เช้าที่ไร้เรี่ยวแรงด้วยศึกรักที่แสนใหญ่หลวงพรากพลังจากชีวิตเธอไปจนหมด ร่างบางเปลือยเปล่าไร้ซึ่งเสื้อผ้านอนแผ่หลาอยู่กลางเตียงเพียงลำพัง แม้เมื่อคืนจะผ่านศึกกันมาอย่างหนักแต่เมื่อฟ้าเริ่มสว่างกวางลายพาดกลอนที่ฟัดกับแม่พญาพรานเมื่อคืนก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ทิ้งไว้เพียงกระดาษโน้ตหน้ากระจก
‘เจอกันพรุ่งนี้นะครับคุณประธานคนสวย’ ใบหน้าสวยเปรยยิ้มอย่างพอใจเมื่ออ่านกระดาษโน้ต
เธอประคองร่างไร้เรี่ยวแรงเดินเข้าไปในห้องน้ำอาบชำระกายก่อนจะกลับมาแต่งตัวตามปกติ พลางคิดไปว่า ‘เครื่องแรงอย่างที่โม้ไว้จริงๆ’ เธอมองดูผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ ก่อนจะนึกถึงสงครามเมื่อคืนขึ้นมาในความคิด เหยื่อที่จับมาหาได้เป็นกวางน้อยอย่างที่เธอคิด คีตะวันน่ะเป็นเสือร้ายตัวโตเลยทีเดียว แถมยังเป็นเสืออดโซที่กำลังหิวกระหายในกายหญิงสาแก่ใจย่าหยาเป็นอย่างที่สุด
หลังจัดการธุระตอนเช้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ประธานคนสวยก็ต้องหอบสังขารที่แทบจะไม่มีแรงไปทำงานตามปกติ ช่วยไม่ได้ก็เธอมันรนหาที่เอง แต่ด้วยความเป็นย่าหยาที่ทุกอย่างต้องดีที่สุด การมาทำงานเช่นปกติจึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ต่อให้เริงรักแค่ไหนก็ไม่ทำให้เธอเสียการเสียงาน
“พี่หยาคะ นี่แฟ้มที่โมเดลลิ่งส่งมาให้เลือกนางแบบกับนายแบบที่จะถ่ายแค็ตตาล็อกเล่มหน้านะคะ” ขณะที่ประธานสาวกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าคอม เสียงของเลขาก็ทำเธอตกใจจนหลุดจากภวังค์ความคิด ใบหน้าสวยส่งยิ้มให้เลขาก่อนจะรับเอาแฟ้มรูปนางแบบและนายแบบออกมาเปิดดู
“ขอบใจจ้ะ” เธอเงยหน้าขึ้นบอกกับเลขาก่อนจะส่งยิ้มให้อีกครั้ง งานวุ่นวายไปหมดในหัวเธอก็ลบภาพตัวเองกับเด็กหนุ่มนั่นไม่ได้สักที
‘ถ้าไม่ได้ซ้ำ... มันถึงกับทำงานไม่ได้เลยใช่ไหมอีย่า!!!’ เธอด่าทอตัวเองในใจ
ก๊อกๆ
“ขออนุญาตครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังเสียงเคาะประตู ภาพของเด็กหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มกริ่มอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“........” ย่าหยาพยายามทำตัวปกติเพราะไม่อยากเสียเชิงเพียงเพราะเสียตัวให้เด็กแค่คืนเดียว
“นี่เอกสารพี่ภณฝากมาให้เซ็นครับ...” เขาว่าก่อนจะยื่นเอกสารให้ย่าหยา
“อืม...ฝึกงานเป็นไงบ้าง” คนถามถามขึ้นทั้งที่ตายังก้มมองแต่เอกสาร
“ก็ดีครับ!! สนุก ตื่นเต้น....และชอบมาก...” ฟังจากเสียงที่มันเย้ายวนแล้ว คำตอบน่าจะไม่ได้หมายถึงการฝึกงานโดยตรง คนถามวางเอกสารก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจิกตามอง
“ก็ดีแล้วล่ะ ตั้งใจฝึก เก็บประสบการณ์ไปเยอะๆ มีอะไรอีกมากที่เธอต้องเรียนรู้”
“พี่ก็สอนสิ!!”
“อะฮึ่ม!!! นี่เวลางานนะ แยกแยะหน่อยสิ” ย่าหยาแกล้งปรามกลบเกลื่อนความเสียอาการของตัวเอง
“แล้ว...เราจะ...”
“คิล!!” ถึงแม้เมื่อคืนจะประทับใจมาก แต่ย่าหยาก็อยากควบคุมคีตะวันให้ได้ก่อน เธอยังไม่ได้พูดเรื่องข้อตกลงกับเขา อีกอย่างก็ไม่อยากให้มาคิดเรื่องนี้ในเวลางานด้วย แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะเคยทำก็ตาม แต่เพราะเธอเป็นคนคุมเกมดังนั้นเธอว่าอย่างไรเขาต้องว่าตามเท่านั้น
“.......”
"เรื่องนี้.. เอาไว้คุยนอกเวลางานตกลงไหม?” ปากเรียวเป็นกระจับย้ำอีกรอบ
“ครับ” เด็กหนุ่มที่ดูคึกคะนองสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเพียงอยากพูดหยอกล้อกับอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่คิดว่าการกระทำของตัวเองจะทำให้คุณประธานแสนเร่าร้อนคนเมื่อคืนหงุดหงิดขึ้นมาได้
“คืนนี้...เจอกันที่เดิมนะ” อยู่ๆ ย่าหยาก็พูดขึ้นมาแบบนั้น ด้วยแอบเห็นใบหน้าคมของคีตะวันหงอยลง เด็กหนุ่มหันกลับมาฝืนยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป
‘ตามอารมณ์เขาไม่ทันเลยจริงๆ’ คีตะวันแอบคิดในใจ
-ที่โรงอาหาร-
คีตะวันนั่งเซื่องซึมตลอดทั้งเช้าเมื่อคิดทบทวนท่าทางของย่าหยาที่เปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเขาเสียท่าให้พญาพรานแล้วจริงๆ หรือเปล่า ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าย่าหยาคงมาชอบและหวังจะสานสัมพันธ์ ไม่ใช่เขาไม่รู้ที่ถูกอีกฝ่ายรุกหนัก แต่เพราะอยากแน่ใจก่อนว่าผู้หญิงคนนี้น่าสนใจจริงๆ แต่ไม่ทันได้ไตร่ตรองอะไรจนดิบดีก็พลาดไปนอนกับเขาเสียแล้ว แถมยังติดใจลบภาพคืนแสนหวานออกจากหัวไม่ได้ แล้วย่าหยาก็ดันมาเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคนอีก นี่เกิดมาเป็นผู้ชายแท้ๆ กลับมาโดนผู้หญิงหลอกฟันงั้นเหรอ!!
“คิล นั่งเหม่ออะไรน่ะ เปิ้ลเรียกตั้งนานไม่ตอบเลย...” เสียงใสดึงเขาออกจากภวังค์ความคิด
‘ไอ้คิลนะไอ้คิลชอบคนใสใส เขาก็ให้แค่เพื่อน พอจะไปชอบคนแซ่บๆ ก็เหมือนจะโดนเขาหลอกอีก’ พ่อหนุ่มนักศึกษาฝึกงานแอบคิดในใจเมื่อมองดูหน้าอดีตคนคุย
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อย มีอะไร”
“ก็ช่วงนี้คิลดูเงียบๆไป เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่านิ ปกติแอปเปิลก็ไม่ค่อยคุยกับเราอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” คีตะวันไม่ใช่คนโง่ เขารู้ว่าที่แอปเปิลมาคุยกับเขาแบบนี้เพราะอยากจะดึงเขากลับไปเป็นตัวเลือกโง่ๆ ไว้หลอกใช้งานเหมือนแต่ก่อน
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคิล คิลก็รู้ว่าเราคุยไม่เก่ง”
“เราเป็นฝ่ายชวนคุยตลอด แต่ช่างเถอะเป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้วนี่” คีตะวันไม่เคยปิดบังว่าตัวเองชอบแอปเปิล เธอเองก็รู้ดีว่าที่เขาทำดีด้วยก็เพราะเข้ามาจีบ จริงๆ คีตะวันก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจตัวเลือกหนึ่ง แต่เพราะกลัวว่าหากเลือกไปแล้วคนอื่นๆ ที่เข้ามาจีบรู้เข้าว่ามีแฟนก็จะพาลหายกันไปหมด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมแอปเปิลถึงไม่เลือกใครเสียที
“ยอมแพ้แล้วเหรอ ไหนเคยบอกว่าจะจีบเราจนกว่าจะได้เป็นแฟนไง”
“อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้มันก็ไม่ควรไปฝืนนะ เราเพิ่งเรียนรู้เรื่องนี้”
“แล้วถ้าเราอยากคุยกับคิลจริงๆ จังๆ ล่ะ” พอร่างสูงทำท่าลุกขึ้นจะเดินหนี คนตัวเล็กก็คว้าแขนก่อนจะพ่นไม้ตายใส่ เขาชะงักก่อนจะหันกลับไปสบตาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ดูใสซื่อไร้เดียงสา แต่ร้ายกาจไว้ใจไม่ได้
“เราไม่ชินเลยกับการหายไปของคิล เราไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรเหมือนกัน” เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ให้ตายยังไงก็ไม่ยอมเสียคนนี้ไปแน่ ถึงยังไม่รู้ว่าในอนาคตจะเลือกหรือเปล่าก็ตาม
“เย็นนี้ไปส่งเรานะ”
“ไม่ชอบซ้อนมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่เหรอ”
“ลองดูได้นี่ จริงไหม!!”
“อืม”
เมื่อตกลงกันได้อย่างนั้น แอปเปิลก็กระดี๊กระด๊าทำท่าแอ๊บแบ้วใส่คีตะวัน จนคนยืนแอบมองอยู่หมั่นไส้ ‘โดนดุแค่นิดหน่อย ถึงกับต้องไปหายายเด็กนั่นเลยหรือไง’ ย่าหยายืนมองด้วยสายตาไม่พอใจ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าแอปเปิลน่ะใสแต่หน้า แล้วคีตะวันก็ดูจะมีปัญหากับการแยกประเภทผู้หญิง ถึงจะไม่ได้คิดจริงจังกับเด็กหนุ่มคนไหนแต่ตอนนี้กำลังกินอยู่ก็ไม่อยากให้ใครแย่งไปก่อนจะอิ่ม
“คิล...” ระหว่างที่คีตะวันกำลังเดินคุยอยู่กับแอปเปิลย่าหยาก็เดินเข้าไปหาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ครับ?”
“พี่มีเรื่องจะคุยกับเราหน่อย ว่างอยู่ไหม”
“ครับ ตอนนี้ก็.....ว่าง”
“เอ่อ...เรื่องมัน....” ย่าหยาแกล้งว่าพร้อมกับปลายตามองเด็กสาวหน้าใสซื่อข้างๆ คีตะวัน เป็นเชิงบอกว่าหล่อนไม่ควรยืนอยู่นี่นะ
“อ๋อ คิล...งั้นเราไปก่อนนะ มีงานค้างอยู่ เย็นนี้อย่าลืมนะ”
“อืม”
“.....” ย่าหยามองตามเด็กสาวไปจนลับสายตาก่อนจะกลับมาค้อนใส่ร่างสูงตรงหน้า ท่าทางไร้เดียงสาทำท่าแอ๊บแบ้วทำไมคีตะวันแยกแยะไม่ออก
“พี่มีอะไร นี่มันเวลาเที่ยง ทำไมไม่เรียกไปคุยตอนบ่าย” เขาแกล้งพูดตัดพ้อเอาคืนที่อีกฝ่ายดุเขาเมื่อเช้า
“ก็มันไม่ใช่เรื่องงาน เย็นนี้นัดกับพี่แล้วไม่ใช่หรือไง ...ทำไมยังไปนัดกับ....”
“แอปเปิล” คีตะวันเสริมเมื่อย่าหยาเว้นวรรคนานไม่เอ่ยชื่อ
“นั่นแหละ!! ลืมนัดพี่เหรอ”
“ก็แค่ไปส่งเขาที่บ้าน” คีตะวันตอบหน้าตาเฉย
“ปกติมายังไง!!! ทำไม่กลับเองไม่ได้ พิการเหรอ!!”
“พี่หึงผมเหรอ!!” เด็กหนุ่มยกยิ้ม
“หึงอะไร ทำไมต้องหึง อยากทำอะไรก็ทำไปสิ”
“โอเค... แล้วตกลงพี่มีอะไร”
“ไม่มี ลืมไปแล้ว ไปละ!!!” คีตะวันได้แต่ยืนงุนงงมองดูร่างระหงเดินจากไป อะไรของเขานะ!!
เธอไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว....ก็แค่อยากแยกเด็กแอ๊บแบ้วนั่นออกจากเหยื่อของตัวเองเท่านั้น
‘ไปส่งบ้านเหรอ ฝันไปเถอะ ฉันไม่ยอมให้แกสมหวังหรอก ยายเด็กเมื่อวานซืน!!!!’
LINE!!~
แอปเปิล : เรารอร้านน้ำหน้าบริษัทนะ
ถึงเวลาเลิกงานไลน์จากแอปเปิลก็เด้งขึ้นมาทันที คีตะวันถอนหายใจเมื่อนึกถึงหน้าของย่าหยาที่ไม่พอใจเรื่องนี้ แต่ก็รับปากกับแอปเปิลไปแล้ว หากรีบไปส่งแล้วรีบไปหาย่าหยาก็ได้นี่ คีตะวันคิดคาดการณ์แต่ดูแล้วมันจะไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ
LINE!!~
พี่ย่าหยา : เจอกันที่ลานจอดรถ
คีตะวันคลี่ยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจเมื่ออ่านข้อความของย่าหยา เพิ่งจะนึกถึงเมื่อกี้ อย่างกับรู้!! พอเก็บข้าวของเสร็จคิวของไลน์ย่าหยาก็เด้งขึ้นมาบ้าง คนอย่างย่าหยาถ้ายังกินไม่อิ่มใครหน้าไหนก็มาแย่งเอาไปไม่ได้เด็ดขาด
LINE!!~
พี่ย่าหยา : มาก่อนจะไปหาน้องแอปเปิล!!
คนอ่านยิ่งยิ้มมากไปกว่าเดิมเมื่อเห็นข้อความจากคนแก่เอาแต่ใจ แต่เขาก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายโดยไม่อิดออด เก็บข้าวของทุกอย่างแล้วเดินไปหาย่าหยาที่รถตามที่หญิงสาวออกคำสั่ง
ร่างอรชรยืนพิงรถรออยู่ก่อนแล้วจากกระโปรงเปลี่ยนเป็นกางเกงเรียบร้อย ‘คิดจะทำอะไรของเขาอีก’ คีตะวันเดินตรงเข้าไปหาคนเอาแต่ใจด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“พี่มีอะไร เดี๋ยวผมก็ไปหาแล้ว ทำไมไม่รอคุยทีเดียวเลย”
“ทำไมต้องเสียเวลา ไปพร้อมกันเลยทีเดียวไง” คนสวยหันไปตอบเจ้าของรถ
“พี่ไม่กลัวคนเห็นหรือไง” ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนพูดเองแท้ๆ ว่าไม่อยากให้ใครรู้ อยากแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว
“ใครจะมาสนใจ ป่านนี้ก็ทำโอทีไม่มีใครมามองหรอก” เวลานี้กำลังปลอดคน ย่าหยามั่นใจเหลือเกินว่าจะไมมีใครรู้เห็นเรื่องของเธอกับคีตะวัน
“รปภ.หน้าบริษัทยังไง”
“ก็เอาหมวกกับเสื้อมาให้พี่ใส่สิ!!” คนเอาแต่ใจยืนยันจะไปกับเขาให้ได้ เป็นตายยังไงก็ไม่ยอม!! ย่าหยาคนหยิ่งทะนงหายไปไหนเสียแล้ว ทำไมถึงกลายเป็นยายแก่งอแงเอาแต่ใจไปได้
“รถพี่ก็มี ทำไมพี่ต้องให้ผมไปส่ง”
“ทำไม!! อยากไปส่งน้องแอปเปิลจนใจมันจะขาดเลยหรือไง”
“พี่เป็นอะไรเนี่ย” คีตะวันว่า เขาไม่เข้าใจเลยที่ย่าหยาเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวเย็นชา เดี๋ยวมาทำเป็นหวง สถานะตอนนี้เป็นอะไรกันก็ยังตอบไม่ได้ แต่กลับมีอะไรเกินเลยกันไปแล้ว
“ไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่ไม่อยากเสียเวลา”
“ไม่เห็นจะเสียเวลาตรงไหน พี่ขับรถของพี่...และพี่อยากไปทำอะไรก็ทำไปก่อน ผมไปส่งแอปเปิลเสร็จยังไงผมก็ต้องไปอาบน้ำอยู่แล้ว พี่ขับรถกลับเองจะสะดวกกว่าตั้งเยอะ”
“มันเป็นปัญหามากใช่ไหมกับรถพี่เนี่ย!!...” มือเรียวเปิดกระเป๋าหยิบเอาเจ้ากุญแจรถตัวปัญหาออกมา ก่อนที่เธอเดินออกไปขว้างมันลงบ่อน้ำที่ไม่ไกลมากหายไปกับตา “อะ พี่ไม่มีรถแล้ว ทีนี้จะไปส่งพี่ได้หรือยัง”
“......” คีตะวันพูดอะไรไม่ออก เขายืนกลั้นหัวเราะกับท่าทีเหมือนเด็กของสาวใหญ่วัยสามสิบ จะว่าตลกมันก็ตลก แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่ามันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก จะมีสักกี่คนกันที่จะได้มาเห็นเธองี่เง่าแบบนี้
“ถามว่าจะไปส่งได้ยัง ไม่มีรถแล้วเนี่ย!!”
“สรุป....พี่หึงที่ผมจะไปส่งแอปเปิลใช่ไหม”
“ทำไมต้องหึงด้วย ก็เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เพราะถูกยิงตรงเกินไป คนพูดจึงได้พูดอะไรออกไปอย่างไม่ยั้งคิด
คนฟังชาวืดไปทั้งตัวด้วยเขาไม่ได้คิดว่าจะถูกพูดตรงแบบนี้ ต้องยอมรับตามตรงว่าจริงแล้วเขาก็รู้สึกดีไม่น้อยกับค่ำคืนแสนหวานของตัวเองกับย่าหยา แต่หากว่ามันจะเป็นเพียงค่ำคืนที่คนเหงาสองคนมาระบายความใคร่ด้วยกันก็พอจะเข้าใจได้ และพร้อมจะยับยั้งตัวเองไม่ให้คิดอะไรเกินเลย
“อ๋อ...อืม!! ผมเข้าใจละ”
“เอ่อ...คือคิล.....” กว่าจะรู้ตัวเองว่าพูดอะไรออกไปก็จนได้เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจืดลงไปเสียแล้ว
“พี่รอผมไปส่งแอปเปิลก่อนได้ไหม แล้วผมจะย้อนมารับพี่ ผมรับปากเขาไปแล้ว ผมจะรีบไปรีบกลับ”
“.....” คนถูกถามกรอกสายตาอย่างไม่พอใจ ทำไมเธอต้องรอให้เขาไปส่งเด็กนั่นก่อน “อืม....ก็ได้”
เพราะเผลอปากพูดออกไปแบบนั้น ย่าหยาเลยไม่อยากเอาแต่ใจมากนักให้แตกตื่น กลัวจะยิ่งทำให้เรื่องมันแย่ลงไปอีก
ระหว่างรอคีตะวันกลับมาย่าหยาก็เอาแต่นั่งคิดว่าจะเริ่มตกลงกับคีตะวันยังไงดี ดูไปเด็กหนุ่มก็ไม่ได้เหมือนกับคนอื่นที่หิวเงินตั้งแต่แรก แล้วก็ไม่ได้ดูจะอยากกินเล่นขำๆ เหมือนคนอื่นด้วย หากไปเสนอเรื่องเงินคงไม่เหมาะเท่าไหร่ ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้ย่าหยาปวดหัว
“ทำไมต้องมาเสียสมองกับเรื่องจุกจิกแบบนี้ด้วยนะ งานการก็ไม่ได้ทำ” คนสวยบ่นกับตัวเอง
“รอนานไหม” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็กลับมาเสียทีหลังทิ้งให้ย่าหยานั่งรออยู่นมนาน
“ไม่เท่าไหร่”
“อืม งั้นก็ไปกันเถอะ”
“......” ดูจากปฏิกิริยาของอีกฝ่ายแล้วยังน้อยใจอยู่แน่ ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ย่าหยาก็ยังอยากเก็บคีตะวันไว้ ถ้าเป็นคนอื่นคงถามแล้วว่าจะเอาเท่าไหร่ แต่กับคีตะวันมันไม่ใช่ “อยากกินอะไร”
“ห้ะ?” คนถูกถามงุนงงกับความแปรปรวนของย่าหยาอย่างบอกไม่ถูก
“ก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่ จะกินอะไรล่ะ จะทำให้กิน” จะง้อเด็กทั้งทีมันก็ต้องโชว์ฝีมือกันหน่อย
“พี่ทำกับข้าวเป็นด้วยเหรอ” เด็กหนุ่มถามอย่างคับข้องใจ ดูแล้วรูปทรงไม่น่าจะสนใจงานพวกนี้เลย ย่าหยาน่ะดูเป็นสาวสมัยใหม่ที่ไม่มีเคล้าจะสนใจงานบ้านงานเรือนแต่น้อย แล้วไอ้การทำกับข้าวก็ไม่ใช่จะทำกันได้ทุกคน
“นี่!! ยังไงพี่เป็นผู้หญิงนะ มันก็ต้องทำได้ไม่ใช่หรือไง”
“ดูแล้วไม่น่าจะได้ไง พี่ดูเป็นเวิร์คกิ้งวูเมนแบบสาวสายบ้างาน”
“รู้จักแค่ด้านเดียวอย่ารีบตัดสินสิ มีอีกตั้งหลายด้านที่เธอยังไม่เคยเห็น”
“แล้วด้านที่โยนกุญแจรถลงน้ำ...ใครเห็นมาแล้วบ้างอ๊ะ ...โอ๊ย!!” มือเรียวฟาดเข้าที่แขนคีตะวันอย่างจัง
‘มาล้อกันได้ คิดว่าปกติเป็นแบบนี้หรือไง ทำไปยังไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ’ ย่าหยาคิดว่าตัวเอง
“งั้นตกลงแวะตลาด แล้วค่อยไปห้องพี่ใช่ไหมครับ”
“อืม คิดด้วยนะว่าจะกินอะไรจะได้เลือกถูก”
“ตื่นเต้นจัง จะได้ชิม......อาหารของคุณประธาน” เด็กหนุ่มลากเสียงยาวเพียงรู้เท่าทันกับคำว่าชิม ทั้งที่ก็กินมาแล้วทั้งคืน แต่ก็ไม่รู้สึกอิ่มต่อร่างกายตรงหน้า
“ปากมากแบบนี้แหละจะไม่ได้ชิม.......อะไรเลย”
“อะไรนี่.....อะไรเหรอ”
“อยากรู้...ก็ต้องรอดู” คีตะวันลืมเรื่องที่ย่าหยาพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้เสียจนสนิท คนคุมเกมยังไงก็เป็นคนคุมเกม แค่นี้มันไม่เกินความสามารถของย่าหยาอยู่แล้ว เหลือก็แต่ยายเด็กแอปเปิลที่ยังไม่รู้จะจัดการยังไงดี เพราะถ้าเธอเดาไม่ผิดคีตะวันเองก็ดูมีใจให้แม่นั่นเหมือนกัน