“แล้วทำไมไม่บอกว่ายื่นเข้าบริหารตอนสอบพี่กับไอ้ภีมจะได้ช่วยติว” ภามพูดขึ้นทันทีเพราะเขาเองก็เรียนคณะบริหารเหมือนกันเพื่อไปสานต่อธุรกิจของครอบครัวเฉกเช่นเดียวกับบทเพลง
“พี่ภีมช่วยเพลงติวตลอดนะมีแต่พี่ภามนั่นแหละออกไปหาแต่ผู้หญิงไม่สนใจน้อง” บทเพลงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเพราะเธอเองก็มาติวที่นี่แต่ภามไม่เคยจะอยู่บ้าน และคนที่ต้องรับหน้าที่ติวให้เธอเลยตกเป็นภีม
“ก็จังหวะนั่นมันห้ามไม่ได้ ถ้าไม่ได้ไปลงกับผู้หญิงพวกนั้นจะให้พี่ไปลงที่ไหนล่ะ” เพราะเมื่อไหร่ที่เขามีอารมณ์เขาต้องปลดปล่อยและแน่นอนว่าปลดปล่อยใส่คนอื่นมันดีกว่าการช่วยตัวเอง
“ลงกับเพลง” บทเพลงบ่นขึ้นมุบมิบทำเอาภีมหันหน้าไปมองหน้าน้องสาวคนสนิท โชคดีที่ภามยืนอยู่ไกลไม่งั้นคงได้ยินประโยคนี้ออกจากปากของบทเพลงแล้ว
“วะ…ว่าอะไรนะ” ภามถามขึ้นทันทีเพราะคำพูดที่เอ่ยออกมาของบทเพลงเขาไม่ได้ยิน
“เพลงบอกว่าไม่เป็นไรค่ะ ผ่านมาแล้ว” บทเพลงแก้ต่างให้ตัวเองเพราะเรื่องการสอบผ่านมาแล้วและตอนนี้รอแค่มหาลัยประกาศผลตอนเย็นนี้ก็เท่านั้น
“พี่ขอโทษแล้วกันแต่เพลงก็รู้พี่มีอาการอะไร” อาการของภามโชคดีอย่่างหนึ่งที่มันไม่ได้ร้ายแรงจนต้องพบแพทย์เป็นประจำมีแต่ไปเป็นครั้งคราวก็เท่านั้น
“เพลงเข้าใจถึงบอกว่าไม่เป็นไรไง” บทเพลงพูดย้ำขึ้นอีกครั้งเพราะเรื่องตรงนี้เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไรเพราะถ้าหากภามไม่ออกไปทำแบบนั้นมันอาจจะเป็นภามเองที่แย่
“ดูมึงจะแคร์เพลงมาเลยนะไอ้ภาม” ภีมพูดขึ้นทันทีเพราะดูเหมือนตอนนี้ภามแฝดพี่ของเขากำลังรู้สึกผิด
“ก็น้องกูคนหนึ่งไหมล่ะ” บทเพลงแทบจะหัวเราะออกมากับประโยคนี้ของภาม
เธอไม่ได้อยากเป็นน้องและไม่เคยมองภามเป็นพี่
“เพลงว่าเราลงไปกินข้าวกันดีกว่า เพลงหิวแล้ว” บทเพลงพูดขึ้นทันทีพร้อมกับเดินออกไปจากห้องปล่อยให้ภามที่ยืนอยู่เยื้องประตูได้แต่ทำหน้า งง
“ทำไมดูตึงๆ” ภามพูดขึ้นทันทีเพราะอาการของบทเพลงดูไม่จอยเหมือนกับตอนมา
“มึงพูดอะไรไม่เข้าหูน้องหรือเปล่า” ภีมตอบกลับไปเพราะในเมื่อบทเพลงไม่ให้บอก เขาที่เป็นพี่ชายอีกคนก็จะไม่บอก
แต่จะโทษภามที่ไม่รู้ก็ไม่ได้เพราะภีมเองก็เข้าใจว่าภามมองบทเพลงเป็นน้องสาวมันจึงไม่แปลกถ้าภามจะไม่ตะหงิดใจหรือคิดอะไร สงสารก็แต่บทเพลงที่กำลังเอาตัวเองไปยึดติดกับภามเข้าเรื่อยๆนั่นแหละ
“ลงไปกินข้าวเถอะกูหิว” สุดท้ายภีมก็พูดขึ้นอีกครั้งเพราะไม่งั้นแฝดพี่ของเขาคงคิดอะไรไปมากกว่านี้แน่
บนโต๊ะมื้ออาหารเที่ยงของวันนี้แน่นอนว่ามีแต่เสียงของบทเพลงกับภูมิใจที่เจื้อยแจ้วกันทำเอาคนเป็นพี่และมะนาวที่เป็นอายิ้มออกมากับภาพนี้
เธอก็ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่หนูเพลงลูกสาวเพื่อนสนิทจะเข้ามาเป็นสะใภ้จริงๆสักทีเพราะการได้ร่วมโต๊ะอาหารด้วยกันแบบนี้มันดีไม่น้อย
“เดี๋ยวหนูเพลงไปไหนต่อไหม” มะนาวถามขึ้นทันทีเพราะตอนนี้ทุกคนทานอาหารเสร็จแล้วเหลือก็แต่เพียงน้องเล็กของบ้านที่กำลังอร่อยกับของหวาน
“เพลงว่าจะกลับบ้านค่ะเพราะสี่โมงประกาศผลสอบ” บทเพลงตอบกลับไปเพราะวันนี้คือวันที่จะประกาศคะแนนการยื่นเข้ามหาลัยว่าเธอจะติดหรือเปล่า
“ติดชัวร์ พี่ติวให้ซะอย่าง” ภีมเองก็มั่นใจในตัวบทเพลงไม่น้อยเพราะตอนติวมันก็ทำให้เขารู้ว่าบทเพลงเรียนเก่งมาก
“ฮ่าๆ ถ้าติดก็ดีมากๆเลยจะได้สบายใจและหันไปทำเพลงได้สักที ดองมานานแล้ว” ทำเพลงที่เธอหมายถึงก็คือการอัดเนื้อร้องลงเพลงใหม่ที่เธอกำลังจะปล่อยออกมาเร็วๆนี้
ตอนนี้บทเพลงเป็นศิลปินเดี่ยวอยู่สังกัดหนึ่ง แน่นอนว่าพ่อของเธอหรือคุณหน้ากากเพชรสีบลูก็อยู่เบื้องหลังผลงานต่่างๆของเธอมากมาย ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้ผ่านพ้นช่วงการสอบเข้ามหาลัยของเธอก่อนจะได้มีเวลาไปทำเพลงเสียที
“อารอฟังเพลงใหม่ของหนูเพลงไม่ไหว” มะนาวพูดขึ้นอีกครั้ง
แน่นอนว่าใครต่อใครต่างรอฟังเพลงใหม่ของเธอเพราะตอนนี้เธอกำลังขึ้นแท่นเป็นศิลปินเดี่ยวหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงและรับรองได้เลยว่าเมื่อไหร่ที่ปล่อยเพลงใหม่ออกมาคงจะดังและเป็นที่รู้จักมากกว่าเดิม
“ขอบคุณนะคะอามะนาว งั้นเพลงกลับก่อนนะคะ” หลังจากร่ำลาทุกคน บทเพลงก็แบกตัวเองกลับบ้านและตอนนี้เธอกำลังนั่งลุ้นอยู่กับพ่อกับแม่ที่กลางบ้านว่าเธอจะติดมหาลัยหรือเปล่า
“พ่อว่าเพลงจะติดไหม” บทเพลงถามขึ้นทันทีเมื่อนิ้วเรียวกำลังพิมพ์เลขรหัสของตัวเองลงไปในระบบ
“บทเพลงของพ่อเก่งขนาดนี้ต้องคิดอยู่แล้ว” คนเป็นพ่ออย่างเพชรพูดขึ้นพร้อมกับลูบหัวลูกสาวของตัวเองไปด้วย
“แม่กดให้เพลงนะ เพลงไม่กล้าดูอะ” บทเพลงที่พิมพ์เลขรหัสเสร็จก็ได้แต่ยกมือปิดตาและเอ่ยปากบอกคนเป็นแม่เพราะเธอลุ้นจนไม่กล้าดูเอง
บัวที่ได้รับคำสั่งจากลูกสาวก็เอื้อมมือไปกดเอ็นเตอร์ก่อนที่หน้าจอจะแสดงผลออกมา ทำเอาเธอและผู้เป็นสามีต้องปิดปากและยิ้มออกมา
“พะ…เพลงดูสิ” น้ำเสียงสั่นๆของคนเป็นแม่พูดขึ้นทันทีเพราะเธอดีใจจนไม่พูดออกแล้ว
“แม่บอกสิ เพลงไม่กล้าดู” เพราะตอนนี้บทเพลงก็ลุ้นเสียกว่าอะไรเธอยกมือปิดตาไม่กล้าเปิดออก
“เปิดตาเร็วเพลง ภูมิใจกับผลงานของตัวเองหน่อย” เมื่อได้ยินคำพูดของคนเป็นพ่อ บทเพลงก็เปิดตาตัวเองก่อนจะร้องกรี๊ดออกมาเพราะตอนนี้เธอติดมหาลัยแล้วและยิ่งไปกว่านั้นติดที่เดียวกับภามและคณะเดียวกัน
“เพลงดีใจ” บทเพลงโผล่เข้ากอดพ่อกับแม่ของเธอด้วยความดีใจเพราะความพยายามของเธอไม่เสียเปล่า เธอลงทุนและลงแรงกับการสอบครั้งนี้ไปเยอะมากไม่เพียงแต่ภีมที่ช่วยติวแต่เธอยังเรียนเสริมต่างๆมากมายเพราะมหาลัยที่เธอต้องการเข้านี้เป็นมหาลัยเอกชนชั้นนำที่ต้องสอบเข้าเท่านั้น
“พ่อกับแม่ภูมิใจในตัวบทเพลงที่สุด” คนเป็นพ่อพูดขึ้นทันทีพร้อมฝังจมูกลงบนแก้มเนียนของลูกสาว
ตอนนี้ลูกสาวของเขาประสบความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นเล็กๆในหนึ่งก้าวของชีวิต
“แม่ก็ภูมิใจในตัวเพลงที่สุด เก่งมากลูกสาวของแม่” คนเป็นแม่พูดขึ้นเช่นกันเพราะตอนนี้ทั้งพ่อและแม่ก็ดีใจไม่ต่างกับบทเพลงเลย
“ทำไมเพลงเลือกเรียนบริหารแทนการเรียนนิเทศล่ะลูกของพ่อชอบร้องเพลงไม่ใช่หรอ” นี่คือข้อสงสัยที่อยู่ในใจคนเป็นพ่อมาตลอดแต่ก็ยังไม่เคยเอ่ยปากถามออกไปจนตอนนี้เพราะเขาเองก็ไม่บังคับบทเพลงว่าต้องเรียนอะไรเพราะอยากให้บทเพลงได้เรียนสิ่งที่ชอบ
“ถ้าเพลงพูดตรงๆพ่อห้ามว่าเพลงนะ” บทเพลงพูดขึ้นเพราะเธอรู้ดีว่าพ่อของเธอหวงเธอมากแค่ไหนแต่ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พ่อต้องรู้แล้ว
“ลองบอกมาก่อน” คนเป็นพ่อพูดขึ้นทันทีพร้อมกับตั้งตารอฟังคำพูดที่จะออกจากปากของลูกสาว
“เพลงชอบร้องเพลงและอยากเป็นนักร้องก็จริงแต่ที่เพลงเรียนบริหารนั่นเพราะพี่ภาม”
“ทำไมเพราะภาม”
“เพลงชอบพี่ภามและตั้งใจแล้วว่าพรุ่งนี้เพลงจะไปบอกชอบพี่ภามค่ะพ่อ”
❤️
ลูกสาวแรงมาก !