ช่วงนี้ปกป้องพักผ่อนน้อย ไหนจะงานในหน้าที่ ไหนจะต้องออกงานกับฉันทาเกี่ยวกับโครงการบ้านจัดสรรของหล่อน เขากลืนอะไรไม่ค่อยลง รสมือใครก็ไม่ถูกปากเหมือนที่ยี่หวาเคยทำ เขาติดรสมือยี่หวาเลยพาลกินอะไรไม่อร่อย ชายหนุ่มรีบสะบัดหน้า เขาตัดใจจากยี่หวาแล้ว ไม่ควรติดใจอะไรที่เกี่ยวกับหล่อนอีก
“ขอบคุณนะ ผมชินกับการกินร้านข้างทางแล้วล่ะ”
ญาดาแค่นยิ้ม คนอย่างปกป้องนะหรือจะยอมลดตัวลงไปกินร้านอาหารข้างทาง ในเมื่อเท่าที่รู้มาฉันทาปรนเปรอเขาไม่ขาด หล่อนพาชายตรงหน้าเดินเข้าร้านอาหารดัง โรงแรมหรูเป็นว่าเล่น
“เหรอคะ ไม่ท้องเสียแย่เหรอคะ คุณป้องไม่มีภูมิต้านทานเรื่องอาหารการกินนี่นา”
ฟังเหมือนพูดเพราะความเป็นห่วง แต่สีหน้าแววตากลับเหมือนกำลังถูกเยาะหยัน ใช่เลยปกป้องถูกเลี้ยงดูประหนึ่งคุณหนูลูกผู้รากมากดี บิดามารดาเขาถนอมอย่างดี ยิ่งได้ภรรยาแบบยี่หวาเขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเดิม งานบ้านงานเรือนยี่หวาไม่เคยบกพร่อง หล่อนเป็นแม่ศรีเรือนที่หายากในผู้หญิงสมัยนี้ แต่นั่นไม่ทำให้ความรักของเขากับยี่หวาคงทน เมื่อความลำบากเคาะประตูหน้าบ้าน ปกป้องก็เริ่มออกนอกลู่นอกทางทางหน้าต่าง และยี่หวาไม่เคยปริปากบ่น
“ผมลำบากมาหลายปีแล้วครับหวา เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมแล้วล่ะ”
ปกป้องตอบเสียงกระชาก เขากำลังถูกคนไม่มีปากเสียงไล่ต้อนอยู่ใช่ไหม
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นฝากไปให้คนที่คุณป้องกำลังจะไปหาเขาก็ได้ รับรองเขาต้องชอบเมนูที่หวานฝากไปแน่ค่ะ”
เปลือกตาปกป้องหรี่ลง เขาพิจารณาคนที่เคยนอนเคียงข้างมานานปีอีกครั้ง ยี่หวาไม่ได้ทรุดโทรมอมทุกข์เหมือนทุกครั้งที่พบเจอกัน วันนี้ยี่หวาแปลกตา ครั้งแรกปกป้องคิดว่าชุดที่หล่อนสวมมาเลยทำให้หญิงตรงหน้าดูดีขึ้น แต่ทั้งหมดนั่นไม่ใช่เลย วันนี้ยี่หวาดูแกร่ง และท้าทายสายตาเขา ท่าทางหล่อนเหมือนแม่ทัพที่นำทัพมาเพื่อประจัญบานกับศัตรู และศัตรูที่ว่านั่นคือเขาเอง
“หวาไปหาคุณแม่มาหรือไง”
ยี่หวามีที่พึ่งคือมารดาเท่านั้น หล่อนคงได้กำลังใจและคำแนะนำจากเย็นตามา
“ค่ะ หวาเพิ่งกลับมาจากบ้านแม่ ไม่ถามถึงท่านสักหน่อยเหรอคะ คุณป้องไม่เจอแม่หวามากี่ปีแล้วเอ่ย”
ญาดากล่าวประชด คงเพราะผู้ชายตรงหน้าติดพันกับหญิงคนใหม่ ไม่สนใจดูดำดูดีภรรยารวมทั้งลูก แถมบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยี่หวาด้วย
“ผมคงต้องบากหน้าไปหาท่านเร็วๆ นี้”
