ณ เมืองหังโจว ไม่มีที่ใดจะคึกคักไปมากกว่าภัตตาคาร ‘ไทม่วน’ หน้าร้านคับคั่งไปด้วยเหล่าผู้คนมากหน้าหลายตา เพราะที่นี่ต้อนรับคนทุกระดับตั้งแต่รากหญ้ายันผู้มีอันจะมีจะกิน แม้จะต้องเข้าแถวยาวเพียงใดก็ไม่มีใครเอ่ยปากบ่น แม้แต่ระดับมหาเศรษฐีเองก็ด้วย เพราะอะไรน่ะหรือ? อาหารของที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นยังไงเล่า
ร้านอาหารที่เปลี่ยนรายการอาหารทุกหนึ่งเดือนตามฤดู ล้วนแต่เป็นอาหารที่ชาวเมืองหังโจวไม่เคยได้ลิ้มลอง…วัตถุดิบก็มาจากต่างแดน และที่สำคัญคือการปรุงเครื่องเทศที่ไม่เหมือนใครและเป็นเอกลักษณ์ที่ลอกเลียนแบบให้เหมือนได้ยาก ไม่ว่าใครเมื่อได้มาชิมอาหารที่ภัตตาคารนี้ ต่างก็ไม่มีใครต้านทานความอร่อยนี้ได้
“เสี่ยวเอ้อโต๊ะสิบสองได้แล้ว” เสียงที่จงใจดัดให้ต่ำตะโกนขึ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงขานรับตอบกลับทันที
“ขอรับ!” เขาหยิบจานอาหารขึ้นชื่อของร้าน ‘ตำปลาร้าม่วน’ วางบนถาดอาหารแล้วยกไปยังโต๊ะสิบสองทันที “มาแล้วขอรับ ตำปลาร้าม่วนสูตรเด็ดจากภัตตาคารไทม่วน” เด็กหนุ่มวางจานอาหารกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ลงบนโต๊ะด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะไปรับรายการอาหารจากทางโต๊ะอื่น
“เสี่ยวเอ้อเอาไก่ย่างนมสดอีกหนึ่งที่”
“ได้ขอรับ” เขาจดรายการอาหารแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปส่งรายการที่ห้องครัวทันที ห้องครัวที่แสนวุ่นวาย กำลังกระจุยกระจายจัดเตรียมอาหารกันมือระวิงไม่แพ้ข้างนอกที่เหล่าเสี่ยวเอ้อแทบจะวิ่งชนกันอยู่แล้ว
“โต๊ะสิบสองรับไก่ย่างนมสดอีกหนึ่งที่”
“อืม เสียบไว้เลย” ผู้ช่วยพ่อครัวที่กำลังหั่นมะเขือเทศลูกแดงเตรียมจัดจานให้แก่พ่อครัวใหญ่เอ่ยตอบโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้น เขาจัดการหั่นอย่างชำนาญเสียงมีดกระทบกับเขียงดังฉึก ฉึก ฉึก อย่างรวดเร็ว ไม่กี่วินาทีมะเขือเทศที่หั่นเรียงตัวสวยก็พร้อมจัดลงจานอย่างสวยงาม
ทางด้านพ่อครัวใหญ่เองก็กำลังตั้งกระทะเร่งไฟสูง พร้อมกับตีไข่เตรียมเอาไว้ เมื่อความร้อนได้ที่เขาก็ตักน้ำมันใส่กระทะกลิ้งให้เคลือบจนทั่ว ตามด้วยข้าวสวยเมล็ดงามที่หุงมาได้อย่างพอดีจนเห็นเป็นเมล็ดเรียงตัวสวย และไข่ไก่สองฟอง ก่อนจะผัดอย่างรวดเร็วไม่ให้ไข่สุกเป็นก้อน ไม่นานนักข้าวก็เป็นเมล็ดสีเหลืองทองสมชื่อ ‘ข้าวผัดทองคำ’ ก่อนที่มือเรียวขาวจะคว้าเครื่องปรุงรสมาปรุงเล็กน้อย ตามด้วยหอมซอยละเอียด แล้วผัดให้เข้ากันอีกครั้งก่อนจะตักใส่จานที่ผู้ช่วยเตรียมจัดจานเอาไว้ให้
“ข้าวผัดทองคำโต๊ะเก้าได้แล้ว” ‘นาง’ เอ่ยขณะที่ส่งไปให้เสี่ยวเอ้อคนหนึ่งที่กำลังรอรับอยู่
“อู๋ซวนหอมแดงได้ยัง”
“อืม” เขาจัดส่งให้นางทันที
ใบหน้าได้รูปที่ออกหวานเกินกว่าชายคนอื่นกำลังจริงจังกับการเริ่มอาหารจานถัดไป แม้จะเหนื่อยจะร้อน แต่นางก็มีความสุข เพราะกิจการของนางกำลังไปได้สวย แถมยังโตเกินกว่าคาดด้วย หากคิดย้อนกลับไป กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้นางทั้งเหนื่อยทั้งท้อมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ตั้งแต่ที่นางมาที่นี่สิบกว่าปีก่อนที่จะก่อตั้งภัตตาคารไทม่วน สิบกว่าปีก่อนที่นางจะรวบรวมเหล่าลูกมือที่ไว้ใจได้มาได้ และสิบกว่าปีที่นางปิดบังความลับอันใหญ่หลวง…
“ทะ…ทหาร! ซิงถิงมีทหารมา!”
เสียงตะโกนร้องโหวกเหวกของเยว่สือทำให้ซิงถิงหยุดมือที่กำลังผัดอาหารชั่วครู่พลางม้วนคิ้วสงสัย “ทหารมาแล้วไง จะเป็นใครก็ต้องต่อแถว เจ้าก็แค่จัดแถวให้พวกเขาตามลำดับเท่านั้นแหละแล้วก็ห้ามลัดแถวผู้อื่นด้วย เรื่องแค่นี้ทำไมต้องมาโหวกเหวกโวยวาย” นางตอบกลับไปอย่างใจเย็น แล้วส่ายหัวกับความกระต่ายตื่นตูมของเยว่สือ
“ไม่! พวกเขาไม่ได้มากินอาหารที่ภัตตาคารเราน่ะสิ แต่มาเพื่อจับเจ้า!”
เคร้ง!
คราวนี้ซิงถิงสนใจอย่างจริงจัง ในหัวของนางว้าวุ่นไปหมด ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้สวยแท้ๆ มันจบที่นี่หรือ! แน่นอนว่านางไม่มีทางให้เป็นแบบนั้นเด็ดขาด!!!
“ซิงถิงเจ้าไปทำอะไรมาห๊ะ ตอนนี้รีบหนีเถอะ หนีไปหลังร้านเร็ว” เยว่สือร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก
“ทำไมข้าต้องหนี ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย” นางยกกระทะลงจากเตาแล้วเช็ดมืออย่างใจเย็น ถึงคนภายนอกจะมองนางว่าไม่ได้เป็นทุกข์ร้อนอะไร แต่ว่าในหัวของนาง… ‘จับข้าหรือ! ความเรื่องเป็นผู้หญิงแล้วมาทำอาหารแตก หรือโก่งราคาขึ้นจนสูงเกินไปละเนี่ย แต่ข้าก็โก่งราคาเฉพาะเมนูพิเศษให้พวกเหล่าคนรวยล้นฟ้านะ หรือจะเป็นเรื่องที่คราวก่อนดันไม่ต้อนรับอํามาตย์เฒ่าอ้วนเจ้ายศ อ๊ากเรื่องไหนเนี่ย!!!’ ปัญหามากมายล้วนแต่เป็นปัญหาใหญ่ผุดขึ้นมาในหัวนางรัวๆ ล้วนแต่เป็นเรื่องที่อาจจะถึงขั้นโดยจับตัดหัวได้เลยทั้งนั้น!
ยังไม่ทันที่ซิงถิงจะคิดแผนรับมือ พวกทหารก็พากันบุกเข้ามาจนคนในร้านตกใจ เสียงร้องวี้ดว้ายดังระงม
“ใครคือพ่อครัวใหญ่ของที่นี่!” เสียงอันทรงอำนาจดังก้อง
“ข้าเอง”
ซิงถิงก้าวออกมาข้างหน้า ต่อให้เป็นยังไงนางก็จะปกป้องที่นี่ให้ได้
“จับ!”
“เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน พวกเจ้ามาจับซิงถิงทำไมเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย!” เยว่สือรีบมาขวางหน้านางเอาไว้ก่อนที่พวกทหารจะมาถึงตัวนาง แต่เพียงบุรุษร่างเล็กแบบเยว่สือแน่นอนว่าไม่มีทางขวางได้ เขาถูกผลักจนเซล้มไปกองกับพื้น
“โอ๊ย!!”
“เยว่สือ!”
นางถูกทหารสองนายเข้าจับกุมทันที ก่อนที่พวกเขาจะลากตัวนางออกไปนอกภัตตาคาร “เยว่สือ! อู๋ซวน! เวยหว่าน! ข้าฝากพวกเจ้าด้วยนะ ข้าไปไม่นานเดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว ฝากภัตตาคารของพวกเราด้วยนะ!” ใช่ถึงนางจะพูดออกไปแบบนั้นแต่ตอนนี้นางยังนึกไม่ออกเลยว่านางจะถูกจับกุมเรื่องอะไรกันแน่!!!
….
..
ความหนาวเย็นจากคุกใต้ดินมันทำให้นางนึกย้อนไปถึงอดีต…เรื่องมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ชาติก่อนของนาง…