ฉีกกฎรักสยบหัวใจ | 3

1421 คำ
“แล้วทำไมไม่บอกว่ายื่นเข้าบริหารตอนสอบพี่กับไอ้ภีมจะได้ช่วยติว” ภามพูดขึ้นทันทีเพราะเขาเองก็เรียนคณะบริหารเหมือนกันเพื่อไปสานต่อธุรกิจของครอบครัวเฉกเช่นเดียวกับบทเพลง “พี่ภีมช่วยเพลงติวตลอดนะมีแต่พี่ภามนั่นแหละออกไปหาแต่ผู้หญิงไม่สนใจน้อง” บทเพลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเพราะเธอเองก็มาติวที่นี่แต่ภามไม่เคยจะอยู่บ้าน และคนที่ต้องรับหน้าที่ติวให้เธอเลยตกเป็นภีม “ก็จังหวะนั่นมันห้ามไม่ได้ ถ้าไม่ได้ไปลงกับผู้หญิงพวกนั้นจะให้พี่ไปลงที่ไหนล่ะ” เพราะเมื่อไหร่ที่เขามีอารมณ์เขาต้องปลดปล่อยและแน่นอนว่าปลดปล่อยใส่คนอื่นมันดีกว่าการช่วยตัวเอง “ลงกับเพลง” บทเพลงบ่นขึ้นมุบมิบทำเอาภีมหันหน้าไปมองหน้าน้องสาวคนสนิท โชคดีที่ภามยืนอยู่ไกลไม่งั้นคงได้ยินประโยคนี้ออกจากปากของบทเพลงแล้ว “วะ…ว่าอะไรนะ” ภามถามขึ้นทันทีเพราะคำพูดที่เอ่ยออกมาของบทเพลงเขาไม่ได้ยิน “เพลงบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ผ่านมาแล้ว” บทเพลงแก้ต่างให้ตัวเองเพราะเรื่องการสอบผ่านมาแล้วและตอนนี้รอแค่มหาลัยประกาศผลตอนเย็นนี้ก็เท่านั้น “พี่ขอโทษแล้วกันแต่เพลงก็รู้พี่มีอาการอะไร” อาการของภามโชคดีอย่่างหนึ่งที่มันไม่ได้ร้ายแรงจนต้องพบแพทย์เป็นประจำมีแต่ไปเป็นครั้งคราวก็เท่านั้น “เพลงเข้าใจถึงบอกว่าไม่เป็นไรไง” บทเพลงพูดย้ำขึ้นอีกครั้งเพราะเรื่องตรงนี้เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรเพราะถ้าหากภามไม่ออกไปทำแบบนั้นมันอาจจะเป็นภามเองที่แย่ “ดูมึงจะแคร์เพลงมาเลยนะไอ้ภาม” ภีมพูดขึ้นทันทีเพราะดูเหมือนตอนนี้ภามแฝดพี่ของเขากำลังรู้สึกผิด “ก็น้องกูคนหนึ่งไหมล่ะ” บทเพลงแทบจะหัวเราะออกมากับประโยคนี้ของภาม เธอไม่ได้อยากเป็นน้องและไม่เคยมองภามเป็นพี่ “เพลงว่าเราลงไปกินข้าวกันดีกว่า เพลงหิวแล้ว” บทเพลงพูดขึ้นทันทีพร้อมกับเดินออกไปจากห้องปล่อยให้ภามที่ยืนอยู่เยื้องประตูได้แต่ทำหน้า งง “ทำไมดูตึงๆ” ภามพูดขึ้นทันทีเพราะอาการของบทเพลงดูไม่จอยเหมือนกับตอนมา “มึงพูดอะไรไม่เข้าหูน้องหรือเปล่า” ภีมตอบกลับไปเพราะในเมื่อบทเพลงไม่ให้บอก เขาที่เป็นพี่ชายอีกคนก็จะไม่บอก แต่จะโทษภามที่ไม่รู้ก็ไม่ได้เพราะภีมเองก็เข้าใจว่าภามมองบทเพลงเป็นน้องสาวมันจึงไม่แปลกถ้าภามจะไม่ตะหงิดใจหรือคิดอะไร สงสารก็แต่บทเพลงที่กำลังเอาตัวเองไปยึดติดกับภามเข้าเรื่อยๆนั่นแหละ “ลงไปกินข้าวเถอะกูหิว” สุดท้ายภีมก็พูดขึ้นอีกครั้งเพราะไม่งั้นแฝดพี่ของเขาคงคิดอะไรไปมากกว่านี้แน่ บนโต๊ะมื้ออาหารเที่ยงของวันนี้แน่นอนว่ามีแต่เสียงของบทเพลงกับภูมิใจที่เจื้อยแจ้วกันทำเอาคนเป็นพี่และมะนาวที่เป็นอายิ้มออกมากับภาพนี้ เธอก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่หนูเพลงลูกสาวเพื่อนสนิทจะเข้ามาเป็นสะใภ้จริงๆสักทีเพราะการได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแบบนี้มันดีไม่น้อย “เดี๋ยวหนูเพลงไปไหนต่อไหม” มะนาวถามขึ้นทันทีเพราะตอนนี้ทุกคนทานอาหารเสร็จแล้วเหลือก็แต่เพียงน้องเล็กของบ้านที่กำลังอร่อยกับของหวาน “เพลงว่าจะกลับบ้านค่ะเพราะสี่โมงประกาศผลสอบ” บทเพลงตอบกลับไปเพราะวันนี้คือวันที่จะประกาศคะแนนการยื่นเข้ามหาลัยว่าเธอจะติดหรือเปล่า “ติดชัวร์ พี่ติวให้ซะอย่าง” ภีมเองก็มั่นใจในตัวบทเพลงไม่น้อยเพราะตอนติวมันก็ทำให้เขารู้ว่าบทเพลงเรียนเก่งมาก “ฮ่าๆ ถ้าติดก็ดีมากๆเลยจะได้สบายใจและหันไปทำเพลงได้สักที ดองมานานแล้ว” ทำเพลงที่เธอหมายถึงก็คือการอัดเนื้อร้องลงเพลงใหม่ที่เธอกำลังจะปล่อยออกมาเร็วๆนี้ ตอนนี้บทเพลงเป็นศิลปินเดี่ยวอยู่สังกัดหนึ่ง แน่นอนว่าพ่อของเธอหรือคุณหน้ากากเพชรสีบลูก็อยู่เบื้องหลังผลงานต่่างๆของเธอมากมาย ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้ผ่านพ้นช่วงการสอบเข้ามหาลัยของเธอก่อนจะได้มีเวลาไปทำเพลงเสียที “อารอฟังเพลงใหม่ของหนูเพลงไม่ไหว” มะนาวพูดขึ้นอีกครั้ง แน่นอนว่าใครต่อใครต่างรอฟังเพลงใหม่ของเธอเพราะตอนนี้เธอกำลังขึ้นแท่นเป็นศิลปินเดี่ยวหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงและรับรองได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ปล่อยเพลงใหม่ออกมาคงจะดังและเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม “ขอบคุณนะคะอามะนาว งั้นเพลงกลับก่อนนะคะ” หลังจากร่ำลาทุกคน บทเพลงก็แบกตัวเองกลับบ้านและตอนนี้เธอกำลังนั่งลุ้นอยู่กับพ่อกับแม่ที่กลางบ้านว่าเธอจะติดมหาลัยหรือเปล่า “พ่อว่าเพลงจะติดไหม” บทเพลงถามขึ้นทันทีเมื่อนิ้วเรียวกำลังพิมพ์เลขรหัสของตัวเองลงไปในระบบ “บทเพลงของพ่อเก่งขนาดนี้ต้องคิดอยู่แล้ว” คนเป็นพ่ออย่างเพชรพูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวลูกสาวของตัวเองไปด้วย “แม่กดให้เพลงนะ เพลงไม่กล้าดูอะ” บทเพลงที่พิมพ์เลขรหัสเสร็จก็ได้แต่ยกมือปิดตาและเอ่ยปากบอกคนเป็นแม่เพราะเธอลุ้นจนไม่กล้าดูเอง บัวที่ได้รับคำสั่งจากลูกสาวก็เอื้อมมือไปกดเอ็นเตอร์ก่อนที่หน้าจอจะแสดงผลออกมา ทำเอาเธอและผู้เป็นสามีต้องปิดปากและยิ้มออกมา “พะ…เพลงดูสิ” น้ำเสียงสั่นๆของคนเป็นแม่พูดขึ้นทันทีเพราะเธอดีใจจนไม่พูดออกแล้ว “แม่บอกสิ เพลงไม่กล้าดู” เพราะตอนนี้บทเพลงก็ลุ้นเสียกว่าอะไรเธอยกมือปิดตาไม่กล้าเปิดออก “เปิดตาเร็วเพลง ภูมิใจกับผลงานของตัวเองหน่อย” เมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นพ่อ บทเพลงก็เปิดตาตัวเองก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาเพราะตอนนี้เธอติดมหาลัยแล้วและยิ่งไปกว่านั้นติดที่เดียวกับภามและคณะเดียวกัน “เพลงดีใจ” บทเพลงโผล่เข้ากอดพ่อกับแม่ของเธอด้วยความดีใจเพราะความพยายามของเธอไม่เสียเปล่า เธอลงทุนและลงแรงกับการสอบครั้งนี้ไปเยอะมากไม่เพียงแต่ภีมที่ช่วยติวแต่เธอยังเรียนเสริมต่างๆมากมายเพราะมหาลัยที่เธอต้องการเข้านี้เป็นมหาลัยเอกชนชั้นนำที่ต้องสอบเข้าเท่านั้น “พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวบทเพลงที่สุด” คนเป็นพ่อพูดขึ้นทันทีพร้อมฝังจมูกลงบนแก้มเนียนของลูกสาว ตอนนี้ลูกสาวของเขาประสบความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นเล็กๆในหนึ่งก้าวของชีวิต “แม่ก็ภูมิใจในตัวเพลงที่สุด เก่งมากลูกสาวของแม่” คนเป็นแม่พูดขึ้นเช่นกันเพราะตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ก็ดีใจไม่ต่างกับบทเพลงเลย “ทำไมเพลงเลือกเรียนบริหารแทนการเรียนนิเทศล่ะลูกของพ่อชอบร้องเพลงไม่ใช่หรอ” นี่คือข้อสงสัยที่อยู่ในใจคนเป็นพ่อมาตลอดแต่ก็ยังไม่เคยเอ่ยปากถามออกไปจนตอนนี้เพราะเขาเองก็ไม่บังคับบทเพลงว่าต้องเรียนอะไรเพราะอยากให้บทเพลงได้เรียนสิ่งที่ชอบ “ถ้าเพลงพูดตรงๆพ่อห้ามว่าเพลงนะ” บทเพลงพูดขึ้นเพราะเธอรู้ดีว่าพ่อของเธอหวงเธอมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พ่อต้องรู้แล้ว “ลองบอกมาก่อน” คนเป็นพ่อพูดขึ้นทันทีพร้อมกับตั้งตารอฟังคำพูดที่จะออกจากปากของลูกสาว “เพลงชอบร้องเพลงและอยากเป็นนักร้องก็จริงแต่ที่เพลงเรียนบริหารนั่นเพราะพี่ภาม” “ทำไมเพราะภาม” “เพลงชอบพี่ภามและตั้งใจแล้วว่าพรุ่งนี้เพลงจะไปบอกชอบพี่ภามค่ะพ่อ” ❤️ ลูกสาวแรงมาก !
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม