“เอาละครับท่านผู้ชม ตอนนี้เหล่าคณะกรรมการกำลังจะเริ่มตัดสินให้คะแนนกันแล้ว!!!” พิธีกรรายการประกาศ หลังจากที่ได้เวลาเข้าสู่ช่วงให้คะแนนของเหล่าคณะกรรมการ “หมายเลขหนึ่งเชิญยกมาเสิร์ฟให้ท่านคณะกรรมการได้เลยครับ”
เจ้าของหมายเลขหนึ่งที่ถูกเรียกก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับจานอาหารสามจานที่เสิร์ฟหน้าคณะกรรมการทั้งสามท่าน ทั้งสามมองจากอาหารต่างหน้าอย่างพิจารณา เมนูตรงหน้าเห็นได้เลยว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่างของคาวและของหวาน ซึ่งผู้เข้าแข่งขันได้เลือกโจทย์ยากให้กับด้วยเองด้วยการนำมะระไทยมาผสมเข้ากับครีมชีสและไอศกรีมเมล่อน
“อธิบายแนวคิดของอาหารจานนี้ให้พวกเราฟังหน่อยค่ะ” คณะกรรมการที่เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ค่ะ อาหารจานนี้เป็นอาหารที่เก๋ทำขึ้นมาเพื่ออยากจะให้ทุกคนได้ลิ้มรสมะระไทย ผักรสชาติขมที่ผสมผสานเข้ากับของหวานอย่างครีมชีสและไอศกรีมเมล่อนอบเชย ตอนแรกที่เก๋ทำ เก๋ยอมรับนะคะว่าจินตนาการรสชาติของอาหารจานนี้แทบไม่ออก แต่ว่าการที่เอามะระไปเชื่อมมันก็ช่วยลดความขมของมะระ และเสริมความหวานให้เข้ากับของหวานในจานนี้ได้ค่ะ”
“จานนี้มีชื่อว่าอะไรครับ”
“ครีมชีสมะระ ไอศกรีมเมล่อนค่ะ”
ทั้งสามมองหน้ากันวิจารณ์หน้าตาอาหารตรงหน้าสักครู่ การจัดจานและสีสันของอาหารดูดีทีเดียว เหลือก็แต่รสชาติ…ทั้งสามค่อย ๆ ตักอาหารในจานขึ้นมาลิ้มรส
“ผมว่ารสชาติออกโดดไปทางหวาน จากที่ลองชิมดูพอจะรู้ได้ว่ามะระถูกนำไปต้มเพื่อลดความขมและทำให้นิ่มลงก่อนนำไปเชื่อมใช่ไหมครับ”
“ค่ะ” หล่อนเอ่ยตอบ ใบหน้าเริ่มแสดงสีหน้ากังวลเมื่อเห็นว่าเหล่าคณะกรรมการดูจะไม่ค่อยพอใจกับรสชาติที่ได้ลิ้มรสไป
“คุณดารินว่าไงครับ” เขาส่งไม้ต่อ
‘ดาริน’ กรรมการหญิงอดีตผู้เข้าแข่งขันที่เคยไปถึงระดับชาติ และติดหนึ่งในสิบของสุดยอดเชฟตั้งแต่อายุน้อย เพียงแค่อายุยี่สิบเก้าปี เธอก็ได้ขึ้นแท่นมาเป็นคณะกรรมการอาหารประจำประเทศเพื่อหาเชฟรุ่นเยาว์ที่จะไปแข่งในระดับโลกได้
เธอหยิบกระดาษมาซับมุมปากเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าจากจานมองผู้เข้าแข่งขัน
“ความคิดที่จะนำมะระที่ขมมาทำเป็นของหวานดีนะคะ แต่…” ตอนแรกผู้เข้าแข่งขันสีหน้าดีขึ้นมานิดหน่อย ทว่าเมื่อเจอคำว่าแต่ของคณะกรรมการ หัวใจหล่อนก็ตกลงไปที่ตาตุ่มอีกครั้ง “อย่างที่คุณนัทเอ่ย รสชาติออกไปทางหวานมากเกินไป มันไม่มีความขมของมะระที่คุณบอกว่ามันคือจุดเด่นที่อยากให้ลิ้มรส และเมื่อทานคู่กับไอศกรีมเมล่อนความเปรี้ยวกับกลิ่นอบเชยมันกลบมะระซึ่งวัตถุดิบหลักที่คุณต้องการจะสื่อไปจนหมด”
“ใช่ครับผมเห็นด้วยกับคุณดาริน ความคิดของคุณน่ะดีแล้ว สร้างสรรค์ แต่ก็ติดเรื่องของการผสมผสานรสชาติที่จะนำรสชาติหลักของวัตถุดิบออกมา ผมก็ขอบอกตามตรงน่ะว่าจานนี้ยังไม่ว้าวพอครับ หวังว่าคุณเก๋จะพัฒนาต่อไป”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เมื่อคนแรกกลับไปอย่างผิดหวัง พิธีกรก็เอ่อเปลี่ยนบรรยากาศทันที “ผู้เข้าแข่งขันคนแรกผ่านไปแล้วครับถึงจะได้รับคำติ แต่ก็ยังมีคำชมให้ชื่นใจ เพื่อไม่ให้เสียเวลาผู้เข้าแข่งขันคนที่สองเชิญเลยครับ”
อาหารจานใหม่ถูกนำมาวางไว้ที่หน้าคณะกรรมการแทน หน้าตาอาหารอันคุ้นเคยที่มองก็รู้ว่าคือห่อหมก ถูกนำมาจัดจานอยู่ในจานก้นลึก ราดด้วยกะทิน้ำข้น ไม่ต้องให้คณะกรรมการเอ่ยถาม ผู้เข้าแข่งขันก็เอ่ยนำเสนออาหารของตัวเองทันที
“จานนี้มีชื่อว่าห่อหมกน้ำข้นครับ จานนี้เป็นเมนูอาหารไทย แต่กระผมได้ออกแบบมาให้หน้าตาดูเหมือนอาหารฝรั่งท่านคณะกรรมการลองตักลงไปที่กลางห่อหมกดูสิครับ” เมื่อเขาแนะนำ เหล่าคณะกรรมการก็ลองกดลงไป ภายในห่อหมกพวกเขาพบเนื้อปลาซ่อนอยู่ ผู้เข้าแข่งขันคนที่สองเริ่มเอ่ยต่อทันที “เนื้อปลาช่อนภายในห่อหมกนี้ผมเลือกเนื้อในส่วนของท้องปลา เพราะส่วนนี้มีความนุ่มของไขมันจากช่องท้องเข้าแทรก”
เมื่อเห็นว่าผู้เข้าแข่งขันไม่มีอะไรนำเสนอต่อ เหล่าคณะกรรมการก็ได้ชิมกันไปคนละคำ
“ธรรมดาเกินไปค่ะ”
“อืม ธรรมดาเกินไปจริง แม้รสชาติจะดี แต่ว่าขาดความคิดสร้างสรรค์ อาหารจานนี้เพียงแค่ปรับรูปแบบการนำเสนอ แต่ทั้งรสชาติและรสสัมผัสยังคงเหมือนห่อหมกธรรมดา คุณนัทมีอะไรจะเสริมไหมครับ”
“ไม่ครับผมเห็นด้วยกับทั้งสองท่าน”
ผู้เข้าแข่งขันคนที่สองจบไปอย่างรวดเร็วด้วยความผิดหวัง รายการดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ และแน่นอนว่านี้เป็นการถ่ายทอดสด จึงมีพักเบรกบ้างระหว่างเข้าสู่ช่วงโฆษณา การแข่งขันรอบนี้ดารินยอมรับว่าผู้เข้าร่วมต่างก็มีความตั้งใจ และมีความสามารถกันหลายคนทำให้ลำบากกับการให้คะแนนเป็นอย่างมาก เพราะเธอไม่อาจจะดูถูกความตั้งใจของผู้เข้าแข่งขันได้
ประมาณเกือบสองชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงผู้เข้าร่วมคนสุดท้าย ดารินยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบล้างปาก ก่อนที่อาหารจะมาวางอยู่ตรงหน้า “สเต๊กหรือค่ะ?” เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นเนื้อตรงหน้ามาลักษณะของลูกเต๋าพอดีคำ ผิดกับสเต๊กจานอื่น ๆ ที่มักจะให้ผู้ทานหั่นด้วยตัวเอง
“ใช่ครับ” เขายิ้มแป้นตอบ ก่อนจะนำเสนอ “สเต๊กจานนี้ผมขอเรียกมันว่า ‘สเต๊กโคเต๋าน้ำจิ้มแจ่ว’ เสิร์ฟคู่กับมันบดเบคอนกรอบ ความเหนียวนุ่มของเนื้อโคกินคู่กับมันบดนุ่ม และความกรอบของเบคอนราดด้วยน้ำจิ้มแจ่ว ผมคิดว่ามันเป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างรสชาติไทยกับต่างชาติ จึงอยากให้ท่านคณะกรรมการลองชิมดูครับ”
ดารินยิ้มอย่างพอใจในการนำเสนอ แม้อาหารเมนูนี้จะดูเป็นส่วนผสมที่ธรรมดา แต่ออกแบบมาได้อย่างลงตัว การจัดวางจานและอาหารบนจานก็ดูมีสัดส่วนสวยงามชวนน่าลิ้มลอง เธอตักมันบดเบคอนมาวางบนสเต๊กโคเต๋าพอดีคำ แล้วราดด้วยน้ำจิ้มแจ่ว ก่อนจะตักเข้าปาก
คำแรกที่เข้าไปเธอรู้สึกได้ถึงรสน้ำจิ้มแจ่ว เมื่อทำการเคี้ยวเนื้อ ความหวานเหนียวของเนื้อก็ผสมเข้ากับมันบด ชูรสชาติของเนื้อออกมาได้อย่างลงตัว แถมยังหอมกลิ่นเบคอนชวนให้หิวมากขึ้น เห็นทีงานนี้จะได้ผู้ชนะแล้ว
“อืม ลงตัวเลยทีเดียวครับ เนื้อโคเหนียวนุ่มพอดีแม้จะทำให้สุกแต่ก็ยังกักเก็บน้ำไว้ได้ภายในเนื้ออย่างน่าทึ่ง อืม ไร้คำติครับคุณดารินคิดว่ายังไงครับ”
“แค่ก!” ดารินสำลักเมื่อถูกเรียกกะทันหันขณะกำลังดื่มด่ำกับรสชาติที่ลงตัวอย่างน่าทึ่งจนเผลอกลืนเนื้อโคเข้าไปทั้งที่ยังเคี้ยวไม่ละเอียด “อึก!” เธอถึงกับตกใจเมื่อมันเข้าไปจุกอยู่ในคอ มือเรียวรีบคว้าแก้วน้ำมาดื่มหวังให้เนื้อที่อยู่ข้างในลำคอกลืนลงไป แต่กลายเป็นว่าเธอกลืนไม่ลงแล้วสำลักน้ำออกมา
“คุณดาริน!!” กรรมการทั้งสองท่านรีบเข้ามาดูเธอทันที
“คัด! หยุดออกอากาศก่อน!” ผู้กำกับรีบบอกทันทีแล้วให้ทำการตัดเข้าสู่ช่วงโฆษณา “รีบเรียกรถพยาบาลเร็ว!”
“อาหารติดคอแน่เลย รีบช่วยเธอให้สำลักออกมาเร็ว!” คุณนัทคนที่มีสติที่สุดเอ่ย ก่อนจะรีบอ้อมไปข้างหลังเธอแล้วทุบตรงระหว่างไหล่ทั้งสองข้างของเธอด้วยแรงปานกลาง เพื่อหวังให้เธอสำลักอาหารออกมา
ดารินนั้นเริ่มมีอาการทรมานหายใจไม่ออก และไม่สามารถส่งเสียงได้ เธอทั้งตกใจทั้งขายหน้า การออกอากาศรายการครั้งแรกในฐานะกรรมการตัดสินอาหารกำลังจะจบลงที่เธออาหารติดคอตาย!!! สติของดารินเริ่มที่จะเลือนรางลงเรื่อย ๆ เสียงเรียกชื่อเธอเริ่มจะเบาลงทุกที
เธอขาดอากาศจดหมดลมไปในที่สุด…อย่างน้อยเธอก็ได้ทำหน้าที่กรรมการที่ใฝ่ฝัน ถึงแม้จะยังทำไม่สำเร็จก็เถอะแต่ว่า…หากให้ฟื้นกลับไปเธอเองก็ไม่อยากเหมือนกัน! เพราะเคยมีที่ไหนเล่าที่กรรมการตัดสินอาหารกินอาหารติดคอตายอ่ะ!!! ตายอนาถน่าขายหน้าที่สุด!!! แถมยังออกอากาศไปทั่วโลกด้วย!
พรุ่งนี้คงได้พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเป็นแน่
แต่นี่จะเรียกว่าตายในหน้าที่ได้หรือเปล่านะ….