ปกป้องเบื่อเสียงบ่นของฉันทา เขาคงต้องเด็ดขาด และทางออกนั่นถูกจุดประกายเมื่อยี่หวาพาดพิงถึงมารดาของหล่อน ความรักที่สลายไปแล้วกอบกู้ขึ้นมาใหม่คงไม่เหมือนเดิม เขายินดีรับผิดชอบปกปักทุกทาง สนับสนุนได้ทุกรูปแบบ แต่ยี่หวาต้องเปิดทางให้ ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกอิหลักอิเหลื่อ เมื่อเขากลับไปอยู่ในสถานะเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“อย่าลำบากไปรบกวนแม่หวาเลยค่ะ คุณป้องควรมีความเป็นลูกผู้ชายมากกว่านี้นะคะ หากคุณป้องอยากหย่า คุณป้องควรให้ทนายของผู้หญิงคนนั้นควานหาข้อบกพร่องของหวาค่ะ หวาจะหย่ากับคุณป้องผ่านคำสั่งศาลเท่านั้น”
ปกป้องตัวแข็งทื่อ เขามองยี่หวาแบบไม่อยากเชื่อตา ผู้หญิงหัวอ่อนเมื่อหลายปีก่อนหายไปไหน คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขานี่ คือนางมารชัดๆ
“ผมไม่พร้อมที่จะคุยกับหวาที่นี่”
“อายเหรอคะ ทำไมเพิ่งมาหน้าบางตอนนี้ คุณป้องย่ำยีหวาเป็นปีๆ เพิ่งรู้สึกเหรอคะว่าที่ทำอยู่มันผิด”
สีหน้าปกป้องแดงจัด เขากระเด้งลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้ล้มดังโครม ยี่หวายังยืนยิ้มไม่สะเทือน หล่อนเดินเข้ามาหาเขา ท่าทางไม่สะทกสะท้าน
“เอาไปฝากฉันทาด้วยนะคะ บอกว่าหวาฝากมาให้ ฉันทาน่าจะชอบแกงกะหรี่ฝีมือหวา”
ปกป้องกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เขาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ปล่อยให้ยี่หวายัดปิ่นโตเถาใหญ่ใส่มือเขา หล่อนโน้มตัวมาใกล้ กระซิบเสียงแหบๆ
“ยี่หวาคนเดิมตายไปแล้วค่ะ ยี่หวาคนนี้มาทวงคืนความยุติธรรมจากคุณป้อง และแก้แค้นทุกคนที่ทำให้หวาเจ็บ”
แววตาอาฆาตทำเอาปกป้องขนลุกซู่ เขาเชื่อว่ายี่หวาทำได้จริง ท่าทางหล่อนพร้อมลงมือฆ่าจริงๆ หล่อนกินยาอะไรเข้าไปนะถึงได้กล้าบ้าบิ่นเช่นนี้
“หวารอที่บ้านนะคะคุณป้อง อย่านาน...เพราะจากนี้ไปหวาจะไม่ทน”
ยี่หวายืนขวางประตูและพูดเสียงดัง ก่อนจะกวาดตามองไปรอบตัว เธอเชื่อว่าสิ่งที่เธอพูดวันนี้จะถูกส่งตรงถึงฉันทา เป็นการท้ารบแบบเปิดเผย นับจากนี้ไปคือสงคราม...
.ถลกหนังหัว
“เอาไปแบ่งกันกิน ผมขอร้อง อย่าไปบอกฉันทาเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เลยนะ”
ปกป้องกระแทกปิ่นโตบนโต๊ะผู้ช่วยที่นั่งทำงานหน้าห้องเขา เขาสำทับหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะกระแทกเท้าเดินลงจากสำนักงาน ทันได้เห็นไฟท้ายรถยนต์ยี่ห้อดังขนาดครอบครัววิ่งผ่านหน้าไป ชายหนุ่มขมวดคิ้วหรี่ตา เขาห่างเหินกับยี่หวานานขนาดไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของหล่อนเลยเชียวเหรอ ยี่หวามีรถยนต์ขับ แถมหล่อนไปฝึกหัดขับรถยนต์มาตอนไหน ท่าทางคุ้นมือแบบนั้นไม่ใช่คนที่เพิ่งเริ่มต้นขับรถยนต์แน่ๆ
“ใช่หวาแน่เหรอ?”
ปกป้องสะบัดหน้า เขาคิดฟุ้งซ่านได้ยังไง ไม่มีใครปลอมตัวเป็นคนอื่นได้เนียนขนาดนี้หรอก ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ไม่น่าใช่คนอื่น ที่เขาเผชิญหน้ามาเมื่อสักครู่คือยี่หวาชัดๆ
ความหนักใจนั่นติดอยู่ในใจเขาจนกลืนอาหารมื้อกลางวันไม่คล่องคอ ปกป้องวางช้อน ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม หมดอารมณ์กินขึ้นมาดื้อๆ เกิดอะไรขึ้น ทำไมยี่หวาลุกขึ้นมาตั้งท่าสู้ ยี่หวาคนที่เขารู้จักไม่ใช่แบบนี้
“ป้องวันก่อนเห็นเมียเก่าคุณไปส่งลูกที่โรงเรียน หวาไปทำอะไรมา รู้สึกว่าจะสวยขึ้นนะ”
เพื่อนร่วมโต๊ะถามเสียงแผ่ว
“โรงเรียนอะไรล่ะ” ปกป้องอดใจไม่ถามไม่ได้ เขาอยากรู้เหมือนกันว่ายี่หวาให้ปกปักเข้าเรียนที่ไหน เมื่อเลยวันเปิดภาคเรียนไปหลายเดือนแล้ว
คนตอบ ตอบเหมือนเสียไม่ได้ ปกป้องถึงกับอึ้ง ชื่อสถานศึกษาของเอกชน ค่าเทอมแพงหูฉี่ เขาไม่คิดว่ายี่หวาจะร่ำรวยขนาดมีสตางค์จ่ายค่าเทอมได้ เย็นนี้เขาคงต้องกลับไปบ้านหลังนั้นแล้วถามให้รู้เรื่อง ยี่หวาจะใช้ชื่อของเขาแอบอ้างเอาปกปักไปเข้าโรงเรียนไม่ได้ หากอยากให้บุตรชายเรียนตามเกณฑ์เขายินดีช่วย แต่คงไม่หรูขนาดนี้ ค่าเทอมโรงเรียนนั้นคือเงินเดือนเกือบครึ่งปีของเขาทีเดียว
“บอกตรงๆ นะป้อง ถ้าเมียผมไม่ดันทุรัง ผมไม่อยากให้ลูกเรียนที่นั่นหรอก ค่าเทอมแพงบรรลัย”
ปกป้องพอรู้เรื่องค่าเทอมของแต่ละโรงเรียน เขาเองก็หนักใจกับการศึกษาของลูก จะรบกวนฉันทาก็เกรงใจ ทุกวันนี้เขาก็แทบไม่เหลือศักดิ์ศรี คนรอบตัวมองออกว่าเขาอาศัยบารมีของฉันทาแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะรถยนต์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือแม่แต่นาฬิการาคาแพงที่สวมไว้ ทุกอย่างคือของขวัญที่ฉันทามอบให้เขา
ชายหนุ่มถอนใจแรงๆ เขาเป็นพ่อที่ไม่เอาไหน
การศึกษาคือเรื่องใหญ่สำหรับบุตร แต่เขากลับคิดเล็กคิดน้อย แถมเพิกเฉยความพยายามของยี่หวา จนทำให้ปกปักเข้าเรียนตามเกณฑ์ไม่ทัน
“ว่าแต่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่าคุณฉันเขาช่วย”
คนส่วนใหญ่น่าจะคิดแบบนี้แหละ ฉันทาน่าจะอนุเคราะห์ให้ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้น ฉันทาเลิกใส่ใจยี่หวาตั้งแต่เขาหอบผ้าไปอยู่กับหล่อนแล้ว คนที่ชนะย่อมไม่ใส่ใจคนแพ้ นั่นคือสัจธรรม
“โชคดีแฮะ ได้เมียใจกว้างเหมือนทะเล”
ไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานคนนี้ชื่นชมหรือประชด ใครๆ ก็รู้ฉันทากดดันยี่หวาจนทำให้ยี่หวาเก็บเนื้อเก็บตัว เขาสบายใจขึ้น ไม่ใคร่มีเสียงซุบซิบ ที่ไหนได้ ช่วงที่เขาสบายใจ ยี่หวากลับซุ่มทำบางอย่าง จนเขาเริ่มระแวงอีกครั้ง
ยี่หวามาไม้ไหนนะ หล่อนอาจจะขู่เขาให้ตกใจเล่นก็ได้
คนอย่างยี่หวาจะสู้ฉันทาได้ยังไง หล่อนไม่มีพรรคพวก ไม่มีคนคอยหนุนหลัง ผู้หญิงตัวคนเดียว จะมาสู้กับคนที่มีอิทธิพลได้ยังไง ปกป้องพยายามคิดในแง่ดี เขากลัวยี่หวาก่อเรื่อง จนทำให้ความสัมพันธ์ของตนเองกับเสี่ยปรีชาสะเทือน