หลังจากที่คีตะวันมีปฏิกิริยาตอบรับย่าหยาก็ยิ่งเดินหน้าชนหนัก หยอดทางสายตาทุกครั้งที่เด็กฝึกงานหุ่นล่ำเข้ามาส่งเอกสาร ทั้งชวนคุยด้วยถ้อยคำส่อเสียดสองแง่สามง่ามพาให้คิดไปไกล ทั้งสายตาโลมเลียไปตามกายหนุ่มอย่างเปิดเผยเมื่ออยู่มิดชิด
“วันนี้เข้าอบรมด้วยนะ... เด็กฝึกอีกสองคนมาแล้ว เดี๋ยวตอนบ่ายพี่จะพาเข้าไปดูงานในสโตร์” ย่าหยาถือโอกาสใช้เวลาว่างเปิดเกมโหมบุกอย่างหนัก เธอไม่อยากจะอดทนรออะไรอีกแล้ว เธอหิวเนื้อกวางหนุ่มตรงหน้าอยากจะลิ้มชิมรสใจจะขาด
“ครับ แล้วผมต้องบอกพี่ภณก่อนไหม” พอเปิดทางให้อีกฝ่าย คีตะวันรู้สึกร้อนรุ่มน้อยลง.... แต่รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น เขาเองในเวลานี้ก็อยากจะลงสนามเล่นเกมกับคนช่างยั่วดูเหมือนกัน
“ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไลน์บอกเอง” ย่าหยาว่าก่อนจะส่งยิ้มปิดท้าย หนุ่มหน้านิ่งพยักหน้าตอบก่อนจะผลักประตูออกมา เดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองด้วยความปกติ
“อะนี่มาดูยอดส่งออกของเซตที่พี่ให้ดูในแค็ตตาล็อกเมื่อสักพักนะ เห็นไหมส่วนใหญ่จะเป็นญี่ปุ่นกับเกาหลี เขาซื้อไปเพราะ....”
Rrrrrt~
ขณะที่เตชภณกำลังอธิบายงานให้กับคีตะวัน เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังแทรกขึ้น พี่เลี้ยงหนุ่มลุกจากเก้าอี้ก่อนจะหันมายกมือขอตัวออกไปคุยธุระแล้วชี้ไปที่จอคอมพิวเตอร์แทนคำสั่ง ให้คีตะวันศึกษาข้อมูลในคอมฯเองไปพลางๆ ก่อน
ตึ๊ง!!~
ไลน์ของเตชภณที่เชื่อมกับคอมพิวเตอร์ดังขึ้น ปรากฏข้อความจากใครบางคน เดิมทีคีตะวันจะไม่สนใจเพราะมันดูเสียมารยาท..... แต่พอเห็นชื่อคนส่งเข้าแล้ว มันทำให้อยากกดดูข้อความในคอมฯขึ้นมา
-K’ย่าหยา-
รูปที่ปรากฏหน้าโปรไฟล์ และชื่อ ไม่ตรงกันกับที่เขามีอยู่ อันนี้ดูทางการกว่ามากด้วยเสื้อผ้าที่มิดชิด ท่าโพสและทุกอย่างที่ดูสมเป็นประธาน ต่างกับที่เขามี... รูปนั้นเหมือนนางแบบชุดนอนไม่มีผิด ทั้งแหวกทั้งเว้า ท่าโพสยั่วยวนชวนให้คิดนั่นอีก
‘แสดงว่าไลน์ที่ใช้ติดต่อเรื่องงาน กับเรื่องส่วนตัว คนละอันกันสินะ’ เด็กหนุ่มคิดขึ้นในใจ คีตะวันเองไม่ใช่คนโง่ เขาคิดตามเรื่องต่างๆ นำมาปะติดปะต่อกันก็พอจะเดาทางได้ ว่าที่เขาได้ฝึกงานที่นี่ ท่าทีเฟรนลี่ของประธาน การพยายามเข้าหา เธอกำลังอ่อยเขาอยู่อย่างตั้งใจ!!
