พอสิงสถิตที่สตรีมจนเสร็จเธอก็เอาเวลาไปอ่านข้อความของแต่ละคนที่ส่งมาไม่หยุดพร้อมกับทักทายคนที่เข้ามาเมื่อภารกิจเสร็จสิ้นแล้วเธอจึงปิดการสตรีมลงแล้วหันมากินไข่ตุ๋นของตัวเองต่อ วาน่าเลือกที่จะยกไข่ตุ๋นไปนั่งที่หน้าบ้านเพราะด้านหน้าบ้านจะมีโต๊ะเล็กๆ กับเก้าอี้ตั้งอยู่ที่รั่วหน้าบ้านห่างจากประตูเพียงแค่ 2 เมตรเท่านั้น โต๊ะของบ้านวาน่าจะติดกับรั่วบ้านขนาดเล็กที่ทำมาจากไม้ทาด้วย
สีน้ำตาลอ่อนมีความสูงเพียงแค่เอวที่กันอะไรไม่ได้เลยทำได้เพียงแค่กั้นอาณาเขตว่าที่นี่เป็นเขตบ้านของฉัน!!
ส่วนขโมยแค่ก้าวขาข้ามมาแค่นี้ก็สามารถเข้ามาที่บ้านเราได้อย่างง่ายดาย แต่ช่างมันแบบนี้เขาเรียกว่ารั้วประดับ ไม่ได้มีไว้เพื่อกันขโมย
ร่างบางนั่งที่เก้าอี้ที่ติดกับรั้วและรั้วติดกับถนนทางเท้าที่ทุกคนจะต้องเดินกันมันทำให้วาน่าเป็นเหมือนคนที่มาต้อนรับผู้คนให้เดินทางด้วยสวัสดิ์ภาพ กินไปมองดูคนเดินไปช่างเป็นภาพที่เจริญหูเจริญตาเสียจริง ถ้าอยู่ในบ้านเรานี้คือตื่นมาจะได้ยินเสียงแตรแทนเสียงไก่ มีลมที่มนุษย์สร้างขึ้นมาลอยไปมามีสีเทาฟุ้งไปทั่วที่ออกมาจากตัวรถยนต์ ท้องฟ้านี้คือสีแต่แสงแดดเป็นการต้อนรับในยามเช้าของวันใหม่แต่ที่นี่มันไม่มี
ไม่อยากจะพูดบอกเราว่าหนูชอบที่นี่แค่แหกขี้ตาตื่นขึ้นมาก็ไม่มีเสียงแตรของรถหรือเสียงท่อรถกับเสียงตะโกนดังไปมา ไม่มีควันจากท่อรถอาจจะเพราะเทคโนโลยีของกาแล็กซี่นี่ไปไกลกินกว่าที่จะย้อนกลับมาแล้ว ทำให้ร่างบางที่นั่งกินไปมองวิวแบบใหม่ที่ตนได้มาอยู่ด้วยสีหน้าเพลิดเพลินบนท้องฟ้ามียานขับไปมาให้ร่มเงาได้เป็นอย่างดีทั้งลำเล็กลำใหญ่ลอยกันไปมาประหนึ่งบนนั้นมีถนนอย่างไรอย่างนั้น
ด้านบนมียานด้านล่างมีรถ ถนนมีคนเดินไปมากันไม่เยอะมากเพราะยังไม่ได้เช้าเกินไปส่วนใหญ่จะมีแต่เด็กกับวัยทำงานที่ต้องเดินผ่านทางนี้ คนที่เดินไปมาเมื่อเห็นวาน่าที่นั่งอยู่ในรั้วบ้านของตัวเองก็หันมามองด้วยความสนใจไม่ได้สนใจที่เจ้าของบ้านนะแต่สนจะของกินที่ส่งกลิ่นลอยไปมาสีหวานน่ากินมากกว่าที่จะมองมาที่หน้าเจ้าของบ้าน
(o-o) หน้าวาน่าที่ไม่รู้ว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองทำไม
“เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่า” เจ้าตัวถามอีกฝ่ายที่มากันเป็นกลุ่มเป็นก้อนและอีกอย่างเป็นผู้ชายทั้งหมด 6 คนด้วย วาน่ามองไปที่ใบหน้าของแต่ละคนจนรู้ว่าพวกเขาน่าจะคนละสายพันธุ์หรือคนละดาวกันเพราะสีผิวและหน้าตาไม่ได้ไปทางแนวเดียวกันเลย บางคนมีตาสามตาอันนนี้น่าสนใจ บางคนมีเขาสวยผิวสีเขียวอ่อนไม่ได้เข้มมากเกินไปแต่ถึงแม้ว่าจะมาจากต่างที่แต่ใดๆ คือหล่อ
