกจากห้องประชุมไปแล้ว ประธานชมรมก็ลุกขึ้นกล่าวคำปราศรัย ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องสุขภาพของตัวเธอเองที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งจึงไม่ค่อยได้มาร่วมประชุม
เมื่อจบคำปราศรัยอันไร้เนื้อหาท่ามกลางสายตาเบื่อหน่ายและเสียงถอนใจยาวของสมาชิก ประธานก็ส่งไมโครโฟนให้พยาบาลหนิงซึ่งจะเป็นผู้มาให้ความรู้แก่ผู้สูงอายุในเรื่องสุขภาพอนามัย
วันนี้พยาบาลหนิงนุ่งซิ่นห่มสไบผัดหน้าสวยงาม เธอเดินออกมายืนที่หน้าห้องประชุมพร้อมกล่าวสวัสดีบรรดาผู้สูงอายุอย่างอ่อนช้อย จากนั้นจึงเริ่มพูดถึงสาระสำคัญของข่าวสารด้านสุขภาพ
“อาทิตย์หน้าเราจะมีการตรวจเบาหวานฟรีให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุ 70 ปีขึ้นไป ผู้ที่ต้องการตรวจขอให้ลงชื่อไว้ล่วงหน้านะคะ วันพฤหัสฯที่ 16 มกราคม ก็ให้ลูกหลานพามายื่นบัตรที่โรงพยาบาล...
“...ช่วงนี้อากาศเย็น เราต้องป้องกันร่างกายจากสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้เราเจ็บป่วยได้...
“...คุณลุงคุณป้าคะ หนูมีข่าวสำคัญจะมาเล่าให้ฟัง คือช่วงก่อนปีใหม่ประเทศจีนพบผู้ป่วยจากโรคปอดอักเสบโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งระบาดไปทั่ว ประเทศไทยของเราเพิ่งตั้งศูนย์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 4 มกราคมนี้เองเพื่อรับมือกับโรคนี้ โดยนักวิจัยออกมาเปิดเผยแล้วว่าโรคปอดอักเสบดังกล่าวมีสาเหตุจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ มันสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้ ที่ประเทศจีนมีผู้ป่วยจากโรคนี้ห้าสิบเก้ารายและมีคนที่ต้องติดตามอาการอีกหลายร้อยราย” พยาบาลหนิงก้มอ่านกระดาษในมือ
ป้าจันทร์ป้องปากพูดกับป้าเสาว์
“โรคที่คุกคามข้าอยู่ตอนนี้คือโรคกระเป๋าแห้งว่ะ ไม่ใช่ปอดอักเสบอะไรหรอก”
“เออ ข้าก็เหมือนกัน” ป้าเสาว์ทำท่าเอียงหัวกระซิบตอบเหมือนนักเรียนที่แอบคุยกันลับหลังคุณครู
ป้าจำปายกมือถาม “มันห่างจากบ้านเราเยอะนะหมอหนิง เมืองจีนกับเมืองไทย มันจะติดถึงกันเร้อ”
พยาบาลหนิงพยักหน้ารับทราบคำถามก่อนจะอธิบายว่า
“โรคที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศจีนอยู่นี้มีพาหะนำมา ซึ่งก็คือมนุษย์เรานี่แหละค่ะคุณป้า มนุษย์ประเภทไหนที่นำโรคปอดอักเสบสายพันธุ์ใหม่เข้ามาในประเทศไทย คำตอบคือมาจากนักท่องเที่ยวค่ะ แล้วคนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวก็มีหลายฝ่าย ทั้งพนักงานต้อนรับในเครื่องบิน ทั้งคนขับรถที่พานักท่องเที่ยวเข้าไปในจังหวัดต่างๆ... ...”
“แต่ที่ห้วยกระทบนี่มันบ้านนอกบ้านนาคงจะไม่ติดง่ายละมั้งหมอ”
พยาบาลหนิงรีบตอบ
“ติดง่ายหรือติดยาก เราต้องมีหน้าที่ป้องกันตัวเองไว้นะคะ โดยการล้างมือบ่อยๆ เดี๋ยวเราจะมีการแจกสบู่ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากร้านโสภาพรรณในจังหวัดเพชรบุรี”
มีเสียงตบมือเกรียวกราวพร้อมกับบรรยากาศเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้น เมื่อพยาบาลหนิงได้บอกกล่าวข่าวคราวเพื่อสุขภาพจดหมดทุกหัวข้อแล้ว หัวหน้าอสม.ก็เดินยิ้มแย้มเข้าไปยืนหน้าห้องแล้วบอกให้ผู้สูงอายุลุกขึ้นทำกายบริหารพร้อมกันสิบห้านาที รายการถัดมาเป็นการประกวดผู้ที่แต่งตัวสวยงาม โดยประธานได้มอบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ กลาง เล็กสำหรับสามรางวัลแรก นอกนั้นเป็นรางวัลชมเชยได้แก่ทัพเพอร์แวร์ฝาสีส้มคนละกล่อง
แล้วกิจกรรมต่างๆ ก็ดำเนินไปจนถึงช่วงสุดท้าย
Footnote
[1] อสม. คือ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านซึ่งมีจำนวนประมาณสิบคนในแต่ละหมู่บ้าน
[2] อบต. คือ องค์การบริหารส่วนตำบล