ญาดาฝืนยิ้ม ยังกอดหลานชายไว้เหมือนเดิม “หวากับลูกไม่เคยห่างกันนานแบบนี้นี่คะ” ปกปักเอียงคอมองมารดาซ้ำ เด็กชายทำท่าเหมือนจะพูดบางอย่างออกมา ญาดาเลยรีบยกมือปิดปาก พร้อมกับมองสบตาเขา
“นั่นสิ แม่ก็ว่าแปลก จู่ๆ ก็ส่งหลานมาหาแม่ มีปัญหาอะไรกับพ่อป้องหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ หวาแค่ติดธุระ”
“อ้อ ดีแล้ว พ่อป้องเขาทำงานคนเดียว หาเลี้ยงตั้งสามคน อะไรที่ทนได้ก็ทนไปเถอะ”
เพราะแม่ปลูกฝังยี่หวาแบบนี้หรือเปล่า ยี่หวาเลยพยายามทน ทนจนทนไม่ไหว และตัดสินใจทิ้งโลกนี้ไปดื้อๆ ญาดาเม้มปาก ลุกขึ้นยืนและกำมือปกปักไว้แน่น หลานคนนี้จะต้องไม่เหมือนมารดาเขา ญาดาจะคุ้มครอง ปกป้องเขาให้สู้คน
“จะค้างไหมล่ะ อยู่คุยกับแม่สักสองสามวันดีไหม”
แววตาของบุตรสาวอมทุกข์มีหรือเย็นตาจะไม่รู้ เพียงแต่ครั้งนี้แววตายี่หวาแตกต่างจากทุกครั้งที่เจอ คงเพราะเวลาละมั้งที่ทำให้ยี่หวาแกร่งขึ้น เย็นตาลืมไป ยี่หวาอ่อนแอมาตั้งแต่เด็ก จู่ๆ จะแกร่งขึ้นไม่น่าใช่
“ไม่หรอกค่ะแม่ หวามีหลายอย่างต้องทำ ไว้วันหลัง หวาจะมาอยู่ให้แม่หายคิดถึง” ญาดาตอบแล้วรีบหลบตา ยี่หวาคงไม่ได้ทำแบบนั้นอีก แต่คงได้อยู่กับมารดาจนกว่าท่านจะตามไปนั่นแหละ
“ปกไปเก็บของสิลูก เราจะกลับบ้านกัน”
เด็กชายเม้มปาก พยักหน้ายอมรับง่ายๆ ญาดามองไปรอบๆ บ้าน ความทรงจำเก่าๆ ไหลบ่าจนน้ำตาแทบทะเล็ด เธอยกมือกรีดรอยน้ำตาและเชิดหน้าสูดลมหายใจแรงๆ ครั้นมองสบตามารดา เย็นตากำลงหรี่ตามองอยู่พอดี
“หวาเปลี่ยนไปนะลูก”
ญาดาแค่นยิ้ม “หวาเหมือนเดิมไม่ได้แล้วค่ะแม่ แม่ก็รู้ หากหวาไม่เปลี่ยน หวาคงอยู่ไม่ได้”
เย็นตาถอนใจเฮือก นางรับรู้ปัญหาของบุตรสาว และพยายามช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ ยี่หวาปากหนัก แทบไม่ค่อยปริปากบอกนาง ดังนั้นเลยได้แต่มองห่างๆ และพยายามเอาใจช่วย
“ใจแย็นๆ นะลูก ผัวเมียก็แบบนี้แหละ ค่อยๆ ประคับประคองกันไป”
ญาดาอยากตะโกนใส่หน้าแม่ ยี่หวาทนจนทนไม่ไหว ลาโลกนี้ไปแล้ว จากนี้ไปจะเป็นเธอนี่แหละที่ตามรวบยอดคนเหล่านั้น
“เสร็จแล้วครับแม่ เรากลับบ้านกันเถอะครับ” ปกปักยิ้มแผล่ มือกระตุกมือญาดาเบาๆ
“ไม่อยู่กินข้าวเย็นกับยายก่อนเหรอปก คิดถึงแม่มากเลยหรือไง”
“วันหลังนะคะแม่ วันหลังหวาจะมากราบแม่ด้วยตัวเอง”
ญาดาพูดทิ้งท้าย แล้วก็ลุกขึ้นยืน จูงมือปกปักออกไปจากประตูบ้านช้าๆ เย็นตาใจหายวูบ นางขมวดคิ้ว มองตามเงาบุตรสาวและหลานไปจนทุกอย่างหายไปจากสายตา...
ปกปักมองรถยนต์ใหม่เอี่ยมสลับกับเงยหน้ามองมารดา ถึงทุกอย่างจะเหมือน หน้าตาไม่แตกต่าง แต่มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป
“แม่เอารถคันนี้มาจากไหนครับ?”
ญาดาอมยิ้ม “ปกไม่ชอบเหรอ เราไม่ต้องเบียดคนอื่นบนรถประจำทาง ปกอยากไปไหนบอกแม่ แม่จะพาไปทุกที่”
“แม่ไม่ค่อยมีสตางค์นี่ครับ”
“ตอนนี้แม่มีแล้ว ปกอยากได้อะไรล่ะ แม่จะซื้อให้ทุกอย่าง”
“น้าคนนั้นเอาเงินมาให้แม่เหรอครับ”
ญาดาขมวดคิ้ว แสดงว่าฉันทาเคยคุกคามยี่หวาจนแม้แต่ปกปักยังเคยเห็น หญิงสาวฝืนยิ้ม ข่มความโกรธไว้ในใจ
“เปล่า แม่จะชดเชยทุกอย่างที่ปกต้องเสียไป รีบกลับบ้านเถอะ แม่กับปกมีอะไรให้ทำอีกเยอะ”
“แม่ครับ...”
“มีอะไรเหรอปก...”
“คือ....”
“เชื่อแม่นะปก นอกจากแม่ปก ก็มีแม่นี่แหละที่รักปกที่สุด” ญาดาพูดช้าๆ มองสบตาหลานชาย
ปกปักพยักหน้าเขาไม่เคยเคลือบแคลงความรู้สึกของหญิงตรงหน้า แม้จะมีบางอย่างเปลี่ยนไป แต่ความรักท่วมท้นยังคงมีเหมือนเดิม
ญาดายิ้มสบายใจครั้งแรก นับว่ายี่หวาสอนลูกให้เข้าใจโลกได้ดี เธอรู้ดีว่าเด็กชายมีความเคลือบแคลง แต่เขาเลือกที่จะไม่พูดออกมาตรงๆ
หนึ่งชั่วโมงกับการเดินทางแสนสบายจบลง รถยนต์คันเล็กเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าบ้านหลังเดิมที่ไม่เหมือนเดิมแล้ว ปกปักมองบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดตาค้าง บ้านโทรมหลังนั้นไม่เหลือเค้าเดิม บ้านถูกทาสีใหม่สดใสขึ้น บริเวณบ้านเต็มไปด้วยพรรณไม้สีสันสดใส กระทั่งด้านในก็ยังเปลี่ยนทุกอย่าง แคร่ไม้เก่าๆ หายไปแทนที่ด้วยโซฟาหนังนุ่มน่าสบายตั้งอยู่แทน มีทีวีจอยักษ์ที่ปกปักเคยแอบมองจากร้านค้าถัดบ้านตัวเองไปสองหลังแขวนอยู่ที่ผนังบ้าน
เครื่องเรือนภายในบ้านถูกเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
“ชอบไหมปก แม่จะไม่ให้ปกอยู่แบบอัตคัดอีกต่อไปแล้ว” ญาดายิ้ม
เห็นสีหน้าเบิกบานของหลานแล้วสลดใจ ยี่หวากับหลานอดทนอยู่ในบ้านโทรมๆ หลังนี้ได้ยังไงเป็นปีๆ
“ปกเสียดายเงินครับแม่”
“ไม่ต้องเสียดาย จากนี้ไป ปกต้องมีทุกอย่าง แม่มีมากพอที่จะบันดาลให้ปก”
“แม่ครับ”
“ปก....สักวันแม่จะบอก แต่ไม่ใช่เวลานี้ ขึ้นไปดูห้องปกสิลูก ชอบหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกใจจะได้เปลี่ยนทัน”
ยังไม่ถึงเวลาที่ปกปักควรรู้ ญาดาตัดบทและชวนหลานชายไปสนใจอย่างอื่น ซึ่งปกปักก็ยอมทำตาม
แผนต่อไป...
เพื่อนบ้านรอบๆ เริ่มสนใจความเปลี่ยนแปลงของยี่หวา แต่ก็ไม่มีใครกล้ามากพอที่จะบุกเข้าไปถาม เพราะยี่หวาคนนี้ไม่เหมือนยี่หวาคนก่อนรัศมีความมั่งมีจับทั่วทั้งตัว ยี่หวาไม่ได้ไปซื้อของใช้ในร้านโชห่วยปากทางเข้าบ้าน เธอพาปกปักตระเวนเดินในตลาด หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรัง และไม่เหนียมอายเหมือนเคย
เธอไม่ทำงานบ้าน มีสาวชาวบ้านอายุไม่เกินยี่สิบมาอยู่ด้วย
เพื่อนบ้านพยายามสอบถามความเปลี่ยนแปลงจากสาวคนนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรเพิ่มเติม เนื่องจากสาวคนนั้น ‘พูดไม่ได้’
ความลับไม่มีในโลก ข้อนั้นญาดารู้ดี เธอเลยคัดคนงานเอาที่มีคุณสมบัติไม่สามารถปูดความลับของตัวเองได้มาอยู่ด้วย เทิดเองก็อยู่ไม่ไกล หนุ่มใหญ่เดินเข้าเดินออก และคอยส่งข่าวให้ญาดารู้ ผ่านคราบคนส่งของ
โรงเรียนใหม่ญาดาเลือกที่ดีที่สุด ไม่เกี่ยงเรื่องค่าใช้จ่าย
เธอมีมากพอที่จะสนับสนุนหลานชายทุกทาง แค่ปกปักยิ้มได้ และตื่นเต้นที่จะไปโรงเรียนจนลืมสนใจสิ่งที่ตนเองเคลือบแคลงก็พอแล้ว หลานมีที่เรียนแล้ว จากนี้ไป คือการรังควานสามีของยี่หวา
คนพวกนั้นจะได้รู้ ว่าการถูกบีบคั้นเป็นอย่างไร
หลังส่งปกปักที่โรงเรียน ญาดาในคราบยี่หวาก็กลับมาเตรียมตัว เธอปล่อยให้คนพวกนั้นสบายใจมาหลายอาทิตย์แล้วนี่นะ จากนี้ไป ทั้งปกป้องและฉันทาต้องอับอายขายขี้หน้าคนรอบตัวบ้าง
“เธอๆ ผู้หญิงที่เดินเข้าไปนั่นใช่ภรรยาของคุณป้องไหมอะ”
มีเสียงซุบซิบดังตามหลังตอนที่ญาดาเดินผ่านประตูหน้าที่ทำงานของปกป้อง เธอถือปิ่นโตเถาใหญ่มาด้วย ไม่ได้เจือจานอาหารมื้อกลางวันให้ผู้ชายใจโฉดที่ทิ้งลูกเมียหรอก แต่อยากมาฉีกหน้าเขา และสะกิดต่อมความอายให้ปกป้องรู้จักสะเทือนบ้าง
“ไม่น่าใช่นะ ฉันเคยเห็น โทรมเหมือนป้าแก่ๆ คนหนึ่งเท่านั้นแหละ”
ญาดายิ้มเครียด เพราะความทุกข์หลายเรื่องยี่หวาเลยทรุดโทรม แต่นี่คือเธอ ปกป้องควรรู้จักตัวตนของยี่หวาในแบบที่เขาไม่เคยเจอบ้าง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังเบาๆ ปกป้องเงยหน้าจากกองเอกสาร มองประตูและเอ่ยปากอนุญาต
“เข้ามาสิ จะเที่ยงแล้วนะ เอาไว้ตอนบ่ายไม่ดีกว่าเหรอครับ”
ปกป้องเข้าใจว่าลูกน้องเอาเอกสารมาให้เซ็น เขามองนาฬิกาแล้วแย้งเสียงเรียบ
“เซอร์ไพรส์!”
เสียงหวานคุ้นหู หน้าหวานคุ้นตา แต่แปลกจนรู้สึก
ปกป้องหรี่เปลือกตาลง ยี่หวาไม่เคยบุกมาหาเขาถึงที่ทำงาน หล่อนอยู่เงียบๆ และไม่เคยเรียกร้องอะไร
“แปลกใจอะไรคะคุณป้อง หรือว่าไม่เจอกันนานคุณป้องเลยลืมไปว่าภรรยาตัวเองชื่อยี่หวา”
แววตาคมกริบแถมสู้ตาไม่มีหลบ ยี่หวาเดินเข้ามาหา ปกป้องกลับรู้สึกผวา หน้าตาเหมือนเดิมก็จริงแต่ทำไมปกป้องกลับรู้สึกไปเอง คนตรงหน้าไม่ใช่ยี่หวาแน่ๆ
“หวามาทำอะไรที่นี่” ปกป้องข่มความหวาดหวั่นรีบถามกลับ
“หวาเอามื้อกลางวันมาให้ค่ะ คุณป้องดูเหมือนจะผอมไปนะคะ”