หล่อแบบหล่อ หล่อกันคนละแบบ
“เปล่าครับ แค่คิดว่าหน้าตาเหมือนเคยเห็น” ผู้ชายที่เดินนำหน้าหยุดเดินมาหยุดที่บริเวณตรงรั้วที่วาน่านั่งอยู่ทำให้คนอื่น ๆ ที่อยู่ข้างหลังต้องหยุดเดินกันไปด้วย “เหรอ แกรู้จักคนเยอะเกินไปหรือเปล่า” ชายผิวสีเขียวน่ามองไม่เชิงเป็นเขียวแก่แต่เป็นเหมือนเขียวพาทเทลมากกว่าสายตาของเจ้าตัวที่หันไปมองเพื่อนของตัวเองด้วยสายตาอย่างรู้กัน
“แกอยากจีบก็พูดมาเถอะ”
เดี๋ยวเรายังนั่งอยู่ตรงนี้นะ เห็นไหม เห็นเราไหมว่าแต่ทำไมสูงกันจัง
“ออ...น้องวาน่านี้เองตัวจริงน่ารักกว่าที่คิดอีกนเนี่ย” (^v^) คนหลังสุดเดินแทรกเพื่อนคนอื่นๆ ขึ้นมาก่อนที่จะยิ้มหวานๆ ให้หญิงสาวตรงหน้าก่อนที่จะก้มลงไปมองที่อาหารที่วางสวยๆ อยู่บนโต๊ะจน 2-3 คนหันมามองหน้ากันเหมือนไม่รู้จักว่าเป็นใคร
มีคนรู้จักเราด้วย (OoO)
“คือ?” คนที่สองถัดจากด้านหลังหันมาถาม
“โห! อะไรนายไปอยู่ที่ไหนมาช่างเถอะ คือพี่ติดตามน้องอยู่เลยนะเมื่อเช้าพี่พึ่งโชคดีได้ไข่ เอ่อ...ไข่ตุ๋ย”
“ตุ๋นหรือเปล่า” (-_-!)
“ใช่ๆ นั่นแหละอร่อยมากเลยด้วยนะ พวกนี้เพื่อนพี่เองพี่มีชื่อแอคเคาท์ว่า ‘ประตูรัก’ นะ” พูจบเจ้าตัวก็แนะนำคนอื่น ๆ ให้ฟังว่ามีชื่ออะไรบ้างกลายเป็นว่าเธอได้เพื่อนมาแบบงงๆ สรุปกันง่ายๆ คือมีแค่ 3 คนที่รู้จักเธอแต่ก็ถือว่าเราดังพอใช่ได้เลย
ดีใจจุง
“ออ ช่องที่แกส่งมาให้ดูอะนะว่าแต่ทำไมถึงตัวเล็กจัง” ผู้ชายผิวเขียวถามพร้อมยื่นหน้าเข้ามาหาด้วยสีหน้าพินิจพิเคราะห์ประหนึ่งว่าเธอเป็นตัวอะไรสักอย่างที่เอาไว้ใช้ศึกษา “ชื่อวาน่านะ อายุ 17ปี ตอนนี้ไม่ได้เรียนมาจากดาวโลกยินดีที่ได้รู้จักนะมาเป็นเพื่อนกันนะ” (^^) วาน่าส่งยิ้มไปให้ด้วยสีหน้าเป็นมิตรอย่างไม่ได้คิดอะไรเพราะยังไงการที่จะมีเพื่อนก็ดีกว่าไม่มีเลยนั่นแหละนะ
“17 น้อยกว่าพวกเราแค่ 2 ปีเองนะเนี่ย” ผู้ชายอีกคนพูดขึ้นมา
“ถ้าอย่างนั้นแปลว่าเราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่ไหม”
“อือ”
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ นี้คือเฟอร์นิชของกลุ่มเรานะมาคุยๆ กันเนอะว่าแต่มีเฟอร์นิชหรือยัง”
เฟอร์นิชคืออะไรอะ เหมือนเฟสหรือโซเชียวในโลกของเราหรือเปล่าคงจะเหมือนกันแหละนะ “ยังเลยเดียวหนูไปสมัครนะ” วาน่าที่พอยืนทำให้สีส่วนสูงเพียงแค่ไหล่ของพวกเขาเท่านั้นแต่ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นมิตรเกินไปเลยอาสามาเป็นคนแนะนำการสมัครให้ “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพวกเราสมัครให้เอง”
“ใช่ๆๆ เดี๋ยวพวกเราสมัครให้ง่ายนิดเดียว”
10 นาทีผ่านไป
อย่างน้อยเราก็ได้เพื่อนมาแล้วตั้ง 6 คนแหละนะหลังจากที่ผ่านไป 10 นาทีทำให้เธอได้สนิทกับเพื่อนใหม่ที่บังเอิญเจอกันระหว่างทางที่พวกเขาเดินไปเรียน พอคุยกันไปกันมาวาน่าก็รู้ว่าพวกนี้เรียนอยู่ประมาณ M1 หรือประมาณ ม.7 ใช่ฟังไม่ผิด
กาแล็กซี่นี่มีระบบการเรียนการสอนที่ค่อนข้างจะอิสระมากมัธยม 1-6 จะเรียกว่า A1-A6 เป็นการเรียนการสอนที่เป็นแบบปล่อยไม่เหมือนของไทยคือเป็นครึ่งเช้าจะเรียนในโรงเรียนแต่อีกครึ่งบ่ายจะเรียนอิสระที่หมายถึงชอบด้านไหนก็ไปด้านนั้นเลย ไม่มีการกักบริเวณคือสามรถออกจากโรงเรียนได้ตลอดเวลาตามที่ต้องการ
M1 จะเป็นปีที่แนะแนวหรือสอนแบบมหาลัยแต่เป็นการค้นหาตัวเองมากกว่าเรียนอิสระการเรียนลักษณะประมาณว่าเรียนกับอาจารย์และคนจากอาชีพนั้นๆ M1 ถือเป็นปีที่อิสระที่สุดเพราะจะอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องไปที่มหาลัยเช่นเดียวกับปีอื่น ๆ และอีกอย่างคือมัธยมกับมหาลัยอยู่ใจเขตเดียวกันคือติดกันเลย
“งั้นพวกเราไปก่อนนะ”
วาน่าโบกมือลาคนอื่น ๆ เหมือนสนิทกันมานานก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง “จ้า โชคดีน้า”
หลังจากที่ลาพวกนั้นไปแล้ววาน่าหันมาแกะกล่องที่มีคนส่งมาให้และแน่นอนว่าคนที่ส่งมาต้องเป็นคนทางสหพันธ์ที่มาจากดาวชื่ออะไรไม่รู้รู้แต่ว่ามันไกลมากเพราะส่งตรงมาทางศูนย์ใหญ่เลยพอแกะออกมาเท่านั้นแหละบอกเลยว่าโคตรของโคตรของโคตรเลยด้วย มันไม่ใช่หุ่นยนต์คนแบบที่เคยคิดหุ่นยนต์ที่ได้มามันเป็นเหมือนหุ่นยนต์ในหนังเลย หุ่นยนต์สารพัดประโยชน์รูปร่างหน้าตาเหมือนในหนังสตาร์วอร์เลยแถมยังพูดได้ทำอะไรได้หมดเลย
“ตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ”
“ยืนดีที่ได้รู้จักคุณหนู ตั้งชื่อผมได้เลย ผมอยากมีชื่อ” เจ้าหุ่นยนต์ตรงหน้ากระพลิบไฟไปมาพูดขึ้นมาเจ้าของต้องทำสีหน้าจริงจังเพื่อที่จะคิดชื่อเจ้านี้ขึ้นมาใหม่ “ชื่อ สาระ ไม่เอาดีกว่าเอาชื่ออื่น”
“บียอน เกาหลีเกินไป”
“...”
