มาร์คัสไม่ตอบแม่หนูน้อย เขาเหลือบสายตามองลูกน้องทุกคน ซึ่งต่างก็จ้องมองเขาและหนูน้อยเอมมี่ด้วยความสนใจ โดยเฉพาะที่เป็นสุภาพสตรี แสดงอาการให้เห็นอย่างชัดเจนว่าอยากรู้เรื่องราวเป็นอย่างไร จู่ๆ เขาถึงมีลูกสาวโตถึงเพียงนี้แล้ว จึงถอนหายใจยาว เห็นว่าการประชุมในวันนี้ดูท่าจะเป็นหมันโดยไม่ได้ตั้งใจซะแล้ว
“ปิดการประชุมเพียงแค่นี้ก่อน เชิญพวกคุณออกไปได้แล้ว”
ถูกเจ้านายไล่เสียงเข้ม แถมยังกวาดสายตาจ้องมองเขม็งแบบเรียงตัว บรรดาลูกน้องที่อยากอยู่ฟังเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ จำต้องพากันลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมในที่สุด
ขณะดวงตาคมกริบจ้องมองลูกน้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ กำลังจะเดินออกจากห้องประชุม ใช่ว่าจะลืมเรื่องที่สั่งไว้ในก่อนหน้านี้
“วันจันทร์ 08.30 นาฬิกา หวังว่าผมจะได้รับรายงานผลการทำงานจากพวกคุณทุกคน”
น้ำเสียงที่เอ่ยสั่งราบเรียบทว่าเต็มไปด้วยอำนาจที่แผ่ออกมา ทำเอาลูกน้องทุกคนต้องหันมารับคำ ก่อนจะพากันเดินออกจากห้องประชุมอย่างรวดเร็ว
หนูน้อยเอมมี่มองตามผู้ใหญ่หลายคนที่เดินตัวลีบออกไปจากห้อง ก็หันมาเอ่ยถามผู้เป็นบิดาตามนิสัยช่างชัก ช่างถามของตนเอง
“แด๊ดดี้ไล่พวกเขาไปไหนคะ”
“ไม่ได้ไล่ แค่ต้องการให้พวกเขากลับไปทำงานต่อเท่านั้นเองครับ”
มาร์คัสเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผิดกับตอนพูดกับลูกน้องยิ่งนัก ทำเอาเขาต้องแปลกใจอีกหน ว่าทำไมถึงสามารถพูดกับเด็กน้อยคนนี้ได้ด้วยถ้อยคำอ่อนโยนถึงเพียงนี้
“แต่พวกเขา...”
“เรามาคุยเรื่องของเราต่อดีไหม เอมมี่” มาร์คัสค้านออกมา ก่อนปากเล็กๆ จะตั้งคำถามให้เขาปวดหัวไปมากกว่านี้อีก
“นั่งลงสิ เอมมี่”
หนูน้อยเอมมี่เดินไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกันกับมาร์คัส โดยไม่ลืมกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่น พอถูกดวงตาคมกริบของคนที่ตนเองเรียกว่าแด๊ดดี้จ้องมองเขม็ง ก็รีบฉีกยิ้มหวานให้ทันที
“แด๊ดดี้คะ เอมมี่อยากรู้ว่า...”
“หยุด! ตั้งคำถามก่อนเอมมี่”
มาร์คัสยกมือห้ามทัพ พร้อมกับสั่งเสียงเข้ม ไม่อยากให้หนูน้อยเอมมี่เป็นฝ่ายตั้งคำถามกับเขา เพราะนั่นจะทำให้ปวดหัวอย่างหนัก และไม่รู้เรื่องราวของเด็กน้อยคนนี้สักที
“ก็ได้ค่ะแด๊ดดี้”
หนูน้อยเอมมี่รับคำ ดวงตากลมโตจ้องมองตอบ ยังคงยิ้มแป้นให้กับมาร์คัสเช่นเดิม
“เรามาเล่นเกมยี่สิบคำถามกันหน่อยเอมมี่ จำไว้ว่าหนูมีสิทธิ์ตอบ แต่ไม่มีสิทธิ์ตั้งคำถามกับน้า เข้าใจเงื่อนไขไหมครับ”
มาร์คัสลืมตัว นึกว่ากำลังพูดกับลูกน้องของตนเองอยู่ จึงออกคำสั่งเสียงเข้มด้วยความเคยชิน ทางด้านของหนูน้อยเอมมี่ ถูกสอนมาอย่างดี พอผู้ใหญ่สั่ง ก็เชื่อฟังรับคำอย่างง่ายดาย
“ได้ค่ะ แด๊ดดี้ เอมมี่จะตอบคำถามของแด๊ดดี้อย่างเดียวค่ะ”
มาร์คัสถอนหายใจยาวกับสรรพนามที่หนูน้อยเรียกตนเอง ซึ่งเขาไม่ชอบเอาอย่างมาก เพราะมั่นใจว่าตนเองไม่ใช่พ่อของหนูน้อยที่ชื่อเอมมี่อย่างแน่นอน
“อันดับแรก เอมมี่ต้องเลิกเรียกน้าว่าแด๊ดดี้”
“ทำไมคะ...”
หนูน้อยดวงตากลมโตถามกลับในทันควัน ลืมคำสั่งในก่อนหน้านี้เสียสิ้น และลืมว่าตนเองรับคำว่าจะเป็นฝ่ายตอบคำถามแค่เพียงอย่างเดียว
มาร์คัสขึงตาใส่เอมมี่เป็นการย้ำให้นึกถึงคำสั่งของเขา และเด็กน้อยก็รีบพยักหน้าหงึกๆ ยกมือปิดปากตัวเองไว้ในทันที
เมื่อเอมมี่แสดงให้เห็นว่าจะยอมทำตามที่เขาสั่ง จึงเอ่ยบอกเสียงเข้มว่า “น้าไม่ใช่แด๊ดดี้ของหนู เอมมี่กำลังเข้าใจอะไรผิดแล้ว”
พอได้ยินคำปฏิเสธ คุณน้าตรงหน้าบอกว่าเขาไม่ใช่บิดาที่เธออยากพบ และอยากมาอยู่ด้วยในประเทศไทย เอมมี่ก็ทำหน้าเหยเกกำลังจะร้องไห้
“อย่าร้องไห้เด็ดขาดนะ เอมมี่!”
มาร์คัสสั่งเสียงเข้ม ยกมือใหญ่ไปเช็ดน้ำตาออกจากหางตาให้กับหนูน้อย ซึ่งรีบกะพริบตาถี่ๆ ไล่หยาดน้ำตา แต่กระนั้นก็ยังคงสูดสะอื้นให้ได้ยินขณะรับคำออกมา
“ค่ะ...เอมมี่จะไม่ร้องไห้ค่ะ...”
“ดีมาก” มาร์คัสเอ่ยชม ก่อนจะเริ่มเล่มเกมยี่สิบคำถามกับหนูน้อยต่อ “เมื่อสักครู่ เอมมี่บอกน้าว่าเพิ่งลงจากเครื่องบิน หมายความว่าเอมมี่เดินทางมาจากไหนครับ”
“เอมมี่มาจาก แอล เอ ค่ะแด๊ดดี้”
“หมายถึงลอสแอนเจลิส?”
มาร์คัสถามเพื่อความมั่นใจว่าหนูน้อยเอมมี่ หมายถึงรัฐลอสแอนเจลิส หรือที่เรียกว่า แอล เอ (L.A.) ซึ่งเป็นรัฐใหญ่ที่มีประชากรมากที่สุดอันดับสองในสหรัฐอเมริกา
“ใช่ค่ะ แด๊ดดี้ เอมมี่มาจากลอสแอนเจลิสค่ะ”
“เอมมี่มากับใคร คุณพ่อ คุณแม่ของเอ็มม่าอยู่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้หนูมาที่บริษัทของน้าแค่เพียงลำพัง รู้ไหมว่ามันอันตรายมาก ที่จะเข้ามาในตึกแห่งนี้โดยไม่มีผู้ปกครองมาด้วย”
มาร์คัสเอ่ยถามแกมตำหนิผู้ปกครองของหนูน้อยไปในตัว นั่นก็เป็นเพราะว่าอดเป็นห่วงในความปลอดภัยของเอมมี่ไม่ได้
อาคารซี คลาร์ก ตั้งอยู่ในแหล่งธุรกิจใจกลางของกรุงเทพฯ เป็นอาคารสูงถึงยี่สิบชั้น ซึ่งมีบริษัทชั้นนำหลายบริษัทมาเช่าทำธุรกิจเต็มทุกชั้น แน่นอนว่าย่อมมีผู้คนมากมายเข้าออกในอาคารแห่งนี้ มีทั้งคนดี มีทั้งคนเลวปะปนกันไป ซึ่ง
มาร์คัสไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไร ที่ผู้ปกครองของเอมมี่ปล่อยให้เด็กน้อยมาแค่เพียงลำพัง
พอถูกมาร์คัสถามถึงผู้เป็นแม่ เอมมี่ก็ตาแดง แบะหน้าจะร้องไห้อีกครั้ง จากนั้นก็เอ่ยตอบเสียงสั่นเครือตามความเป็นจริง
“มามี้ของเอมมี่ไปสวรรค์แล้วค่ะ”
“อะ...อะไรนะ”
มาร์คัสทวนคำ พอเห็นสีหน้าของหนูน้อยเอมมี่ ก็นึกเสียใจที่ตนเองถามออกมาเช่นนี้ ซึ่งเป็นการชี้จุดให้เด็กน้อยต้องร้องไห้อีกครั้ง
“น้า...ขอโทษ น้าไม่ได้ตั้งใจ แล้วเอมมี่มาประเทศไทยกับใครครับ”
ขณะเอ่ยถาม มาร์คัสจ้องมองใบหน้าเด็กน้อยเขม็ง และยิ่งมองหน้าเอมมี่ ก็ยิ่งรู้สึกคุ้นกับใบหน้าเล็กๆ นี้เหลือเกิน
“เอมมี่มากับป้าไข่ค่ะ”
“ป้าไข่?” มาร์คัสเลิกคิ้วขึ้นสูง จากนั้นก็เอ่ยถามต่อ “ป้าไข่ของเอมมี่อยู่ที่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้เอมมี่มาหาน้าแค่เพียงลำพัง”