“อ้าวมาๆ มาต่อนะ” หลังคุยโทรศัพท์เสร็จเตชภณก็กลับมาที่โต๊ะทำงานหวังจะอธิบายต่อ แต่พอเห็นข้อความของย่าหยาก็ทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงัก
'พาเด็กฝึกงานไปรวมกับอีกสองคนที่เหลือเพื่อเข้าอบรมความปลอดภัยภายในโรงงาน และพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเพื่อเรียนรู้กฎต่างๆ ภายในบริษัท' หลังอ่านข้อความเตชภณก็พาเด็กหนุ่มฝึกงานไปยังที่หมาย ด้วยเป็นคำสั่งโดยตรงจากประธาน
“อบรมเสร็จก็ไปหาพี่นะ” เตชภณสั่งก่อนจะเดินกลับไปทำงานต่อ
“คิล!!!” เสียงใสใสดังขึ้นเมื่อคีตะวันหันไปก็พบกับแอปเปิล เพื่อนร่วมสถาบันที่วิ่งเข้ามาหาเขาด้วยความดีใจ เขาเองก็พลอยยิ้มตามรอยยิ้มสดใสของคนตัวเล็กไปด้วย
“บอกแล้วไง ไม่ต้องเครียด.... ยังไงแอปเปิลก็ต้องได้ อย่างเรายังได้เลย” เขาพูดย้ำความคิดตัวเองอีกครั้ง
“เอ้อ!! นี่เดฟเด็กฝึกเหมือนกัน มาจาก ม.N เราก็เพิ่งรู้จักตอนนั่งรออบรมนี่แหละ” แอปเปิลหันไปแนะนำเพื่อนใหม่หนุ่มหล่อสไตล์เกาหลีให้กับคีตะวัน “เดฟ นี่คิลเพื่อนที่คณะเราเอง”
คีตะวันได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกใจหาย เขาเป็นได้แค่นั้นเองหรือสำหรับเธอแล้ว คุยกันมาก็ตั้งนาน.... เขาเองก็ชัดเจนว่าชอบ แนะนำว่าเพื่อนเฉยๆ ว่าเจ็บแล้ว เพื่อนร่วมคณะยิ่งฟังดูห่างเสียยิ่งกว่า เขาทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ ให้กับอีกฝ่าย เมื่อทุกอย่างพร้อมทุกคนก็เข้ารับการอบรม
-บ่ายวันเดียวกัน-
ช่วงเช้าคีตะวันใช้เวลาหมดไปกับการอบรม แต่ด้วยเขานั้นเริ่มงานที่นี่มาก่อนแล้วช่วงบ่ายจึงได้กลับมาทำงานปกติไม่ต้องไปทำความรู้จักหน้าที่ใหม่เหมือนแอปเปิลและเดฟ
พรานผู้พร้อมล่าเหยื่อรอคอยเวลาให้คีตะวันกลับมาที่โต๊ะ เธอต้องการช่วงจังหวะนี้เพื่อการอยู่กันตามลำพัง
“ภณ ทำอะไรอยู่อะ” ขณะที่เตชภณกำลังวุ่นอยู่กับแผนการตลาด ประธานคนสวยก็เดินเข้ามาทักทาย พร้อมทั้งแอบส่งสายตาให้กับเด็กฝึกงาน
“ทำแผนการตลาดครับ ” เตชภณละมือจากคอมพิวเตอร์แล้วรีบหันมาตอบ "คุณหยามีอะไรหรือเปล่าครับ"
“พอดีอยากไปดูของในสโตร์หน่อย ยืมตัวน้องฝึกงานได้ไหม”
“เอาเลยครับ ตอนนี้น้องไม่มีอะไรทำพอดี” เตชภณว่าพร้อมทั้งผายมือเชิญ
‘เข้าทางสิแบบนี้... ’ ย่าหยาแอบคิดในใจเมื่อได้ตัวคนที่ต้องการแล้ว ร่างระหงก็เดินนำไปที่สโตร์โดยมีหนุ่มนักศึกษาเดินตามไปอย่างไม่รู้ชะตากรรม
ภายในสโตร์ที่ประธานอย่างเธอไม่จำเป็นต้องเข้ามาด้วยตนเอง เธอเดินนำหน้ายกย้ายสะโพกสวยอวดสัดส่วนของร่างกายที่มัดใจชายได้ทุกคน มีชายหนุ่มอายุน้อยกว่าเดินตามพร้อมกับสายตาที่จ้องมอง
“นี่เป็นสโตร์เก็บชุดที่ตัดเสร็จแล้วรอแพ็คก่อนจะส่ง เราจะรอยอดสั่งก่อนแล้วถึงจะผลิต ได้ของจะเช็กความเรียบร้อยแล้วเก็บเข้าสโตร์....” ประธานสาวทำทีเป็นเดินไปอธิบายไป แต่ขาเรียวก็ก้าวฉับๆ เข้ามาที่มุมลับตาคนโดยรู้ดีว่าที่ไหนเหมาะ
"........" เด็กฝึกงานที่เข้าใจว่ามันคือการมาทำงานจึงจดจ่อจ้องมองตามสิ่งที่คนนำหน้าบอก
“ไหนพี่ขอแฟ้มหน่อย.... อุ๊ย!!” เธอกะจังหวะว่าชนแน่ ก่อนจะหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับไปหาร่างสูงที่เดินตามหลังมาอย่างไม่ระวังตัว แน่นอนว่าทั้งคู่ชนกันเต็มแรงด้วยความตั้งใจ เนินอกอวบปะทะเข้าแผ่นอกกว้างจนเกิดจุดสปาร์ค อีกทั้งแขนแกร่งที่รีบโอบรัดเอวคอดไว้ไม่ให้ล้ม กลายเป็นคีตะวันยืนกอดร่างบางของย่าหยาแนบกาย
สองสายตาจ้องประสานกันผ่านมุมมืดในโกดังด้วยที่ลับตา เมื่อได้สติคีตะวันทำท่าจะผละตัวออกแต่กลับเป็นย่าหยาที่เหวี่ยงแขนขึ้นไปกอดคอคนตรงหน้าไว้ มีหรือว่าพรานอย่างเธอจะปล่อยโอกาสให้หลุดมือ
“จะเฉยกับพี่ไปอีกนานแค่ไหน” เธอทนไม่ไหวกับอาการเฉยชาของเขาแล้ว เมื่อเช้าก็เหมือนจะดีแต่ตกเที่ยงมานิ่งใส่
“ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไร” เขาไม่ได้ปฏิเสธการกระทำของประธานคนสวย เพียงแต่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบตอบกลับไปด้วยไว้เชิง
“รู้แล้วยังไง ถ้าไม่คิดอะไร.... พี่จะได้พอ แล้วลืมเรื่องในนี้ไป”
“โดนรุกขนาดนี้ มันก็ตั้งตัวลำบากนะครับ” มือหนาเริ่มลูบไปที่บั้นท้ายงอนงาม เขาหมายตาอยู่ก่อนแล้วกับสะโพกสวยที่น่าสัมผัส ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะกล้าสัมผัสมันใกล้ชิดแบบนี้
“พูดง่ายๆ ทำง่ายๆ ก็จบ ทำเป็นเฉยอยู่ได้” ย่าหยาต่อว่าคนปากหนักที่ปล่อยให้เธอต้องรุกอยู่ฝ่ายเดียวมาเสียนาน
“อยากจะรู้ว่าพี่จะทำยังไง”
“ก็ทำอย่างที่ทำอยู่นี่ไง มีแต่เรานั่นแหละ...ทำได้แค่นี้เองเหรอ” เธอพูดก่อนจะปลายตามองมือที่ลูบอยู่บนบั้นท้ายของตัวเอง หมายต้องการให้เกิดการกระทำมากกว่านี้
“พี่เคยเห็นผมตอนเอาจริงหรือยัง ถ้ายัง..... ก็อย่ามาร้องทีหลังละกัน” เขาก้มลงกระซิบบอกพร้อมกับบีบก้นงอนงามด้วยอารมณ์ปลุกปั่น คนถูกเตือนหาได้เกรงกลัว..... กลับชอบคำกล่าวของเขามากกว่า
“ก็รอดูอยู่.... อยากจะรู้ว่ามันจะต้องร้องดังขนาดไหน” ย่าหยาตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรง
“คุณย่าหยาอยู่แถวนี้ไหมครับ มีเอกสารสำคัญที่คุณเลขาตามให้ไปเซ็นครับ” เสียงของใครบางคนดังขึ้นจากที่ไกลๆ ทำให้สองร่างกายที่ยังส่งสายตาประสานราวกับนักล่าสวาทต้องแยกออกจากกัน
ย่าหยาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่เธอจะใช้หางตามองไปยังเด็กหนุ่มหุ่นล่ำที่เธออยากจะกลืนกินตอนนี้ เกมรุกของเธอกำลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆด้วยความขัดใจ ความร้อนรุ่มในกายที่พยายามกดเก็บ เธอต้องการกลืนกินคนตรงหน้าแต่หน้าที่การงานของเธอก็มากพอที่ต้องรับผิดชอบ
ร่างระหงจึงต้องเดินแยกจากคีตะวันไปหาเสียงเรียก ก่อนที่จะเดินกลับเข้าออฟฟิศไปอย่างเสียดายที่ไม่ได้ลิ้มลองอะไรอย่างใจต้องการ
ตั้งแต่บ่ายจนเจียนค่ำย่าหยาก็ยังสลัดความรู้สึกร้อนรุ่มออกจากร่างกายไม่ได้ สัมผัสของคีตะวันที่ลากสะโพกอวบของเธอด้วยน้ำหนักที่ร้อนรุ่มยังติดอยู่ที่ผิว ภาพเหตุการณ์ในโกดังยังฉายวนในหัวซ้ำๆ ไม่จบไม่สิ้น เธอทำได้เพียงนอนพลิกไปพลิกมาข่มตานอนให้ลืมเรื่องทั้งหมด แต่ยิ่งทำก็ยิ่งคิด.... หลับตาก็ยิ่งเห็น
“ฮึ้ยยย!!! จะเอาให้ได้เลยใช่ไหมอีย่า!! ถ้าไม่ได้มึงก็จะไม่นอนใช่ไหม!!” เธอแผดเสียงโวยขึ้นมาพร้อมกับเด้งตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง มือเรียวเอื้อมไปหยิบเอาโทรศัพท์ที่ชาร์จแบตฯบนหัวเตียงด้วยความหงุดหงิด เธอเปิดแอพไลน์และเลื่อนหาคนที่ทำให้เธอร้อนรุ่มไปทั้งตัว คนเดียวที่เธออยากจะติดต่อในเวลานี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘คีตะวัน’
-คิล-
ย่าหยา : ทำไร ..นอนยัง
เธอพิมพ์ข้อความก่อนจะกดส่งอย่างไม่ลังเล เพียงไม่นานอีกฝ่ายก็กดอ่านและตอบอย่างเร็วเช่นกัน
คีตะวัน : ยังพี่ ปกติผมนอนดึก
ย่าหยาคลี่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อมันไม่ใช่การนิ่งเฉยอย่างที่คีตะวันทำอีกแล้ว การโต้ตอบแม้ข้อความก็ทำให้เธอพอใจได้อย่างมาก
ทางฝั่งคีตะวันเองก็อาการหนักใช่ย่อย เมื่อเขานึกถึงสัมผัสของบั้นท้ายงอนงามของประธานขี้อ่อยแล้วยังติดใจไม่หาย หากได้ลองสัมผัสดูอีกสักครั้งโดยไม่มีเสื้อผ้ามาเกะกะคงจะดีไม่น้อย มันคงจะรู้สึกดีกว่านี้หลายเท่าแน่
ย่าหยา : ว่างอยู่หรือเปล่า
เพราะนิสัยใจร้อน อีกทั้งตอนนี้คีตะวันเองก็ลงเล่นเกมนี้กับเธอแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกั๊กอีกต่อไปให้เสียเวลา ย่าหยาส่งข้อความถามให้เขารู้ว่าเธอเชิญชวนอย่างจงใจ
คีตะวัน : ว่าง ทำไมเหรอครับ?
ย่าหยา : อยากขี่มอเตอร์ไซค์เล่น เผื่อจะง่วง พาไปหน่อยสิ
“.......” คนอ่านเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ
‘รุ่นใหญ่นี่ใจเด็ดขนาดนี้เลยเหรอ’ แต่นั่นมันก็ทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก ร่างสูงลุกจากเตียงเดินตรงไปใส่เสื้อผ้าทันทีอย่างไม่รีรอ เขารู้และมั่นใจมากว่าคืนนี้ได้ทำศึกแน่หลังจากที่ห่างหายจากเรื่องพวกนี้ไปเสียนาน
คีตะวัน : ขับรถแป๊บนะครับ
คนถูกชวนไม่ปฏิเสธสักคำ ซ้ำยังรีบเดินทางไปอย่างเร็ว
ย่าหยา : เร็วๆนะ ....รอไม่ไหวแล้ว
คนชวนก็เร่งหวังจะได้สิ่งที่ปรารถนามานมนาน
ร่างกายในชุดนอนผ้าลื่นกลิ้งไปบนที่นอนด้วยความพอใจ ก่อนที่เธอจะเดินไปที่กระจกบานใหญ่ของห้อง ร่างบางถอดเปลี่ยนชุดนอนผ้าลื่นออก ก่อนที่เธอจะสวมใส่ชุดนอนบางเบาสำหรับเหยื่อสวาทที่กำลังจะเดินทางมาหา ฉีดพรมน้ำหอมบางเบาสร้างบรรยากาศ พร้อมกับเครื่องดื่มอ่อนๆที่เธอต้องการให้มีความสุขกว่านี้
กริ๊งงง
เพียงไม่นานเกินรอเสียงกริ่งหน้าประตูที่ย่าหยาเฝ้ารอก็ดังขึ้น เธอรีบลุกจากโซฟาตัวยาวแล้วตรงไปเปิดประตูทันที ด้วยชุดนอนสุดเซ็กซี่ที่มั่นใจว่าคนมองจะต้องอยากจะดื่มด่ำบนร่างกายของเธอ
“ทำไมพี่ยังใส่ชุดนอนอยู่ ไหนว่าอยากไปขี่มอเตอร์ไซค์เล่นไง” เขาแกล้งถามทั้งที่รู้ทันแผนของย่าหยาอยู่แล้ว สาวรุ่นพี่ที่กล้าบุกขนาดนี้คงไม่เสียเวลามากพอจะไปขี่รถเล่นแน่
“เปลี่ยนใจแล้ว ....อยากขี่คนขับมากกว่า” เธอว่าก่อนจะเอื้อมมือไปกระชากแขนเด็กหนุ่มเข้ามาในห้อง มือหนาเอื้อมไปปิดประตูลงกลอนก่อนจะกลับมาโอบเอวบางที่ร่างกายหอมฟุ้ง ร่างกายหญิงสาวที่อายุมากกว่าและยังเป็นถึงประธานบริษัทที่พาให้เขาตั้งใจมาที่นี่ในคืนนี้อย่างไม่ลังเล
“เครื่องมันแรง... พี่จะขี่ได้เหรอ” คำพูดคำจาผิดกับตอนที่เจอกันที่บริษัทอย่างกับคนละคน สายตาหื่นที่ไล้โลมไปทั่วร่างกายของคนในอ้อมกอด เขาไม่มีความเกรงใจอะไรอีกแล้วกับประธานบริษัทที่เขาทำงาน
ชุดนอนบางเบาที่มองเห็นทะลุไปถึงเนื้อในของร่างกาย ชุดนอนไม่ได้นอนที่เซ็กซี่เสียยิ่งกว่านางแบบญี่ปุ่นที่อยู่บนแค็ตตาล็อกของบริษัท อกอวบที่มีเพียงชุดนอนบางเบาขวางกั้นขยับเข้าหา มองได้อย่างชัดเจนว่ายอดถันชูชันบ่งบอกว่าเธอปรารถนาเขามากขนาดไหน
“มันจะแรง...จนต้องนอนจมที่นอน ลุกไปทำงานไม่ไหวเลยหรือเปล่า…” ย่าหยาถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบไปบนสันกรามก่อนจะค่อยๆ ประคองโน้มเอาศีรษะของคนตัวสูงให้ก้มลงมาลิ้มชิมรสจูบแสนเร่าร้อนของเธอ
ริมฝีปากเล็กเบียดชิดริมฝีปากพร้อมกับสอดแทรกเรียวลิ้นสอดประสานกับชายตัวสูง เขาไม่ได้เกรงกลัวต่อเธอแม้แต่น้อย กลับจูบตอบสนองดูดดึงริมฝีปากบางได้รูป
“อื้ม...ก็ต้องลองดู ..ว่าพี่จะไหวหรือเปล่า” คีตะวันถอนจูบก่อนจะตอบกับสาวสวยตรงหน้า
“งั้นก็พิสูจน์สิ พี่อดใจรอไม่ไหวแล้ว”