“บีกัน ไม่ๆๆ”
“…”
“วีว้า เหมือนหมาเกินไปไม่เอา”
“…”
“อืม...วีป ชื่อวีปก็แล้วกันเนอะ” เจ้าวีปพยักหน้าขึ้นลงเหมือนคนที่พูดคุยกันรู้เรื่องหลังจากนั้นเธอก็มานั่งอ่านคู่มือของเจ้านี้ต่อโดยการอ่านต้องเอาเครื่องมือแปลภาษามาอ่านเพราะไม่อย่างนั้นคงเหมือนมนุษย์ต่างดาวที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายที่ไม่รู้เรื่องภาษาอะไรเลย
ต้องเก่งขนาดไหนถึงจะรู้ทุกภาษาของทั้งกาแล็กซี่ว่ะ คือต้องมีรอยหยักเยอะแค่ไหนถึงจะจำได้ว่าดาวไหนอยู่ตรงไหนมีสายพันธ์อะไรบ้าง พูดภาษาอะไรมีกี่ภาษาอะไรพวกนี้ได้หมดอะแค่มองเห็นคนเดินไปมาก็ลายตาแล้ว
อยากรู้จังว่าที่โรงเรียนเขาต้องสอนกี่ภาษาอะ ครูคงจะเก่งมากแน่เลย
วาน่าอ่านคู่มือไปกับอัดงานนั้นนี้ไปเรื่อยเพราะยังเช้าอยู่เลยพึ่งจะกี่โมงเองนักเรียนยังเข้าเรียนกันไม่หมดเลยด้วยซ้ำทำให้วาน่ามีเวลาที่จะถักน้องตุ๊กตามังกรน่ารักที่ดูมาจากซีรี่แล้วอินเกินไป อยากจะบอกนะว่าที่ดาวนี่มีดาวของมังกรด้วยนะพวกเขายังแปรงร่างได้ด้วย
โคตรสุดอะบอกเลย น่าเสียดายที่พวกมังกรจะไม่ค่อยออกไปไหนคือจะอยู่แต่กับดาวตัวเองอีกอย่างยังหาตัวยากมากๆ เลยแต่ที่ได้รู้คืออย่างน้อยก็มีดาราที่เราชอบเป็นมังกรอยู่ตั้ง 1 คนหรือตัว เราต้องเรียกอะไรอะ
และเจ้าตีกตามังกรของเรา เราก็จะเป็นแฟนคลับที่ดีส่งไปให้ไง เป็นติ่งมันก็อย่างนี้แหละกระสุนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัวแหละ เราจะได้มีคลิปไปอัปด้วย ดีดี๊ (^v^)
เจ้าวีปทำได้ทุกอย่างเพราะส่งตรงมาจากสหพันธ์ไม่เหมือนที่ขายตามทั่วไปทำให้มันสามารถทำงานได้ทุกอย่างและสามารถตอบโตได้เหมือนมนุษย์และยังมีปฏิสัมพันธ์ได้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วแล้วงานบ้าน จัดสวน ล้างจาน ส่งของและอื่น ๆ อีกสามารถคิดคำนวณได้ด้วยทำงานเอกสารและยังทำอื่น ๆ ได้อีก
เจ้าวีปเธอเลี้ยงแบบง่ายๆ เหมือนสัตว์เลี้ยงทำให้มันน่ารักมากทั้งนิสัยและงานพูดการจาแม้ว่าบางครั้งมันจะจริงจังมากเกินไปก็ตามมันทำตั้งแต่ดูดฝุ่นไปจนถึงขัดห้องน้ำเลยก็ว่าได้ จนเธอไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าให้ทำอะไรบ้างก่อนที่จะออกไปข้างนอกเธอก็ไม่ลืมที่จะฝากบ้านไว้กับเจ้าวีปได้
คือเราฝากทุกอย่างไว้กับวีปได้จริงๆ ใช่ไหมถึงแม้ว่ามันจะมีระบบเวลามีขโมยขึ้นมาสัญญาณจะส่งตรงไปที่สถานีตำรวจทันทีก็ตามแต่เราก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
“ไปดีมาดีนะครับ เดี๋ยวที่เหลือวีปจะจัดการทุกอย่างเองไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”
“จ้าๆๆ อย่าลืมจัดการลานหน้าบ้านกับด้านข้างด้วยนะ”
“ครับ ผมจะจัดการให้เองไม่ต้องห่วงนะ”
หลังจากฝากฝั่งทุกอย่างไว้กับเจ้าวีปจนหมดแล้วเธอก็เดินไปท่องเที่ยว(แถวนี้) เพราะต้องการไปหาซื้อของกินและซื้อดินกับเมล็ดพันธุ์มาปลูกแบบง่ายๆ ดีกว่า ด้วยความที่บริเวณนี้เป็นบริเวณที่ที่เหมือนศูนย์กลางของทั้งหมดที่มีครบทำให้ราคาที่ดินถึงขั้นสูงลิบฟ้าเลยก็ว่าได้
จะว่าไปไกลเหมือนกันนะเนี่ยเสียดายที่เราไม่มีรถยนต์ลำบากจังทำไมทางสหพันธ์ถึงไม่ให้รถยนต์เรามาด้วยอะ หรือว่าเขาเอาเงินไปซื้อบ้านให้เราหมดแล้วเลยไม่มีเงินซื้อรถยนต์ให้เรารึเปล่าแต่ถ้าจะให้คิดเรื่องราคาว่าอะไรที่มีราคาแพงมากกว่ากันระหว่างรถยนต์กับยานที่ลอยฟ้าไปมา เราว่ายานน่าจะแพงกว่านะแม้ว่ามันจะมีที่นั่งให้แค่ 2-4 ก็ตามที
เท่าที่เห็นจอดข้างบ้าน (ความสอดรู้) จะเห็นว่าที่นั่งมีแค่ 2 ที่เท่านั้นเองและมันหรูมากด้วยส่วนหลังเบาะจะเป็นที่เก็บของขนาดไม่ใหญ่มากแต่เด็กจะสามารถนั่งได้ บางรุ่นยังมีล้อในตัวด้วยเผื่อว่ามันจะขับบนถนนได้ก็มี
พอมาถึงบริเวณที่เป็นย่านการค้าก็จะพบเห็นว่ามีทั้งร้านหลายร้านตั้งอยู่แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะอยู่บริเวณนี้อย่างเช่นร้านขายยาน ร้านขายรถ ร้านเกมอันนี้ใหญ่มากขนาดเท่าห้างเลยก็ว่าได้เกมที่เล่นจะมีตั้งแต่เกมกระดาษจนไปถึงเกมใหญ่ๆ ที่คล้ายกับสวนสนุกร้านเกมนี้จะเป็นร้านหรือห้างที่เป็นจุดศูนย์รวมของทุกคนมีร้านขายอาหารเหมือนปกติแต่จะมีร้านเกมเยอะมากกว่า
บอกเลยว่ามีเกมเยอะมาก มีร้านขายตุ๊กตาด้วยนะแต่เราจะไปหาร้านขายดินโอ๊ะ! มีร้านขายไหมพรมด้วยว่าแต่ทำไมมันเงียบจัง เหมือนเป็นร้านทำอะไรสักอย่างที่มีไหมพรมขาย
“ยินดีต้อนรับ ต้องการอะไรหรือเปล่าร้านของเรามีตุ๊กตาและอื่น ๆ ลูกค้าต้องการตัวอะไรตั้งแต่เสื้อ กางเกง หรืออะไรก็ตามทางร้านของเราสามารถสั่งทำได้โดยตรงเลย” ทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามาจะพบว่าที่นี่เป็นเหมือนร้านก็ไม่ใช่โรงงานก็ไม่เชิงเพราะที่นี่จะพนังงานอยู่ไม่เยอะด้านข้างจะเป็นกระดานเพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการอะไรสามารถวาดและนำมาแปะได้เลย หลังจากนั้นพนักงานจะนำไปให้เครื่องทำตามที่ลูกค้าต้องการ
คือที่นี่งานพวกนี้คนไม่จำเป็นต้องทำนะ เพราะแต่ไหนแต่ไรเครื่องจะทำให้อยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ
“คือพอดีหนูอยากจะไหมพรมหน่อยนะ พอขายให้ได้หรือเปล่า”
“คุณลูกค้าจะเอาไปทำอะไรหรือต้องการไปทำไม ทางร้านเราสามารถทำให้ได้เลยนะถ้าคุณลูกค้าต้องการใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 วันเท่านั้นก็จะได้แล้ว” พนักงานสองสามคนทำสีหน้าแปลกใจที่มีลูกค้ามาขอซื้อไหมพรมจริงอยู่ที่ร้านนี้มีไหมพรมขายแต่ปกติจะไม่มีใครมาขอซื้อนอกจากเด็กที่จะเอาไปทำงานประดิษฐ์ ด้านซ้ายเป็นกระดานส่วนด้านขวาจะเป็นไหมพรมนานาชนิดหลายขนาดจัดเรียงเป็นระเบียบ
“หนูจะเอาไปถักงานเล่นๆ หรือว่าที่นี่ไม่ขายเหรอ”
พนักงานที่อยู่ในร้านทำตาโตแม้แต่หุ่นยนต์ที่อยู่ใกล้ๆ ยังหันมามองหน้าด้วยสีหน้าตกใจมากทีเดียวเลย “คุณลูกค้าบอกว่าถักเองเลยเหรอ”
มองเราทำไมอะ เราแปลกขนาดนั้นเลยเหรอแค่ถักเป็นนี้คือเรากลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดเลยใช่ไหม
“ออ ที่แท้หนูก็จะเอาไปทำงานที่โรงเรียนสินะจ้ะทำพี่ตกใจหมด งานพวกนี้ให้เป็นหน้าที่ของหุ่นยนต์ที่เก่งด้านนี้ดีกว่านะจ้ะ” พนักงานคนแรกตอบกลับมาด้วยสีหน้าเบาใจ
“นี้ถ้าหนูถักเองได้พี่จะนั่งลงไปกราบน้องเลย แต่หนูคงทำไม่ได้ก็ของพวกนี้นะมีแต่คนแก่ๆ ที่ทำได้ทั้งนั้นแหละคนสมัยนี้ใครมันจะไปทำกันได้” พนักงานคนที่สองพูด
เราโดนหลอกด่าว่าแก่หรือเปล่าอะ (-_-!)
ไม่หรอกงานแบบนี้เราเรียกว่างานมือ สรุปคือพวกนางจะขายไหมถ้าไม่ขายเราจะได้ไปที่อื่นต่อ
“สรุปพวกพี่ขายหรือเปล่า ถ้าไม่ขายหนูจะได้ไปที่อื่น” วาน่าพูดพร้อมยกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม “ขายจ้า ขาย”
เฮ้อ...สักทีเจ้ามังกรน้อยของฉันจะได้เสร็จสักทีเหลือแต่ปีกกับเขาเท่านั้น งานน้องมังกรที่เราทำก็จะเสร็จสมบูรณ์การเป็นติ่งนี้มันต้องใช้
ความพยายามนะรู้ไหม
ทั้งแรงและความทุ่มเทมันต้องมี
“วันหลังไว้มาอุดหนุนอีกนะ”
อะจ้ะ ตามที่สบายใจ
ติ้ง ติ้ง ติ้งๆๆๆๆ
“อะไรมันแจ้งเตือนเนี่ยทำไมดังจัง ทำอย่างกับว่าเราเป็นเป็นคนดังที่มีธุรกิจพันล้านอย่างนั้น...แหละ”
(O_O) อะไรวะเนี่ย มันเกิดอารายขึ้น
ผู้ติดตาม 10,000 คน
...น้องวาน่ามีมีเฟอร์นิชแล้ว ดีใจจุง
...ผมทำแซนวิชแล้วนะ มาสอนอีกนะพึ่งรู้ว่าฝีมือตัวเองอร่อยมากเลย
...แค่เห็นรูปก็น่ารักแล้ว กดติดตามเพราะความน่ารักล้วนๆ
.
..วาน่าของชานนนน
...อ๊ายยย มีเฟอร์นิชแล้วไม่น่าล่ะลองหาจนทั่วก็หาไม่เจอนางพึ่งสมัครนี่เอง (>v
คุณมีข้อความแสดงความคิดเห็น 5,894 ข้อความ
คุณอยู่อันดับที่ 15 ของเฟอร์นิชที่จัดอันดับความมาแรง
“เดี๋ยวนะ นี้เราเป็นคนดังแล้วเหรอ”
น้อนได้เพื่อนแล้วน้าาา เพื้อนปู้จายด้วยเป็นผู้หญิงคนเดียวในแก๊งก็จะต้องดูแลกันดีหน่อยๆ อะนะ ฮุๆๆๆ ย้ำนะว่าเพื่อน!!!!! น้องวาน่าของ
เราดังใหญ่แล้วน้าขอบอกมีความไม่รู้จักเฟอร์นิช (ตั้งขึ้นมาสดๆ ร้อนๆ เลยด้วยนะ)