รองเท้าเงาวับแบรนด์หรูเหยียบลงบนกระเบื้องลายหินอ่อนอย่างมั่นคง เรือนร่างสูงโปร่งของหนุ่มนักบินเดินตรงไปยังทางเข้าสำหรับกัปตันโดยเฉพาะ อกผึ่งผายภายใต้ชุดประจำสายการบิน SP AIRLINE ดูสง่ารับกันได้ดีกับเรียวขายาวในกางเกงเนื้อผ้าดีสีเดียวกัน มือข้างหนึ่งของเขาถือหมวกนักบินเอาไว้ส่วนอีกข้างก็ถือเอกสารที่ยังอ่านไม่จบตั้งแต่เมื่อคืน
ความหล่อระดับเทพอะพอลโลเดินดินทำเอาผู้โดยสารสาวหลายต่อหลายคนเดินผ่านเป็นอันต้องเหลียวหลัง ดวงตาเรียวสีน้ำเงินเข้มเหมือนท้องทะเลในยามราตรีน่าดึงดูด รับกันได้ดีกับคิ้วเข้มเรียงตัวสวยไม่ดกหนาจนเกินไป จมูกโด่งคมสันบ่งบอกเชื้อลูกครึ่ง ริมฝีปากเป็นกระจับดูสุขภาพดีไม่ดำคล้ำอย่างสิงห์นักสูบ ทั้งหมดรวมออกมาเป็นใบหน้าของ ดามิทรี แคนเชลสกี้ซาโกเยฟ ได้อย่างลงตัวราวกับพระเจ้าจับวาง
“คร่ำอยู่กับเอกสารมากี่คืนแล้วครับคุณเพื่อน ทำไมไม่ให้อดัมกับเจสันช่วยล่ะ" เสียงทักทายจากเพื่อนนักบินหนุ่มหล่อล่ำคนหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ดามิทรีต้องละสายตาจากเอกสารในมือที่ตนกำลังจดจ่ออยู่
“อดัมมีไว้ช่วยขับเครื่องบินเหมือนนาย ส่วนเจสันถนัดเรื่องต่อยตี เมญ่าเลขาของฉันไม่ว่าง ดังนั้นเอกสารพวกนี้เลยตกมาอยู่ที่ฉัน ถ้านายอยากช่วยล่ะก็ ฉันมีอีกเป็นร้อยฉบับที่ออฟฟิศ เอาไหมล่ะวนัช" ดามิทรีตอบเสียงกวน ๆ พร้อมรอยยิ้มกระชากใจสาวที่ทำให้คนที่เอ่ยแซวอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
เจ้าของชื่อวนัช รีบยกมือขึ้นปฏิเสธอย่างรวดเร็ว วนัชเป็นหนุ่มไทยแท้ ผิวขาวเหลืองไม่ได้นวลผ่องเหมือนลูกครึ่งอย่างดามิทรีเรื่องความหล่อเหลาเขายังเป็นรองเพื่อนสนิทอยู่มาก แต่ถึงกระนั้นวนัชก็ไม่ยี่หระ เพราะหน้าตาไม่ได้ช่วยนำทางเขาเวลาขับเครื่องบินได้
“ขอผ่านล่ะ เอกสารกับฉันเป็นของตรงข้ามกัน ไปนะ อยากหาอะไรหม่ำก่อนบินไฟลต์ยาว รอบนี้ฉันต้องไปริยาร์ด นายล่ะ?”
“ลอนดอน…” ดามิทรีตอบลากเสียง สายตาของเขามองผ่านไหล่ของเพื่อนไปยังทางเดินด้านหลัง ซึ่งเป็นเกตของผู้โดยสารชั้นเฟิสต์คลาสของเที่ยวบินที่กำลังจะทะยานสู่ฟากฟ้าในอีกไม่กี่นาทีหลังจากนี้
ใบหน้าสวยแสนคุ้นเคย
ดวงตากลมโตสุกใส
เลลา
“เฮ้ย เป็นอะไรหรือเปล่าวะกัปตัน เหม่อใหญ่เลย เอกสารทำลายเซลล์ประสาทไปแล้วหรือไง" วนัชเอ่ยแซว หันหลังไปมองว่าเพื่อนของตนกำลังมองอะไรอยู่ แต่สิ่งที่เห็นกลับมีแค่เหล่าผู้โดยสารหลากหลายเชื้อชาติ เพศสภาพและสีผิวกำลังเดินสวนกันอยู่
“พอดีเจอนางฟ้า ไปก่อนนะ"
คำพูดของเพื่อนทำเอาวนัชมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ นี่เพื่อนเขาบินจนเพี้ยนไปแล้วหรืออย่างไร
…
ที่นั่งสำหรับชั้นเฟิสต์คลาสของสายการบิน SP AIRLINE บนเครื่องบินโดยสารระยะยาว SP-R5059 ลำใหม่ล่าสุดเป็นที่นั่งพิเศษ เนื่องจากตัวที่นั่งจะเป็นเหมือนห้องโดยสารส่วนตัวขนาดย่อม มีประตูสำหรับเปิดปิดได้ และกำแพงที่ใช้กั้นแต่ละที่นั่งก็สูงกว่าที่นั่งเฟิสต์คลาสของเครื่องบินลำอื่น สร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้โดยสารได้มากถึงมากที่สุด
แต่ราคานั้นก็ย่อมแลกมากับความหรูหรามากเช่นกัน โชคดีที่เลลามีไมล์สะสมอยู่เยอะ ทำให้ค่าตั๋วนั้นถูกหั่นลงไประดับหนึ่งที่เธอยอมจ่ายเพื่อให้ได้ความสะดวกสบายนี้มาครอบครอง อันที่จริงถ้าได้จ่ายเต็มเลลาก็จ่ายได้ไม่มีปัญหา
ระยะเวลาในการบินลัดฟ้าไปลอนดอนใช้เวลาทั้งสิ้นกว่า 12 ชั่วโมง เลลาตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนซื้อตั๋วแล้วว่า เธอจะนอนให้เต็มอิ่ม ให้สมกับความหรูหราของที่นั่งระดับเฟิสต์คลาสพิเศษนี้
หลังเลือกเมนูที่จะรับประทานในไฟลต์เรียบร้อย เลลาก็ถือถุงพลาสติกใสที่บรรจุชุดนอนสำหรับชั้นเฟิสต์คลาสเท่านั้นเดินตรงปรี่ไปที่ห้องน้ำของเครื่อง เพื่อเปลี่ยนชุดทันที ชุดนอนผ้าลื่นสีทองไม่ฉูดฉาดไซส์พอดีตัว ออกจะคับเล็กน้อยบริเวณหน้าอก ถูกสวมลงบนเรือนร่างของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย
เลลาเดินถือชุดที่เปลี่ยนแล้วออกมาจากห้องน้ำ ก็สัมผัสได้ถึงสายตาไม่น่าไว้วางใจจากผู้โดยสารบางคนแต่เธอก็ทำเป็นใจดีสู้เสือ เดินกลับไปยังที่นั่งของตนเอง แอร์โฮสเตสหรี่ไฟลงให้ผู้โดยสาร นั่นยิ่งทำให้เลลายิ่งรู้สึกอยากนอนมากขึ้นไปอีก
เธอหยิบเอากระปุกยาแก้แพ้ที่กินเป็นประจำหากต้องการนอนหลับให้ลึกขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วเทมันออกมาหนึ่งเม็ดเลลาวางมันลงบนลิ้นแล้วเปิดขวดน้ำดื่มสะอาดของสายการบินกรอกใส่ปากตามไป
ฤทธิ์ของยาแก้แพ้แสดงผลไวเท่าที่ใจเธอปรารถนา เลลาพรูลมหายใจออกมาอย่างสบายอารมณ์หลังปรับที่นั่งเป็นเบาะนอนราบ 180 องศาเหมือนเตียงนุ่มนิ่มที่บ้านแล้ว เธอทิ้งตัวลงนอนอย่างคนหมดแรง การนอนหลับคือการหนีทุกปัญหาและเรื่องมากมายในหัวที่กำลังรบกวนหัวใจของเธออยู่
เลลาไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่เธอรู้สึกได้ถึงสัมผัสนุ่มหยุ่นที่แก้ม มีคนกำลังหอมแก้มเธออยู่ จมูกนั้นไล่ไปจนถึงหน้าผากของเธอ ไรผม เรื่อยลงมาที่เปลือกตา แก้มอีกข้าง และซอกคอ
ความรู้สึกแบบนี้นี่มัน…นางฟ้าแม่ทูนหัวหรือ?
เธอเคยได้ยินคนพูดถึงเรื่องเด็กเล็กจะมีนางฟ้าแม่ทูนหัวมาคอยลูบผมกล่อมให้หลับใหล และฝันดีไปตลอดทั้งคืน
นี่นางฟ้าแม่ทูนหัวมาช่วยให้เธอหลับฝันดีไปตลอดไฟลต์งั้นหรือ?
แต่เราไม่ใช่เด็กแล้วนะเลลาคิดในใจ
หญิงสาวลืมตาไม่ขึ้น รู้สึกเหมือนตกอยู่ในช่วงเวลากึ่งหลับกึ่งตื่นที่ไม่สามารถอธิบายได้อากัปกิริยาหอมของนางฟ้าแม่ทูนหัวเริ่มเปลี่ยนเป็นการ…จูบ?
จูบหน้าผาก?
“บี๋ขา..” น้ำเสียงอ่อนโยนแสนคุ้นเคยของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหู ตามมาด้วยการงับเบาเป็นการหยอกเอิน “เราเจอกันอีกแล้วนะคะ"
บี๋?
บี๋ขาด้วย?
เจอกันอีกแล้ว?
เลลาฝืนความง่วงงุนเพื่อลืมตาขึ้นมามองที่มาของสัมผัสประหลาดบนใบหน้าของตนตลอดหลายนาทีที่ผ่านมาเมื่อครู่
ทันทีที่ดวงตาเปิดกว้าง เธอก็ได้สบเข้ากับดวงตาสีน้ำทะเลของใครคนหนึ่ง ใบหน้าของเทพเจ้าเดินดินที่เธอหมั่นไส้เกินกว่าจนทนมองได้เกินหนึ่งนาทีอยู่ห่างกับเธอเพียงแค่คืบ
“ตื่นแล้วเหรอคะ บี๋ขา"
“คุณอีกแล้วเหรอ!?”