ตอนที่2 น้องกาย

911 คำ
ตอนที่2 น้องกาย ปักษธร เดินเข้ามาห้องนอนสีฟ้า ผนังด้านหนึ่งเต็มไปด้วยรูปซุปเปอร์ฮีโร่หลายตัวกำลังโพสท่าอยู่ในโปสเตอร์ใบใหญ่ เดินผ่านตู้โชว์เล็กๆ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยโมเดลของยอดมนุษย์ที่มีพลังพิเศษและช่วยกอบกู้โลกมาแล้วหลายครั้งหลายคราจากเหล่าร้ายที่พยายามวางแผนยึดครองโลก นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มส่องประกายแห่งความรักและเอ็นดูไปยังเจ้าของห้องที่นอนคลุมโปงขนาบข้างด้วยตุ๊กตาสัตว์ประหลาดแยกเขี้ยวอย่างน่ารักน่าเอ็นดูทันทีที่เขานั่งลงบนเตียงขนาดเล็กความไหวยวบยาบของเตียงทำให้เจ้าของห้องนอนตัวน้อยเปิดผ้าห่มขึ้นมามองด้วยดวงตาใสแป๋วไร้เดียงสา “พ่อชุนห์คร๊าบ วันนี้กายไม่ค่อยสบายขอไม่ไปโรงเรียนนะครับ” มือเล็กดึงแขนกำยำไปกอดอย่างออเซาะ พร้อมกับซบศีรษะน้อยถูไปกับหัวไหล่ของตัวโตที่นั่งอมยิ้มอย่างรู้ทันเจ้าจอมแสบ “ถ้าน้องกายไม่สบายก็นอนพักซะเถอะครับ” นัยน์ตาสีเข้มจ้องมองร่างเล็กที่ทำตาพราว เมื่อคิดว่าแผนการของตนเองที่วางไว้สำเร็จ ก่อนทประโยคต่อไปของเขาจะทำให้เด็กน้อยเจ้าแผนการดวงตาเบิกโพลงร้องเสียงหลง “เดี๋ยวพ่อจะโทรไปหาคุณหมอแววตาให้มาฉีดยาให้กายนะครับ จะได้หายป่วยไวๆ” “โอ๊ย! ไม่เอานะครับคุณพ่อ กายกลัวเข็มฉีดยา เดี๋ยวกายนอนพักเฉยๆ ก็หายแล้ว” ร่างน้อยทะลึ่งพรวดขึ้นมานั่งทำหน้ามุ่ยอย่างถูกขัดใจ เมื่อโอกาสที่กำลังจะกลายเป็นดีได้เปลี่ยนเป็นวิกฤติเอาซะงั้น ปักษธรส่ายหน้าไปมาอย่างไม่จริงจังนักให้กับลูกชายตัวเล็กที่เป็นดังแก้วตาดวงใจของเขาอย่างหน่ายๆ ผู้คนภายในไร่อุ้มรักล้วนแล้วแต่รู้วีรกรรมความดื้อและแสนซนของคุณหนูตัวน้อยเป็นอย่างดีพอๆ กับความสดใสน่ารัก ก็เด็กชาย ผกาย ภากร ธรรมดาซะที่ไหนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางแก้วที่นอกจากงานแม่บ้าน นางยังพ่วงตำแหน่งผู้ดูแลคุณหนูของไร่อีกตำแหน่งด้วยจะรู้ข้อนี้ดีกว่าใครที่สุด “งั้นกายก็บอกพ่อมาตามตรง ว่ากายมีปัญหาอะไรถึงไม่อยากไปโรงเรียน” ปักษธรโอบร่างเล็กมาไว้ในอ้อมกอด พลางลูบศีรษะแผ่วเบา เพื่อให้เด็กน้อยรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลายและไว้ใจที่จะถ่ายทอดเรื่องที่อัดอั้น เป็นปัญหาของเขาอยู่ในใจ เด็กน้อยกอดแขนเขาเอาไว้แน่น แหงนหน้ามอง ดวงตาเล็กๆ สดใสรื้นไปด้วยหยาดหยดแห่งน้ำตา ร่างเล็กสั่นเทราสะอื้นฮักก่อนจะพรั่งพรูเรื่องต่างๆ ออกมา “ไอ้บอยกับพวกมันล้อกายอีกแล้วครับคุณพ่อ ฮือๆๆ กายไม่อยากไปโรงเรียน กายไม่อยากไปเจอพวกนั้นอีก” มือสากใช้นิ้วโป้งปาดน้ำที่ไหลย้อยอาบแก้มนุ่มนั่นออกช้าๆ น้ำจากดวงตาคู่เล็กที่เขาเห็นมันกำลังไหลนองหน้าเด็กน้อย เหมือนน้ำกรดที่สาดรดลงมากลางหัวใจ กัดกร่อนก้อนเนื้อในอกให้แหลกเหลว ปวดแปลบ เจ็บร้าวจนหายใจติดขัด กลายเป็นแผลเป็นขนาดใหญ่ที่บาดแผลไม่เคยหายสนิท มันเรื้อรังทรมานและรอวันกำเริบอยู่ตลอดเวลา “กายไม่ต้องไปสนใจพวกเด็กเกเรพวกนั้นหรอกลูก กายไม่ใช่เด็กไม่มีแม่เหมือนที่พวกนั้นพูด กายมีคุณแม่ที่ใจดีและก็รักกายมากด้วย ท่านเฝ้ามองลูกอยู่บนสวรรค์คอยส่งกำลังใจมาให้ คอยดูกายเติบโตอย่างกล้าหาญและเข้มแข็ง และคุณแม่จะดีใจมากถ้าเห็นกายเป็นเด็กดีเชื่อฟังพ่อและตั้งใจเรียน กายจะต้องเข้มแข็งนะลูกอย่าไปสนใจคำพูดของเด็กพวกนั้น อย่าเก็บเอาคำพูดของพวกเกเรมาบั่นทอนทำให้เราอ่อนแอ กายยังมีพ่ออยู่ทั้งคนนะครับ” ร่างเล็กของเด็กชายอายุห้าขวบพยักหน้าหงึกทั้งที่น้ำตายังเอ่อคลอ น้องกายไม่เคยเห็นหน้าคุณแม่ของเขาเพราะบิดาเล่าให้ฟังว่าท่านได้จากไปด้วยโรคร้ายตั้งแต่เขาอายุยังไม่ครบขวบปี ความรักและความอบอุ่นเดียวที่ได้รับล้วนมาจากบิดา ซึ่งแน่นอนบางครั้งการถ่ายทอดมายังเด็กน้อยย่อมแต่ต่างกับเด็กคนอื่น ที่มีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้าทั้ง พ่อ แม่ ลูก “เอางี้ดีมั้ย เดี๋ยววันหยุดนี้พ่อพาไปเที่ยวในเมือง ไปหาขนมอร่อยๆ ทาน ดูหนังกันสักเรื่อง แต่ตอนนี้กายต้องรีบไปอาบน้ำแปรงฟันเตรียมตัวไปโรงเรียน โอเคมั้ย เดี๋ยววันนี้พ่อจะไปส่งที่โรงเรียนเอง” “จริงนะครับคุณพ่อ” “จริงสิลูกผู้ชายพูดคำไหนคำนั้น ไปได้แล้วลุกขึ้นเร็ว” ปักษธรขยี้หัวลูกชายอย่างเอ็นดู มองตามร่างเล็กที่กระวีกระวาดลุกขึ้นจากเตียงนอนตรงปรี่ไปยังห้องน้ำ แล้วเปิดประตูห้องนอนออกมาพยักหน้าให้นางแก้วที่ยืนรออยู่นอกห้องเพื่อให้รับหน้าที่ต่อ นางแก้วมองเจ้านายด้วยน้ำตาคลอ ก่อนจะยกมือปาดน้ำตาแล้วรีบกุรีกุจอเข้าไปในห้องช่วยคุณหนูของไร่อาบน้ำ แต่งตัวให้กับเจ้านายตัวน้อยที่ดูเหมือนจะถูกปราบพยศไปเรียบร้อยแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม