บทที่ 4 เพียงเพราะเป็นสตรี

2244 คำ
ผู้มาเยือนหัวเราะลั่นอย่างถูกใจกับคำพูดของอู๋ซวน เขาโอบกอดคอสหายอย่างสนิทสนม แล้วเอ่ย “สุดยอดเลย ข้าถูกใจคำพูดของเจ้าจริงๆ” ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอีกคราว “เสียงดังระวังคนข้างนอกจะได้ยินนะ” ซิงถิงเอ่ยเตือน นางรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินอู๋ซวนพูดแบบนั้นทำเอาแอบลอบยิ้ม “ลืมตัวไปหน่อยแหะๆ” เขารีบปิดปากตัวเองทันที ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าเดิม “ยินดีที่ได้รู้จักนะ ข้าชื่อเยว่สือ เจ้าชื่ออะไรหรือ” “ข้าซิงถิง” เยว่สือพยักหน้า ก่อนจะชวนคุยต่อตามประสาคนพูดมาก “นี่เจ้าอยู่กับอู๋ซวนมานานแล้วหรือ?” “ก็ประมาณเดือนกว่าแล้ว” “เอ๋ แล้วช่วงนี้เจ้านี่เป็นยังไงบ้างล่ะ” เขาชี้ไปที่อู๋ซวนพลางยิ้มกวนๆ อู๋ซวนปัดมือของเยว่สือออก ก่อนจะล้มตัวลงนอนเหมือนเดิมโดยไม่พูดอะไร เยว่สือที่เห็นท่าทีของสหายตนเอง เพียงแค่ยักไหล่เบาๆ อย่างไม่ถือสาเพราะชินแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนไปนั่งอยู่ที่เตียงซิงถิงเพื่อที่จะคุยกันให้ถนัด “ว่าไง เจ้าว่าเจ้านั่นนิสัยเป็นอย่างไร ไม่น่าคบด้วยเลยใช่ป่ะ” ซิงถิงหัวเราะเบาๆ “ก็…ข้าไม่รู้สิ เขาไม่ยอมคุยกับข้านี่” “โห ไอ้คนหยิ่ง” เขาหันไปแยกเขี้ยวใส่สหายที่นอนหันหลังอยู่อย่างไม่สนใจ ก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้าไม่ต้องไปถือสาเขาหรอก จริงๆ แล้วกว่าข้าจะสนิทกับเขาน่ะนานหลายปี นี่ๆ รู้ไหมตอนข้าเด็กๆ นะข้าไปเที่ยวเล่นที่บ้านอู๋ซวนประจำ อาหารที่บ้านมันอร่อยมาก มะ…” “อย่าพูดมากได้ไหมข้าจะนอน!” เสียงของอู๋ซวนที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ทำเอาเยว่สือคนพูดมากปิดปากตัวเองทันที พลางทำหน้าสำนึกผิด “ข้าขอโทษ…ข้านึกว่าเจ้าจะทำใจได้แล้วเสียอีก…” “…” “เอ่อคือ…” ซิงถิงรู้สึกกระอักกระอ่วนกับบรรยากาศภายในห้อง จากที่นางได้ยินมาจากซือเทียนนางจึงพอเข้าใจอยู่บ้าง ซิงถิงจึงรีบชวนเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดเสียก่อน “จริงสิเยว่สือ เจ้าหนีพวกเขามาทำไมหรือ?” “อ่อ ไม่มีอะไรมากหรอกข้าก็แค่…เล่นสนุกนิดหน่อย” เขาฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบกำไลสีเงินเรียบ ๆ วงหนึ่งออกมาแล้วเอ่ยกับอู๋ซวน “เอาไป ของเจ้าน่ะ” เขาโยนกำไลไปบนเตียงของอู๋ซวน อู๋ซวนหยิบกำไลคุ้นตาขึ้นมา… “…เจ้าเอามาได้ยังไง” “เงินแค่ไม่กี่ตำลึงเงินข้าก็หามาไถ่ให้เจ้าไง เอาเถิดไม่ต้องกังวล ข้าไม่ได้ขโมยมันมาหรอกน่า สิ่งนั้นเป็นของสำคัญไม่ใช่หรือเก็บเอาไว้ดีๆ ก็แล้วกัน” ถึงเยว่สือจะเอ่ยว่าไม่กี่ตำลึง แต่ทว่าเขากลับต้องใช้เวลาไปหลายเดือนกว่าจะรวบรวมเงินไปไถ่คืนมาได้ครบ ซึ่งที่เขายอมทุ่มเทขนาดนี้ก็เพราะว่าสิ่งนี้เป็นของดูต่างหน้าสิ่งเดียวสำหรับสหายของเขา และแม่ของอู๋ซวนก็เป็นผู้มีพระคุณของเยว่สือด้วย “…อืม ขอบใจ” “เอาละ ในเมื่อหมดธุระแล้วข้าคงต้องขอตัวล่ะนะ แล้วเจอกันใหม่” เยว่สือโบกมือให้ทั้งสองก่อนจะกระโดดออกไปจากทางหน้าต่าง… “นั่งไง! เจ้าเด็กหัวขโมยมันอยู่นั่น!” เสียงคนที่ไล่ตามจับเยว่สือตะโกนลั่นเรียกพวกพ้อง เสียงเอะอะโวยวายข้างนอกดังเกือบครึ่งชั่วยามกว่าจะสงบลง ซิงถิงมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพวกที่ตามจับเยว่สือกลับมาด้วยท่าทีหงุดหงิดก็รู้ว่าเยว่สือคงหนีเอาตัวรอดไปได้แล้ว นางหันไปมองอู๋ซวนที่นอนมองกำไลด้วยแววตาเศร้าสร้อยแล้วถอนหายใจ นางเองก็ไม่ถนัดที่จะปลอบเด็กเสียด้วย “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าเจออะไรมา แต่...หากว่าคนบนฟ้ารู้ว่าเจ้ายังจมอยู่กับอดีตแบบนี้นางคงเสียใจแย่” “…” อู๋ซวนหันมามองเด็กที่มีคำพูดไม่สมกับเด็กโดยไม่เอ่ยตอบอันใด… “นอนเถอะดึกแล้ว” นางเอ่ยพร้อมกับหลับตาเข้าสู่ห้วงนิทรา เช้าวันต่อมา ภายในห้องครัวยังคงยุ่งวุ่นวายเหมือนเดิม แต่ทว่าวันนี้กับยุ่งไปมากกว่าเดิม เหตุก็เพราะมีแขกพิเศษมาเยือน… “เร็วๆ ทุกคนเร็วๆ” พ่อครัวซือเอ่ยเร่งขณะที่ตนเองกำลังง่วนอยู่กับการเร่งทำอาหารสำหรับแขกขาจร ส่วนทางซิงถิงนั้นนางกำลังจัดเตรียมอาหารให้กับอํามาตย์ท่านหนึ่งจากต่างเมืองที่ให้เกียรติมาพักในโรงเตี๊ยม เพราะได้ยินว่าอาหารที่นี่อร่อย เมนูที่นางทำในวันนี้คือ ‘ปลานิลนึ่งซีอิ๊ว และกระเพาะปลาน้ำแดง’ “อู๋ซวนข้าฝากเจ้าจัดการปลาให้หน่อยนะ” ซิงถิงเอ่ย “อืม” อู๋ซวนรับคำ แล้วนำปลานิลตัวใหญ่ไปถอดเกล็ดล้างให้สะอาด ขณะที่ซิงถิงรอปลาจากอู๋ซวน นางก็จัดเตรียมเครื่องสมุนไพรอันได้แก่ ตะไคร้ ขิง และข่ามาจัดการหั่นให้เล็กแล้วนำไปตำให้เข้ากัน เมื่ออู๋ซวนนำปลากลับมาให้ นางก็จัดการยัดไส้เข้าไปในท้องปลา ก่อนจะวางใส่ถาดโรยด้วยเห็ดหอม แล้วฝากอู๋ซวนนำไปนึ่ง ซิงถิงจัดการเตรียมส่วนผสมสำหรับราดปลา ด้วยการนำน้ำมันงา น้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำตาล และน้ำเปล่ามาผสมให้เข้ากันเตรียมเอาไว้ ก่อนจะไปทำกระเพาะปลาต่อ “ซือเทียนเตรียมกระเพาะปลาเสร็จยังหรือ” “ใกล้แล้ว” ซือเทียนตอบขณะกำลังจริงจัง การเตรียมกระเพาะปลานั้นมีขั้นตอนยุ่งยาก เขาต้องนำกระเพาะปลาไปใส่แป้งมันผสมกับน้ำเปล่า แช่เอาไว้จนนิ่มแล้วบีบน้ำออก โดยต้องใช้สองมือประกบอย่างระมัดระวังไม่ให้กระเพาะปลาเละเสียก่อน ซิงถิงจัดการตั้งหม้อให้ร้อนด้วยไฟกลาง ก่อนจะนำต้นหอมและขิงลงไปในหม้อจนมีกลิ่นหอมออกมา ในขณะนั้นเองซือเทียนก็เสร็จพอดี นางจึงนำกระเพาะปลาลงไปในหม้อแล้วเติมน้ำเปล่า นางต้มจนกระเพาะปลานิ่ม แล้วเปลี่ยนน้ำสองรอบเพื่อขจัดไขมันออกให้ได้มากที่สุด ก่อนจะตัดขึ้นมาพักสะเด็ดน้ำแล้วนำไปแช่ในน้ำสะอาดก่อนจะส่งให้ซือเทียนไปบีบน้ำออก แล้วทำการปอกไข่นกกระทา ขณะที่รอซือเทียน ซิงถิงก็ไปดูปลาที่นึ่งเอาไว้ เมื่อเห็นว่าปลาสุกดีแล้ว นางก็จัดการราดเครื่องปรุงที่เตรียมเอาไว้ลงไปบนตัวปลา แล้วให้นึ่งต่ออีกสักพัก โดยนางฝากอู๋ซวนเอาไว้ว่า “รออีกประมาณสามเฟินเจ้าก็ยกออกจากเตาได้เลยนะ แล้วฝากโรยพริกชี้ฟ้า ต้นหอม ขึ้นฉ่ายและแครอทอบไว้อีกประมาณห้าเฟินด้วย” อู๋ซวนพยักหน้ารับ ซิงถิงกลับมาเตรียมกระเพาะปลาต่อ นางตั้งกระทะใส่น้ำมันรอน้ำมันร้อนแล้วนำเห็ดหอมปรุงรสเกลือลงไปผัดจนเห็ดหอมสุกเตรียมเอาไว้ ขณะที่ตั้งหม้อไฟกลางนำอกไก่ลงไปต้มเอาน้ำหวานแล้วตักไก่ขึ้นมาพักไว้ชั่วครู่ เตรียมให้ซือเทียนนำไปฉีกเป็นเส้นเล็กๆ นางจัดการนำวัตถุดิบทั้งหมดที่เตรียมไว้ใส่ลงไป ปรุงรส แล้วใส่แป้งลงไปผสมให้ได้ความหนืดได้ที่ตามต้องการ “ซิงถิง อาหารของท่านอํามาตย์เสร็จหรือยัง” พ่อครัวซือถามขึ้น ขณะเดินกลับมาห้องครัว “เสร็จแล้วขอรับ” ซิงถิงเอ่ยเมื่อเห็นว่ากระเพาะปลาเดือดพอดี นางตักใส่ในชามใบใหญ่ แล้วโรยหน้าด้วยไก่ฉีก กับผักชี ก่อนจะเดินไปดูปลานึ่งที่อู๋ซวนจัดเตรียมตามที่นางบอกเอาไว้เรียบแล้ว แล้วส่งให้เสี่ยวเอ้อรับไป “นึกว่าจะไม่ทันแล้ว” ซือเทียนถอนหายใจ ก่อนจะนำผ้ามาซับเหงื่อ “นั่นสิ” ซิงถิงเอ่ยผสมโรงก่อนจะหัวเราะเบาๆ แล้วนั่งพักเหนื่อยเอาแรง แต่ทว่าเพียงชั่วครู่รายการอาหารใหม่ก็มา “ผัดหมี่ซั่วหนึ่งที่” … “ผู้ใดเป็นคนทำอาหารให้ท่านอำมาตย์” ทหารนายหนึ่งเดินเข้ามาในห้องครัวอย่างถือวิสะ ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องครัวที่มีคนอยู่ประมาณสี่ห้าคน “ข้าเองขอรับ” พ่อครัวซือเอ่ยขึ้นก่อนที่ซิงถิงจะออกตัว นางหุบปากที่กำลังจะอ้าตอบทันทีแล้วลดมือที่ยกค้างเอาไว้ลง… “ท่านอำมาตย์ต้องการมอบรางวัลให้เจ้า ตามข้ามา” “โอ้~ ขอบพระคุณขอรับ” พ่อครัวซือรีบเดินตามทหารนายนั้นออกไปทันที “…” “ซิงถิง…คือว่า…” ซือเทียนเอ่ยอย่างกระอักกระอ่วน เขาเองรู้สึกว่าพ่อตนเองทำไม่ถูก ทั้งที่อาหารพวกนั้นซิงถิงเป็นผู้ทำด้วยตนเองแท้ๆ “หืม…ไม่เป็นไรหรอก” ซิงถิงเอ่ยตอบแล้วยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลงมือทำอาหารต่อทันที ไม่นานนักพ่อครัวซือก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เผยรอยยิ้มแป้น ภายในมือของเขาถือถุงเงินใหญ่มาหนึ่งถุง ก่อนที่เขาจะเรียกทุกคนมารวมกันแล้วหยิบเงินออกมาเป็นสามกอง ซิงถิงได้สองร้อยอีแปะ ซือเทียนสองร้อยอีแปะ และอู๋ซวนห้าสิบอีแปะ…การแบ่งเงินนั้นเห็นได้ชัดว่าลำเอียง แต่ทั้งหมดของทั้งสามคนรวมกันนั้น ยังไม่ถึงหนึ่งส่วนสี่ของเงินที่อยู่ในถุง อู๋ซวนรับเงินไปอย่างเงียบๆ แล้วกลับไปทำงานของตนเองต่อ ส่วนซือเทียนนั้นเอ่ยแย้งออกมา “ท่านพ่อได้รางวัลมาตั้งมากเหตุใดถึงแบ่งให้พวกเราน้อยนักเล่า อย่างน้อยก็ควรให้ซิงถิงมากสักหน่อย รางวัลนี้เป็นผลงานของเขานะขอรับ” “ซือเทียน เจ้าเองไม่คิดว่าข้าต้องเหนื่อยบ้างหรือไงกับการที่ต้องดูแลพวกเจ้าตั้งหลายคน ไปๆ กลับไปทำงานกันได้แล้ว” “…ขอรับ” ซิงถิงกับซือเทียนรับคำแล้วกลับไปทำงานต่อ แม้ซิงถิงจะรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมแต่ก็ไม่อยากพูดให้มากความ เมื่อเลิกงานขณะที่นางกำลังจะกลับไปพัก นางก็บังเอิญพบกับเถ้าแก่ชางที่ไม่ได้พบมานาน “เป็นยังไงบ้างซิงถิง เก่งมากเลยนะเพราะเจ้าแท้ๆ ท่านอำมาตย์ถึงได้พอใจได้” เถ้าแก่พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มที่มอบให้นางแบบเอ็นดู “ลำบากเจ้าแล้ว เรื่องที่ข้าสั่งพ่อครัวซือเอาไว้ว่าไม่ให้เจ้าออกตัวว่าเป็นพ่อครัว หวังว่าเจ้าจะไม่ถือสาข้านะ” “ไม่เป็นไรขอรับข้าเข้าใจ…” ใช่นางเข้าใจ...เหตุก็เพราะว่านางเป็นสตรี นางรู้ว่าเถ้าแก่ชางกลัวเรื่องนี้หลุดรอดออกไปจึงให้แต่ซิงถิงอยู่แต่ภายในห้องครัวไม่ให้ออกไปไหน แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องที่พ่อครัวซือแบ่งเงินรางวัลไม่ยุติธรรมนางก็ไม่พอใจนิดหน่อยเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยออกไป “เถ้าแก่ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ ข้าไม่ติดอันใด หากไม่ได้เถ้าแก่ช่วย ข้าคงไม่มีชีวิตที่ดีขึ้นมากถึงเพียงนี้” “งั้นคงต้องรบกวนเจ้ามากหน่อยแล้ว ข้าคาดหวังในตัวเจ้าอยู่นะ หวังว่าเจ้าจะถ่ายทอดความรู้ให้ผู้อื่นให้มาก วันหน้าเจ้าจะได้ไม่ต้องลำบากมากนัก” “ขอรับ” เมื่อซิงถิงรับคำ เถ้าแก่ชางก็เดินจากไป “เจ้าน่ะ…ที่จริงก็เจ็บใจใช่ไหมล่ะ” อู๋ซวนที่บังเอิญเดินผ่านมาได้ยินบทสนทนาทั้งหมดเอ่ยเพียงเบาเพียงแค่ให้นางได้ยินขณะที่เดินผ่านนางไป… ซิงถิงมองตามแผ่นหลังน้อยที่เดินจากไปแล้วก็ถอนหายใจ ใช่อย่างที่เขาว่า นางเจ็บใจจริงๆ พลางคิดว่าเด็กที่นี่แลดูน่าสงสาร ไหนจะต้องทำงานหนักแต่เด็ก บ้างก็ต้องเอาตัวรอดด้วยตัวเองเหมือนกับเยว่สือ จึงทำให้นางรู้สึกว่าพวกเขานั้นโตกว่าวัยที่ควรจะเป็นมาก...น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้มีความสุขเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป “เฮ้! อู๋ซวน ซิงถิง…” เสียงคุ้นหูดังขึ้นที่หน้าต่าง พร้อมกับเสียงเคาะเบาๆ ในยามวิกาลทำให้ซิงถิงที่กำลังหลับสบายต้องขยี้ตาตื่นขึ้น เมื่อนางลืมตาก็เห็นอู๋ซวนลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างให้เยว่สือเข้ามา ผู้มาเยือนส่งยิ้มสดใสแววตาเป็นประกายอย่างนึกสนุกให้อู๋ซวน และซิงถิงที่กำลังงัวเงีย “มีอะไรหรือเยว่สือ…” ซิงถิงเอ่ยถาม “พรุ่งนี้มีเทศกาลโคมไฟพวกเราออกไปเที่ยวกันเถอะ” เยว่สือเอ่ยพร้อมกับมองทั้งสองด้วยแววตาคาดหวัง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม